เสียงเอะอะโวยวายภายในห้องพักสุดหรูของเจ้าของห้องทำให้บรรดาเพื่อนสนิททั้งสามถึงกับส่ายหน้า เพราะพวกเขาไม่คิดว่าจะต้องมาเจอสภาพน่าสมเพชของชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าใจแข็งและเย็นชาที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยพบเห็นมา
“มันเกิดอะไรขึ้นวะศิน”
‘คิน’ หรือ ‘โภคิน ชาญเดชา’ บุตรชายเพียงคนเดียวของท่านภาคินกับคุณหญิงสร้อยดารา ชาญเดชา และตอนนี้ยังดำรงตำแหน่งรองประธานฯ โรงแรมในเครือธารากรุ๊ปของท่านภาคินผู้เป็นบิดา หันมาถามเพื่อนด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยมีสักครั้งที่เพื่อนสนิทคนนี้จะมีสภาพย่ำแย่ถึงเพียงนี้
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนมาเจอไอ้ใหญ่ สภาพมันก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”
‘ศิน’ หรือ ‘วศิน อัครมนตรี’ บุตรชายคนที่โตของท่านราชิตและคุณหญิงศิริวรรณ อัครมนตรีหันมาตอบเพื่อนด้วยสีหน้าสงสัยไม่ต่างจากคนอื่นๆ เพราะเขาเองก็ยังแปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพยัคฆ์
“แล้วนายรู้หรือเปล่าวัฒน์”
“ก็เรื่องเดิมๆ นั่นแหละไอ้คิน”
‘วัฒน์’ หรือ ‘อภิวัฒน์ กิตติไพบูรณ์’ บุตรชายคนเล็กของคุณพิชัยกับคุณราตรี กิตติไพบูรณ์เอ่ยด้วยอาการเซ็งๆ เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพื่อนสนิทคนนี้จะรักแฟนสาวได้ถึงขนาดนี้
แม้เขาจะเห็นว่าพยัคฆ์กับนภาลัยจะทะเลาะกันหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยรุนแรงเท่าครั้งนี้เลย ไม่รู้ว่าคราวนี้ทั้งสองมีปัญหาร้ายแรงกันแค่ไหน ถึงทำให้อาการของเพื่อนรักเขาเป็นแบบนี้
“ทะเลาะกับยัยฟ้ามาอีกแล้วเหรอ”
วศินทำหน้าเซ็ง เมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้พยัคฆ์มีอาการแบบนี้ ไม่รู้จะรักผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนนั้นไปอีกนานแค่ไหน ทุกคนก็รู้ว่าแฟนสาวของพยัคฆ์เป็นคนอย่างไร แต่ทำไมเพื่อนของเขาถึงไม่ยอมรับรู้ถึงข้อนี้เสียที
“ก็คงอย่างนั้นแหละ”
อภิวัฒน์ทำเสียงเหนื่อยหน่าย เพราะเขาเองก็เริ่มจะหมดความอดทนกับเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน หลายปีที่ผ่านมาความรักของพยัคฆ์กับนภาลัยดูจะราบรื่นมาตลอด แต่เมื่อสองปีที่ผ่านมา ทั้งสองเริ่มที่จะมีปัญหา จนถึงขั้นทะเลาะกัน จนเขาและเพื่อนคนอื่นๆ ต่างส่ายหน้าเพราะความเบื่อหน่ายกับปัญหาของหนุ่มสาวคู่นี้
“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าไอ้ใหญ่กับยัยฟ้าทะเลาะอะไรกันนักหนา คบกันมาก็หลายปีแล้ว แต่ยังทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ ไปได้”
“พวกนายยังไม่ชินอีกเหรอวะ”
“ฉันก็อยากจะชินอยู่หรอก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้ใหญ่ถึงอาการหนักขนาดนี้”
อภิวัฒน์พูดขณะสายตาเหลือบไปมองร่างสูงใหญ่ ที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนอนอย่างกลัดกลุ้ม ยิ่งเห็นอาการของเพื่อนรักแล้ว เขาก็ยิ่งสงสัยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงได้มีสภาพย่ำแย่ถึงเพียงนี้
“หรือว่าไอ้ใหญ่จะเลิกกับยัยฟ้าแล้ววะไอ้ศิน ไอ้วัฒน์”
