ตอนที่ 1 ตายไปแล้ว
"หญิงแพศยา เจ้าสมควรแล้วที่โดนเช่นนี้"
"ต่อจากนี้ไปเจ้าจะไม่ใช่คนของตระกูลจางอีกต่อไป ช่างทำเรื่องที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงนัก"
"ได้เป็นถึงฮูหยินเอกของท่านองครักษ์จางหมิงแล้ว ยังไม่พอใจ ริอาจคบชู้สู่ชาย ช่างเป็นสตรีแพศยาโดยแท้"
เสียงด่าทอยังคงดังอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย คำสบประมาทเหล่านั้น ไม่ได้สร้างความรู้สึกอันใดให้กับสตรีที่กำลังถูกประณามอยู่เท่ากับสายตาของผู้เป็นสามี ที่จ้องมองมายังนางด้วย สายตาดูแคลน หลี่ไห่อิงได้แต่รู้สึกผิดหวัง ที่สามีคู่ทุกข์คู่ยาก หลงเชื่อคำยุยงของคนอื่น โดยไร้ซึ่งการถามไถ่ที่จะฟังความจริงจากปากของนางแต่อย่างใด เขาใช้เพียงสิ่งที่เห็น เพื่อตัดสินใจลงโทษนางโดยการจับถ่วงน้ำ โดยไร้ซึ่งความยุติธรรมไม่สนใจถึงความทุกข์ยากลำบากที่เคยอยู่ร่วมกันมาหลายปี
ตอนนี้ดวงตาหญิงสาวจึงเต็มไปด้วยความผิดหวัง นางหลับตาลงพร้อมกับยอมรับชะตากรรม ที่อยุติธรรมนี้อย่างจำยอม
ก่อนที่นางจะถูกนำเข้าไปในตะกร้า เพื่อถูกจับถ่วงน้ำ สายตาของหญิงสาวจึงได้ลืมตาขึ้นอีกครั้งสายตาคู่นั้น เต็มไปด้วยความแน่วแน่ ที่เหมือนกับนางได้ปล่อยวางแล้วซึ่งทุกสิ่ง "หากวันใดที่ความจริงเปิดเผย ขอให้ท่านมีชีวิตอยู่อย่างรู้สึกผิดไปจนชั่วชีวิตนี้ของท่าน ต่อจากนี้เพียงแค่ท่านช่วยดูแลยู๋ร์เอ๋อร์ให้นางมีชีวิตที่ดี อย่าได้ถูกใครรังแกได้โดยง่าย ถึงอย่างไรนางก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรีของท่าน ความผิดของมารดา ไม่ควรไปลงที่บุตร หวังว่าท่านจะสามารถแยกแยะความเป็นจริงข้อนี้ออก"
หลี่ไห่อิงมีชะตากรรมที่อาภัพ ร่างกายนางไม่แข็งแรงตั้งแต่คลอดบุตรสาวเมื่อ 5 ปีก่อน ร่างกายก็เจ็บออดๆ แอดๆ เรื่อยมา ความไม่สมบูรณ์นี้ เป็นเหตุผลให้แม่สามีจัดหาฮูหยินรองเข้ามาในจวน บุตรชายคือผู้ที่จะสามารถสืบสกุล และทำให้ตระกูลเจริญรุ่งเรืองไปได้ ด้วยความบกพร่องนี้ของนางจึงได้แต่ยอมรับมันแต่โดยดี
สายตาของผู้เป็นสามีเต็มไปด้วยความเย็นชาไร้ซึ่งความรู้สึก น้ำเสียงของเขาที่เปล่งออกมาจึงเต็มไปด้วยความเย็นชาไร้ซึ่งเยื่อใยความเป็นสามีภรรยากันโดยสิ้นเชิง "วางใจเถิดข้าสามารถแยกแยะได้ ถึงอย่างไรยู๋ร์เอ๋อร์ก็เป็นบุตรของข้า"
เพียงสิ้นคำกล่าวนั้นของสามี นางก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรมของตนเอง ร่างทั้งร่างค่อยๆ จมลงไปในน้ำโดยไร้ซึ่งหนทางรอด
หลี่ไห่อิงได้แต่รู้สึกอดสูกับชะตากรรมนั้นของตนเองร่างกายนางก็อ่อนแอถึงเพียงนี้ แล้วนางยังจะสามารถยื่นดอกซิ่งให้กับเขาได้อีกเช่นไร เหตุใดเขาถึงได้ไร้ซึ่งความเชื่อใจที่มีให้กันมา นี่เขามิคิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ นางถูกใส่ร้ายบ้างเลยหรือ แต่คิดไปก็เพียงเท่านั้น เพราะหากเขาเชื่อใจนางสักนิดตอนนี้ชีวิตของนางคงไม่ค่อยๆ จมลงสู่อยู่ก้นบึงเช่นนี้กระมัง
