ฟาริสมองแล้วอมยิ้ม ปกติไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้ากินเยอะต่อหน้าเขาเลย พวกหล่อนมักกินแค่คำสองคำแล้วหยุดกิน ทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่าย ต้องเปลี่ยนเป็นหากิจกรรมเข้าจังหวะในร่มทำแทน แต่มุกระวีทำให้เขาอยากกินอาหารไปเรื่อยๆ เพราะจะได้นั่งมองเธอกิน
มุกระวีรู้สึกกระหายน้ำ เหลียวซ้ายแลขวาเห็นขวดน้ำอยู่ข้างๆ ฟาริส มือบางก็เอื้อมไปจะคว้ามาเทใส่แก้วดื่ม แต่ถูกฟาริสร้องห้าม พร้อมกับดึงกลับ
“คุณจะทำอะไร มุกระวี”
“ฉันจะดื่มน้ำค่ะ ทำไมเหรอคะ หรือว่าหวง แค่น้ำขวดเดียว”
“นี่มันไม่ใช่น้ำเปล่า แต่มันเป็นน้ำผลไม้...” ที่หมักจนได้ที่เป็นเหล้าชนิดหนึ่ง คำพูดนี้ของฟาริสยังไม่ทันพูดออกไป ก็ถูกมุกระวีพูดแทรกขึ้นก่อน
“น้ำผลไม้ก็ได้ค่ะ ดีเลย ฉันกำลังอยากดื่มน้ำหวานๆ อยู่พอดี” พูดแล้วก็นึกอยากดื่มน้ำผลไม้ให้ชื่นใจ วันทั้งวันดื่มแต่น้ำเปล่า ถ้าได้ดื่มน้ำผลไม้หวานๆ ก็คงจะกระปรี้กระเปร่าสดชื่นดี มุกระวียิ้มอย่างมีความสุข แล้วยื่นมือไปขอขวดน้ำผลไม้
“ขอดื่มหน่อยนะคะ นิดเดียว”
“ผมบอกว่าไม่ได้ยังไงล่ะ”
“ขี้งกจริง”
คนถูกว่าขี้งกหรี่ตาลงมอง “แน่ใจนะ ว่าจะดื่ม แล้วอย่ามาโทษผมทีหลังนะ”
มุกระวีไม่เข้าใจว่าแค่น้ำผลไม้ขวดเดียวเขาจะหวงไว้ทำไม เธอจะดื่มแค่ดับกระหายแก้วเดียวเท่านั้น อีกอย่างเธออยากลองดื่มน้ำผลไม้ของประเทศมีดิสดูบ้าง ว่าจะมีรสชาติอร่อยแค่ไหน แต่คงจะอร่อยมาก เขาถึงหวงยิ่งกว่าขาแกะเสียอีก
“รับประกันเลยว่าถึงมันจะไม่อร่อยอย่างที่คิด ฉันก็จะไม่ว่าอะไรท่านชีคเลยค่ะ” มุกระวีเข้าใจไปว่าเขาห่วงเรื่องรสชาติของน้ำผลไม้ เมื่อเขายื่นมาให้คนอยากดื่มเลยรีบยื่นมือไปรับแล้วเทใส่แก้วทันที
ด้วยความกระหายทำให้มุกระวียกขึ้นดื่มพรวดเดียว แต่พอรสชาติขมๆ ของมันแล่นผ่านลงคอไปก็ทำให้เธอไอโขลกออกมาทันที
แค่ก แค่ก
“นี่มันไม่ใช่น้ำผลไม้นี่ มันเป็นเหล้า” ที่สำคัญมันร้อนคอ ของเหลวไหลไปถึงไหนเธอสัมผัสได้หมด
ฟาริสหัวเราะเบาๆ “ก็ใช่น่ะสิ ผมเตือนคุณแล้วนะ แต่คุณก็ยังยืนยันจะดื่มให้ได้”
มุกระวีรีบเอากระดาษทิชชูมาเช็ดคราบน้ำที่ไหลหยดข้างมุมปาก ความร้อนที่คอหายไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ความหวานละมุนที่ปลายลิ้น
“นี่น้ำเปล่า ดื่มซะ”
มุกระวีรับมาดื่มทั้งที่อายแสนอาย “ขอบคุณ ว่าแต่เมื่อกี้มันเป็นเหล้าผลไม้หรือคะ ทำไมมันมีรสชาติทั้งขมทั้งหวาน แต่ตอนแรกแสบคอมากๆ”
“มันเป็นเหล้าผลไม้หมัก มีทั้งอินผลัม แอปริคอต ดื่มแล้วจะทำให้กระชุ่มกระชวย แต่สำหรับคนคออ่อน แค่แก้วเดียวก็เมาได้แล้ว”
