บทที่ 7 นอนห้องเดียวกัน
“พี่โยฮันเมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเหมือนพ่อซักที!!” ฉันถามเสียงเข้ม หลังจากพี่โยฮันแต่งตัวเสร็จแล้วมานั่งแหมะอยู่บนเตียง
“เอาน่าเบลล์ ผู้ชายก็แบบนี้แหละ” พี่โยฮันตอบเสียงอ่อน
“พี่อยากมีจุดจบเหมือนพ่อหรือไง”
“พี่ไม่ได้ทำตัวเหมือนพ่อนะ คนที่มีเจ้าของอยู่แล้วพี่ไม่ยุ่ง”
“ช่างเถอะ เบลล์ไม่พูดมากละมันเรื่องส่วนตัวของพี่ แต่ที่เบลล์มาวันนี้คือจะนอนที่นี่”
“เฮ้ย ได้ไงน่ะ”
“ทำไมจะไม่ได้ เบลล์ทะเลาะกับรูมเมทมา ยัยป้าเจ้าของหอก็ไล่ให้เบลล์ออกจากหอ”
“ว่าไงนะ นี่มันเกินไปแล้ว….อย่างนี้พี่ต้องไปเอาเรื่อง” พี่โยฮันไม่พูดเปล่า กำหมัดแน่นตั้งท่าจะไปหาเรื่อง
“เห็นป้าเขาบอกพี่โยเซฟสั่งไว้ ให้จัดการเบลล์ตามสมควร พี่ต้องไปคุยกับพี่โยเซฟให้เบลล์นะ แบบนี้ชีวิตของเบลล์ได้อยู่ในกำมือยัยป้านั่นแน่เลย” ฉันพูดใส่ไข่ หวังว่าพี่โยฮันจะจัดการไปพูดกับพี่โยเซฟให้ฉันนะ ทว่าเมื่อได้ยินชื่อของพี่โยเซฟ…ใบหน้าของพี่โยฮันซีดเผือดเป็นไก่ต้ม จากนั้นพูดอย่างอึกอักว่า
“เอ่อ…เบลล์ งั้นอยู่ที่นี่ไปก่อน เรื่องคุยกับพี่โยเซฟ พี่ว่าเอาไว้ก่อน รอให้สถานการณ์ที่บริษัทดีขึ้น ค่อยไปคุยดีกว่านะ”
“ทำไมอ่ะ เกิดอะไรขึ้นที่บริษัท มีเรื่องอะไรที่พี่โยเซฟจัดการไม่ได้ด้วยเหรอ?” ฉันถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ไม่มีอะไรหรอก….” พี่โยฮันพูดพลางเอามือมาลูบหัวของฉันเบา ๆ
“งั้นเบลล์ ขอนอนนี่นะ”
“ครับ แต่ทางที่ดี เบลล์ไปหาทางคืนดีกับรูมเมทดีกว่านะ”
“ทำไม…. พี่จะพาใครมานอนด้วยอีก”
“เปล่าครับ….แต่เบลล์โตแล้ว ผู้หญิงกับผู้ชายควรมีระยะห่าง ถึงแม้เราจะเป็นพี่น้องกันก็ตาม พี่เองก็เป็นห่วงชื่อเสียงของเบลล์”
“เบลล์ไม่ถือ ขออยู่ที่นี่ไปซักระยะแล้วกัน….เบลล์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ เริ่มง่วงแล้ว ส่วนเสื้อผ้าพี่โยฮันโทรไปที่บ้านให้เอามาให้เบลล์ด้วย หรือซื้อใหม่ก็ได้ เรื่องเงิน….ใช้ของพี่แล้วกันนะ ถือว่าเป็นค่าปิดปากเรื่องของวันนี้”
“เฮ้อ ครับ ๆ” โยฮันได้แต่ตอบรับผู้เป็นน้องสาวอย่างจำยอม
ผ่านไปไม่นาน
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ก็นุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ พลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ไม่เจอพี่โยฮัน กลับพบเสื้อผ้าของฉันแทน หลังจากนั้นสองเท้าเล็กเดินเข้าไปดูเสื้อผ้าที่วางอยู่โต๊ะ มันถูกพับเอาไว้อย่างดี และเป็นชุดนอนที่ค่อนข้างมิดชิด อีกทั้งเป็นชุดใหม่เสียด้วย
“พี่โยฮันนี่ เป็นพี่ชายที่แสนดีจริง ๆ หึ ๆ” ฉันพูดเบา ๆ พลางหัวเราะ
ครืด ครืด ~ เสียงโทรศัพท์มือถือราคาแพงในกระเป๋าสะพายสีดำเข้ม กำลังสั่นและดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ดึกป่านนี้ใครโทรมาอีก ไม่รอช้าฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มันโชว์ชื่อว่าเป็นคูเปอร์ ใบหน้าของฉันที่นิ่งเรียบกลับเปลี่ยนด้วยรอยยิ้มกว้างทันที
“คูเปอร์ ดีใจจังที่โทรกลับด้วย!!”