ตั้งแต่สตรีแซ่เฉินผู้นั้นแต่งเข้ามา ชีวิตในเรือนหลังของนางก็เป็นไปด้วยความลำบากคับข้องใจ ด้วยว่านางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยง ไร้ซึ่งฐานันดรศักดิ์ หรือครอบครัวคอยหนุนหลัง ต่างกับเฉินซื่ออิง ที่เป็นถึงบุตรีของราชครูเฉิน
จึงไม่แปลกที่ความโปรดปรานของแม่สามี จะไปตกอยู่ที่เฉินซื่ออิงผู้เป็นเพียงฮูหยินรอง ที่สามารถเชิดหน้าชูตา และเป็นกำลังสนับสนุน ให้กับผู้เป็นสามีได้
"หึ้ย!!! โคตรเหมือนจริงเลยอ่ะ ทั้งฉากทั้งตัวแสดงสมจริงเป็นที่สุด แต่ทำไมไม่สั่งคัทสักที เดี๋ยวไอ้ตัวละครที่อยู่ในน้ำก็ได้ตายไปจริงๆ หรอก" เสียงพูดของเหมยลี่ดังพอที่จะทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบหันมาจ้องมองนางเป็นตาเดียว
"อ่ะ ขอโทษค่ะ นึกว่าถ่ายเสร็จแล้ว" เหมยลี่รีบกล่าวขอโทษขอโพย เมื่อสังเกตได้ว่าผู้คนโดยรอบเริ่มหันมาจ้องมองเธอเป็นตาเดียว
สายตาที่จ้องมองมาเหล่านั้น เต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาจ้องมองไปที่เธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเหมือนกับพบเห็นสิ่งแปลกประหลาด เหมยลี่ในผมทรงดังโงะ ชุดนักศึกษารัดติ้วสีขาวจนกระดุมแทบจะกระเด็นออกมากระแทกตาผู้คนเสียให้ได้ กระโปรงสีดำ เลยเขา ใบหน้าที่ผสมผสานระหว่างเอเชียและยุโรป ที่ดูอย่างไรก็ชวนให้รู้สึกแปลกตาในยุคสมัยโบราณนี้
"หนูขอโทษจริงๆ นะคะหนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ แล้วผู้หญิงที่อยู่ในน้ำ ทำไมไม่ขึ้นมาสักทีล่ะคะ เดี๋ยวเขาก็ตายจริงๆ หรอก พวกคุณลืมเขาไปหรือเปล่าคะ" เหมยลี่ถามออกไปด้วยภาษาบ้านเกิดซึ่งเป็นภาษาไทย
เธอมีแม่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน และพ่อเป็นคนอังกฤษ ดังนั้นจึงทำให้ใบหน้าของเธอจึงมีความผสมผสานกันระหว่างสามเชื้อชาติ จมูกเชิดรั้น ผิวขาว อมชมพูไร้จุดด่างดำหรือรอยกระตามตัว เหมือนกับชาวยุโรป ขนตางอนงาม ดวงตากลมโต นัยน์ตาสีดำ ปากรูปกระจับสีชมพู น่าหลงใหล ทั้งคำพูดและท่าทางจึงชวนให้ผู้คนจ้องมองมาอย่างตกตะลึงเสียไม่ได้
"นั่นชุดประหลาดอันใดของเจ้ากัน"
"นั่นยังจะเรียกว่าชุดได้อีกหรือ ไร้ยางอายสิ้นดี"
"นางรวบผมขึ้นหมดคล้ายสตรีที่ออกเรือนแล้ว สามีของนางไม่ว่าเอาหรือที่ฮูหยินของตน แต่งตัวเช่นนี้"
"ภาษาจีน!!! เดี๋ยวนะ จีนโบราณสะด้วย บางคำก็เข้าใจ บางคำก็ไม่เข้าใจ" เหมยลี่พึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า
แต่ในความมึนงงสับสนเธอก็สามารถจับสังเกตได้ถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง เพราะดูเหมือนว่าพวกเขาที่อยู่บริเวณโดยรอบ จะไม่ได้หันมาให้ความสนใจกับหญิงสาวที่อยู่ในน้ำเมื่อสักครู่นี้แต่อย่างใด โดยสัญชาตญาณของผู้ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีชอบช่วยเหลือผู้อื่น เธอจึงไม่รอช้ารีบโยนกระเป๋าสะพายทิ้ง และถอดรองเท้าผ้าใบสีขาวไปอีกทางอย่างรีบเร่ง ร่างทั้งร่าง กระโจนลงไปในน้ำที่เย็นเฉียบ อย่างไม่สะทกสะท้าน ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้คนโดยรอบ
"ว้าย!!! สตรีผู้นั้นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร เหตุใดนางถึงได้กระโจนลงไปในน้ำเย็นเฉียบถึงขนาดนั้น"