โภคินพูดขึ้นอย่างสงสัย อาการของพยัคฆ์มันเหมือนคนอกหักเหลือเกิน ไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เพื่อนรักเขามีสภาพแบบนี้เป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า หากเป็นอย่างที่เขาคิด เห็นทีพยัคฆ์คงจะมีสภาพย่ำแย่แบบนี้ไปอีกนาน กว่าจะทำใจได้ เพราะเขารู้ดีว่าพยัคฆ์รักนภาลัยมากแค่ไหน ยิ่งรักมากก็ยิ่งเจ็บปวดมากเป็นธรรมดา
“ฉันตอบนายไม่ได้หรอก ต้องรอให้ไอ้ใหญ่มันตื่นขึ้นมาเสียก่อน”
“งั้นพวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านดีกว่า พรุ่งนี้ก็ค่อยมาดูไอ้ใหญ่ก็แล้วกัน ปล่อยให้มันนอนให้เต็มอิ่ม แล้วพรุ่งนี้ก็ค่อยว่ากัน”
วศินตัดบทก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วปรายสายตาไปมองร่างที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงอย่างอ่อนใจ ยิ่งเห็นอาการไม่ได้สติของเพื่อน เขาก็ยิ่งเครียด ไม่รู้ว่าพยัคฆ์จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน หากสิ่งที่พวกเขาคิดเป็นจริง งานนี้คงจะเกิดเรื่องยุ่งๆ ตามมาอีกมากมายทีเดียว
“ฉันจะนอนเฝ้าไอ้ใหญ่ที่นี่”
อภิวัฒน์บอกพร้อมกับลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ เขาเองก็อยากกลับไปนอนที่บ้านเหมือนกัน แต่ติดตรงที่พยัคฆ์ยังนอนหลับไม่ได้สติ แถมยังเมาหนักจนเขาต้องแบกออกมาจากผับ
“งั้นฉันกับไอ้ศินกลับก่อน แล้วพรุ่งนี้จะรีบมาดูไอ้ใหญ่ก็แล้วกัน”
โภคินเอ่ยออกมาในที่สุด ก่อนจะลุกเดินตามวศินไป เขาเองก็อยากนอนค้างที่คอนโดฯ ของพยัคฆ์เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่าคืนนี้เขาโทรไปแจ้งให้มารดาทราบแล้วว่าเขาจะกลับไปนอนบ้าน ขื่นไม่กลับไปสิ มีหวังเขาโดนบ่นจนหูชาอีกแน่
“โอเค งั้นเจอกันพรุ่งนี้ ฉันก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
อวิวัฒน์พูดก่อนจะลุกเดินตามไปปิดประตู หลังจากวศินกับโภคินออกไปจากห้อง ชายหนุ่มก็เดินตรงเข้าไปในห้องนอนของเพื่อนรัก
เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็เดินมาหยุดอยู่ปลายเตียงพร้อมกับจ้องมองร่างที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วง สภาพแบบนี้เขารู้ดีว่ามันคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ เพราะไม่อย่างนั้นผู้ชายที่มั่นใจในตัวเองและแสนจะเย็นชาอย่างพยัคฆ์ เลิศอัครเกรียงไกร คงจะไม่มีสภาพเป็นเช่นนี้
///////////
13 : 45 นาฬิกา ณ สนามบินเชียงใหม่
หญิงสาวร่างเพรียวบางถึงกับยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวร่างบอบบางเดินออกมาจากประตูขาออกของสนามบิน เธอไม่นึกเลยว่าเพื่อนรักจะมางานวันเกิดของเธอได้ แต่ก่อนหน้านี้ปิยะดาเคยบอกเธอว่าหากไม่ติดธุระอะไรก็จะบินมาร่วมงานวันเกิดของเธอ และสุดท้ายปิยะดาก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวัง
“แก้มคิดว่าแก้วจะมาไม่ได้เสียอีก”
“ต้องมาสิจ้ะแก้ม งานวันเกิดของแก้มทั้งทีนี่น่าแก้วจะไม่มาได้ยังไงจริงไหม”
ปิยะดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง เธอหรือจะไม่มาวันเกิดของเพียงตะวัน ย่อมที่จะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ในเมื่อเธอมีเพื่อนสนิทเพียงสามคนเท่านั้น และไม่รู้ว่างานนี้พินทุอรจะมาด้วยหรือเปล่า