[เบลล์เหรอ?]
“ใช่ ฉันเอง”
[มีอะไรหรือเปล่าโทรมาดึกเชียว] เขาถามเสียงอ่อน แบบนี้เขาเรียกว่าเป็นห่วงใช่ไหมน้า~ คิก ๆ ฉันกำลังยิ้มจนแก้มปริ >..<
“คูเปอร์ ฉันถูกไล่ออกจากหอ และทะเลาะกับรูมเมท ตอนนี้ ไม่มีที่อยู่ ฮึก…”
ฉันบีบน้ำตา เรื่องที่ถูกไล่ออกนั่นคือเรื่องจริง แต่เรื่องไม่มีที่อยู่คือโกหกค่ะ ที่ฉันทำแบบนี้ บางทีคูเปอร์อาจจะใจอ่อนให้ฉันไปอยู่ด้วยก็ได้…. หลังจากนั้นจะได้อยู่กับเขาตลอดไปไง บางทีฉันเป็นผู้หญิงที่ใจง่ายเกินไปนะว่าไหม ทำไงได้ฉันรักของฉันมาตั้ง 20 ปี จะยอมยกให้ยัยแมลงวันหัวเขียวไม่ได้หรอก
[แล้วตอนนี้อยู่ไหน]
“อยู่ข้างนอก ฮึก…มาหาหน่อยได้ไหม” ฉันทำท่าสะอึกสะอื้นโดยปกติแล้วฉันไม่เคยร้องไห้ ทำแบบนี้คูเปอร์ใจอ่อนยอมมาหาฉันแน่นอน เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่ยังเด็ก จุดอ่อนของเขาฉันรู้หมดทุกอย่าง
[อยู่ที่ไหนเดี๋ยวผมไปหา…]
“เอ่อ คืออยู่ หน้าคอนโดซิลเวอร์ไซด์”
[ไปทำอะไรที่นั่น]
“คือฉันแค่เดินผ่านมา” ฉันตอบแบบไม่ทันคิด คนบ้าอะไรเดินมา 5 กิโลจากหอ แบบนี้คูเปอร์จะสงสัยไหมเนี่ย
[โอเค อีก 5 นาที ผมลงไปรับ]
“หือ -O-? นายอยู่ที่นี่งั้นเหรอ”
[ครับ ไว้เจอกันนะ]
ติ้ด! คูเปอร์กดวางสายโดยที่ฉันไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเป็นแค่ลูกชายคนใช้นี่นา มาอยู่คอนโดหรูหราแบบนี้ได้ไง
“ช่างเถอะ รีบลงไปอยู่หน้าคอนโดดีกว่า เดี๋ยวจะโป๊ะแตกซะก่อน” ฉันพูดกับตัวเอง รีบสะพายกระเป๋า จากนั้นวิ่งลงไปด้านล่าง โชคดีที่พี่โยฮันหลับไปแล้ว จะได้หนีออกมาง่ายหน่อย
ติ้ง!