"นางคิดฆ่าตัวตายกระนั้นหรือ"
เพียงไม่ถึง 1 นาที หญิงสาวก็ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ พร้อมกับลากบางสิ่งที่อยู่ในมือขึ้นมาด้วยอย่างยากลำบาก
"ฟื้นสิ หายใจ อย่าพึ่งตายนะ" เหมยลี่พูดประโยคเหล่านั้นด้วยภาษาจีน ที่พอจะพูดได้บ้างไม่ได้บ้างของเธออย่างกระท่อนกระแท่น ด้วยความเหนื่อยหอบ โดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเองเลยว่าตอนนี้ เสื้อนักศึกษาของเธอได้แนบไปตามลำตัว โดยมีบราเซียสีดำซ่อนอยู่ด้านใน เป็นผลให้ก้อนเนื้อก้อนใหญ่ขาวเนียนเด่นชัดประจักษ์สู่สายตาของคนรอบด้าน
แต่ความสนใจเดียวของหญิงสาวตอนนี้ ยังคงอยู่ที่ผู้หญิงที่ถูกจับไปใส่ไว้ในตะกร้า เธอพยายามที่จะดึงร่างของผู้หญิงคนนั้นออกมาอย่างทุลักทุเล พร้อมกับ พยายามทำทุกสิ่งอย่าง เพื่อให้ผู้หญิงคนนั้นกลับมาหายใจอีกครั้ง เธอกดหน้าอกพร้อมกับเป่าลมเข้าไปในปาก ของผู้ที่นอนไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวอยู่บนพื้น อย่างต่อเนื่อง สลับสับเปลี่ยนกันไปมา โดยไม่สนใจว่าตอนนี้ ผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบ กำลังจ้องมองเธอด้วยดวงตาตกตะลึง แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขัดขวางการกระทำของเธอ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขามั่นใจเป็นอย่างมากก็คือสตรีที่นอนแน่นิ่ง ไร้ลมหายใจ ใบหน้าขาวซีดยังพื้นเย็นเฉียบนั้น ต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน
"อย่าตายนะ ขอร้อง"
องครักษ์จางหมิงผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของสตรีที่ไร้ซึ่งลมหายใจผู้นั้น คล้ายกับความรู้สึกมากมายกำลังประดังประเดเข้ามาในหัวใจของเขา ภาพความผูกพันของสองสามีภรรยาที่เคยร่วมใช้กันมา พลันปรากฏขึ้นมาอย่างมากมาย มือทั้งสองข้างของเขาเย็นเฉียบ ขาทั้งสองข้างก้าวออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ความรู้สึกเจ็บปวดประดังประเดเข้ามาจนไม่สามารถที่จะควบคุมร่างกายของตนเองเอาไว้ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอันใด หากสตรีผู้นั้นจะต้องตายลงไป มันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือ? กับสิ่งที่นางทรยศหักหลังความรักความผูกพันที่เขาได้มอบให้ไป แต่เมื่อได้เห็นร่างที่ไร้ลมหายใจนอนแน่นิ่งยังเบื้องหน้า ก็ทำให้เขารับรู้แล้วว่าเขาไม่สามารถสลัดนางออกไปจากใจได้จริงๆ
นางเป็นเพียงสตรีเดียวที่เขารักอย่างแท้จริง ถึงแม้นางจะเป็นเพียงเด็กกำพร้าไร้ซึ่งยศฐาบรรดาศักดิ์ไร้ซึ่งครอบครัวหนุนหลัง ที่สามารถเชิดชูเขาได้ แต่เขาก็หาได้สนใจ เพราะความผูกพันที่มีให้กับนางนั้น มันมากมายเกินกว่าที่เขาจะสามารถทำเฉยชาได้อีกต่อไป
"อิงเอ๋อร์…" เสียงเรียกอย่างแผ่วเบาคล้ายจะปิดปลิวไปของเขา ไม่สามารถทำให้ผู้เป็นภรรยาลืมตาขึ้นมารับรู้ และได้เห็นถึงใบหน้าที่เจ็บปวดของผู้เป็นสามีแต่อย่างใด
"นางตายไปแล้ว เจ้า หยุดการกระทำของเจ้าเถิด"