“แก้มดีใจจังเลยที่แก้วมา พี่กรยังบ่นอยู่เลยว่าไม่เห็นแก้วมาเที่ยวที่บ้านบ้างเลย เรียนจบก็หายไปเลย”
เพียงตะวันนึกไปถึงพี่ชายแล้วก็ต้องหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าพี่ชายของเธอแอบชอบเพื่อนรักของเธอคนนี้ เพียงแต่เขายังไม่กล้าพอที่จะสภาพรักกับปิยะดาก็เท่านั้น
“แล้วพี่กรสบายดีหรือแก้ม”
ปิยะดานึกไปถึงพี่ชายของเพื่อน เธอได้เจอภาสกรไม่กี่ครั้งเท่านั้น เพราะชายหนุ่มต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและรู้สึกว่าประเทศที่ภาสกรเรียนอยู่ก็คืออังกฤษ ไม่รู้ว่าเธอจะโชคดีได้เจอเขาอีกหรือเปล่า อีกไม่กี่เดือนเธอก็ต้องเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษแล้วเหมือนกัน
“สบายดีสิแก้ว วันนี้พี่กรก็มาด้วยนะ แต่แก้มให้พี่กรรออยู่ที่รถนะ”
“อ้าว! แล้วทำไมแก้มถึงไม่ชวนพี่กรมาด้วย”
“ก็พี่กรน่ะสิไม่รู้เป็นอะไรนักหนา ถึงไม่ยอมมา สงสัยจะทำใจไม่ได้นะ”
เพียงตะวันพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน ก็เพราะปิยะดาที่ทำให้พี่ชายจอมขี้อายของเธอถึงไม่กล้ามาด้วย หากมารับพินทุอรล่ะก็ พี่ชายของเธอจะไม่มีอาการแบบนี้เด็ดขาด
เพราะระหว่างปิยะดากับพินทุอร พี่ชายเธอมักจะแสดงพฤติกรรมที่แตกต่างกันเสมอ เวลาที่พินทุอรมาเที่ยวที่บ้านพี่ชายตัวดีของเธอก็มักจะมารับเองเสมอและจะสนิทสนมกันจนเกินเหตุ แต่เมื่อใดที่ปิยะดาไปที่บ้าน พี่ชายของเธอก็มักจะทำตัวห่างเหิน แต่เมื่อใดที่พวกเธอเผลอ ชายหนุ่มก็มักจะแอบมองปิยะดาอยู่เสมอ
จนเมื่อไม่นานมานี่เอง เธอได้รู้ความลับสุดยอดของพี่ชาย นั่นก็คือรูปถ่ายขนาดจิ๋วของปิยะดาที่พี่ชายเธอแอบขโมยจากเธอไปไว้ในกระเป๋าสตางค์ และเมื่อเธอเค้นเอาความจริงก็ทำให้เธอตกใจไม่น้อย เมื่อรู้ว่าพี่ชายสุดที่รักของเธอแอบรักปิยะดามากว่าสามปี
“ทำใจไม่ได้เหรอ”
ปิยะดามองใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้มของเพื่อนอย่างสงสัย พี่กรที่น่ารักคนนั้นของเธอทำใจไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอะไรหรือว่าอกหักจากผู้หญิง ถึงทำใจไม่ได้แบบนั้น มันต้องใช่แน่ๆ
“พี่กรอกหักเหรอแก้ม”
“ไม่รู้สิ แก้มตอบแก้วไม่ได้เหมือนกัน แต่เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่กรจะรอนาน”
เพียงตะวันรีบตัดบท จะให้เธอตอบอย่างไร ในเมื่อผู้หญิงที่พี่ชายเธอแอบรักก็คือผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคนนี้
อีกทั้งเพื่อนรักของเธออีกคนก็ดูเหมือนจะหลงรักพี่ชายเธอเหมือนกัน เห็นทีงานนี้เธอทำได้แค่เพียงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น เพราะขืนเธอเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ เห็นทีปัญหาคงจะยิ่งยุ่งยากไปใหญ่
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่กรจะรอนาน”
ปิยะดาบอกเพียงตะวันก่อนจะรีบดึงมือเล็กให้ออกเดินตาม การที่พวกเธอปล่อยให้ผู้ใหญ่รอมันไม่ดี อีกอย่างเธอก็ไม่ได้สนิทกับพี่ชายของเพียงตะวันเท่าใดนัก
หากเป็นพินทุอรก็ว่าไปอย่าง เพราะรายนั้นสนิทสนมกับภาสกรยิ่งกว่าเธอเสียอีก ขืนเธอปล่อยให้ชายหนุ่มรอนานมีหวังโดนตำหนิเป็นแน่ ทางที่ดีรีบไปจะดีกว่า
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...