เสียงลิฟต์เปิดออกมายังชั้นหนึ่ง สายตาคู่สวยของฉันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ไม่พบคูเปอร์ จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดีที่ไม่เกมส์โอเวอร์
ทันทีที่มาถึงด้านล่างชายผู้ดูแลตึกที่เจอฉันก่อนหน้านี้ เดินเข้ามาถามฉันว่า
“คุณผู้หญิงลงมาทำอะไรเหรอครับ”
“ชู่ว อย่าเสียงดังสิ แล้วหากมีคนถามก็บอกว่าฉันพึ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก เข้าใจไหม” ฉันทาบนิ้วชี้ที่ริมฝีปากของตัวเอง แล้วจัดฉากเหมือนกับว่าพึ่งเคยมาที่นี่
หงึก ๆ ๆ <<< ชายคนนั้นพยักหน้า แม้ไม่เข้าใจแต่พยายามเล่นตามน้ำ
“เอาล่ะ เดินออกไปข้างนอก รอคูเปอร์ดีกว่า” ไม่พูดเปล่า ฉันรีบเดินจ้ำ ๆ ไปนั่งแหมะอยู่เก้าอี้ด้านหน้าของคอนโด พร้อมกับก้มหน้าต่ำลง ทำหน้าเศร้า ทั้ง ๆ ที่ความจริงไม่ได้เศร้า
หากฉันเป็นนักแสดง รางวัลโนเบลสาขานักแสดงยอดเยี่ยมคงต้องเป็นของฉันแน่ ๆ เลยล่ะ….
เพียงชั่วพริบตา
“เบลล์!!” เสียงอันคุ้นหูของชายอันเป็นที่รัก เรียกฉันจากทางด้านหลัง
“คูเปอร์….ฮึก” ฉันลุกขึ้น จากนั้นวิ่งเข้าไปสวมกอดเขาทันที อีกทั้งร้องไห้กระซิก ๆ อีกต่างหาก เพราะกลัวไม่เนียน
“เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องร้องนะ ขึ้นไปข้างบนก่อน มันดึกแล้ว อยู่ข้างนอกอากาศเย็นเดี๋ยวไม่สบาย” เขาพูดพลางยกมือหนาลูบหัวของฉันเบา ๆ
เยส….ฉันชอบคูเปอร์ที่อ่อนโยนกับฉันตลอด
“อือ แต่ฉันไม่ได้เอาอะไรมาเลยนะ มีแค่กระเป๋าใบเดียว กับชุดนักศึกษาหนึ่งชุด” ฉันพูดพร้อมกับยกกระเป๋าสะพายราคาแพงชูให้เขาดู
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนบ่ายไปหาซื้อกัน”
“อื้อ คูเปอร์ใจดีที่สุดเลย ฉันรักคูเปอร์นะ” ฉันพูดความจริงออกมา แล้วแนบใบหน้าเนียนซุกอยู่บนอกแกร่งของเขา ดูเหมือนว่าคูเปอร์จะชะงักนิ่งไปชั่วครู่ เพียงชั่วพริบตาเขาก็คว้าข้อมือของฉันเดินขึ้นห้องไป
แอดด…
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องของเขา กลิ่นที่คุ้นเคยก็ปะทะเข้ามา มันเป็นกลิ่นที่หอม และฉันชอบมันสุด ๆ
“ที่ห้องไม่ค่อยมีอะไรนะ พอดีพึ่งย้ายมาอยู่”
“ไม่เป็นอะไรเลย แค่ฉันได้อยู่กับคูเปอร์แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว” ฉันพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้เขา ส่วนคูเปอร์ได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหัวออกมาเบา ๆ จากนั้นค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฉัน
“พึ่งอาบน้ำมาใช่ไหม”
“ห้ะ!! อือ..อืม” ฉันละล่ำละลักตอบ เขาจะสงสัยอะไรไหมนะ
“ผมยังไม่แห้งสนิทเลย มาเดี๋ยวเช็ดให้”
“ห้ะ… อืม เอาสิ…” บทสนทนาสองต่อสองในรอบ 5 ปี กับ
คูเปอร์ที่อยู่ในโหมดโตเป็นหนุ่มแล้ว มันทำให้ฉันรู้สึกประหม่า ตอนนี้ฉันเขินจนหน้าแดงก่ำ
“โทษนะ…” เขาพูดขอโทษเพื่อเป็นการขออนุญาตฉัน จากนั้นลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดผมจากตู้เสื้อผ้า แล้วเดินมาทางฉัน เขาหยิบเส้นผมของฉันจำนวนหนึ่ง ใช้ผ้าซับและถูเบา ๆ พร้อมกับพูดว่า
“ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าต้องทำให้ผมแห้งก่อนนะ ถึงจะนอนได้…แล้วนี่ทำไมถึงถูกไล่ออกจากหอได้ล่ะ เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม”
“ทะเลาะกันเรื่องดอกไม้น่ะ ไม่มีอะไร”
“อืม…เรื่องนี้นีออนเล่าให้ผมฟังแล้วแหละ แต่ทำไมถึงไม่บอกความจริงไปล่ะ ว่าแพ้เกสรดอกไม้ เท่านี้นีออนก็ยอมเอาดอกไม้ออกไปแล้ว”
“นี่นายเข้าข้างมันเหรอคูเปอร์ ที่โทรไปไม่รับ คือคุยกับยัยนั่นอยู่ใช่ป่ะ” ฉันขึ้นเสียง ใช้มือปัดมือหนาของคูเปอร์ออก ความโกรธมันครอบงำค่ะ ส่วนคูเปอร์ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า
“เบลล์ เราต่างก็โตกันแล้วไม่ใช่เด็ก ๆ ผมต้องมีเพื่อน มีสังคม จะให้คบแต่เบลล์ไม่ได้หรอก”
“ทำไมจะไม่ได้ ตอนเป็นเด็กคูเปอร์ก็มีแต่เบลล์อ่ะ”
“ตอนนี้สถานการณ์มันต่างไปแล้ว อีกอย่างแม่ของผมไม่ได้อยู่บ้านเบลล์แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องฟังคำสั่งเบลล์”
เขาพูดเสียงเรียบนิ่ง แต่มันดูเจ็บ….
“….!!!” ฉันได้แต่นิ่ง มันจริงอย่างที่คูเปอร์ว่า ฉันมีสิทธิ์อะไร…
“เอาล่ะ นอนเถอะ ถ้าหากว่ายังอยากอยู่ที่นี่ต่อ ทำตัวให้น่ารัก และเชื่อฟังผมเข้าใจไหม”
“อืม…แสดงว่าฉันอยู่ที่นี่ได้ใช่ไหม”
“แน่นอน แต่นั่นขึ้นอยู่กับว่าเบลล์จะทำตัวแบบไหน” คูเปอร์พูดจากนั้นเดินไปนอนโซฟาที่อยู่อีกฝั่ง
“ไม่นอนด้วยกันเหรอ”
เขาหรี่ตามองฉันเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ผู้ชายกับผู้หญิงต้องมีระยะห่าง อีกอย่างเราทั้งคู่โตแล้ว จะทำเหมือนเป็นเด็กไม่ได้” พูดเหมือนพี่โยฮันเลยแฮะ
“อืม…” ฉันตอบอย่างจำยอม และไม่ลืมที่จะทักไปหาพี่โยฮันบอกว่ากลับมาอยู่หอแล้ว….
และ ถ้าหากว่าอยากได้ใจของเขามาครอง คงได้แต่ทำตัวดี ๆ เข้าไว้สินะ…