“งั้นฉันคงคอแข็งสิคะ ไม่รู้สึกอะไรเลย”
ชีคฟาริสกระตุกยิ้ม “เวลาคุณเมาหนักๆ ชอบแก้ผ้าหรือเปล่า”
มุกระวีหน้าแดง “ทำไมท่านชีคถามฉันแบบนั้นคะ” เธอยอมรับว่าบางครั้งหลังปิดกล้อง ทางกองละครอาจมีเลี้ยงฉลอง เธอก็ดื่มหนักบ่อยๆ แต่ไม่เคยเมาชนิดที่ว่าแก้ผ้าแบบที่เขาพูดออกมา
“ยังไม่เคยเมาขนาดนั้น ที่ถามนี่เพราะท่านชีคกลัวฉันจะเมา แล้วจะได้รีบออกไปจากกระโจมใช่ไหมคะ” เขาก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ มุกระวียิ้มออก แล้วพูดต่อ “เพิ่งรู้นะคะว่าท่านชีคเป็นสุภาพบุรุษเหมือนกัน ไม่คิดจะฉวยโอกาสเวลาผู้หญิงเมา”
ชีคฟาริสมองคนหน้าแดงที่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะเมา “เปล่า ที่ผมถามเพราะถ้าคุณเมาแล้วถอดเสื้อผ้า ผมจะได้เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งดูเป็นนอนดู นั่งรถมาทั้งวันเมื่อยจะตาย”
มุกระวีมองเขาอย่างตื่นตะลึง ใบหน้าหล่อเข้มอย่างหาตัวจับยากและร่างกายสูงกำยำเริ่มเอนกายลงมานอนเอกเขนกกับหมอนอิงลวดลายแบบพื้นเมือง
“ท่านชีค...ชีกอ”
มุกระวีคิดว่าเธอน่าจะเชื่อตามที่เขาบอกตั้งแต่แรก เพราะตอนนี้เธอเริ่มมึนไปหมดราวกับโดนยาสั่ง คนคออ่อนพยายามปรือตาให้กว้างแต่รู้สึกมึนหัวจนอยากหลับตาแล้วเอนตัวลงนอน เธอเห็นใบหน้าของฟาริสมีหลายคนซ้อนทับกันอยู่ นั่นยิ่งทำให้ปวดหัวมากขึ้น
“ทำไมคุณมีหลายคนจัง มีคนเดียวฉันก็เวียนหัวจะแย่แล้ว”
ฟาริสถอนใจ ส่ายหน้าอย่างระอา “ผมควรจะพูดประโยคนี้มากกว่า มีคุณแค่คนเดียวผมปวดหัวไปหมด และตอนนี้ผมว่าสิ่งที่คุณดื่มไปมันเริ่มทำงานแล้ว ปวดหัวก็นอนซะ ตื่นขึ้นมาก็จะดีขึ้นเอง”
“แต่ว่าฉันไม่อยากนอนร่วมกับคุณในกระโจมนี่ เราสองคนจะนอนด้วยกันได้ยังไง เราไม่ใช่สา...”
ฟาริสขยับเข้าไปใกล้คนเมา แล้วจ้องตาแม่สาวเอเชียร่างเล็กใกล้ๆ ยอมรับว่ารูปร่างบอบบางแบบนี้ไม่ใช่สเปกของเขาเสียทีเดียว แต่ทว่าเวลาที่ได้มองใบหน้าแดงระเรื่อก็รู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์ที่ทำให้เขาไม่อยากมองไปทางอื่น อีกทั้งดวงตาของมุกระวีก็หวานเยิ้ม ยิ่งท่าทางที่เหมือนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และท่าทางร้อนรุ่มอึดอัดของเธอยิ่งทำให้เขานึกอยากปลดปล่อยเธอจากชุดอึดอัดนี่ด้วยตัวเอง
ชีคหนุ่มสรุปให้ตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้เมาแล้วมีเสน่ห์ ยั่วยวน น่ารักไม่เบา
“เมื่อคืนคุณก็นอนกับผมทั้งคืน ถ้าหากคืนนี้จะนอนกับผมอีกก็ไม่แปลก และอย่าคิดว่าผมจะเสียสละออกไปนอนข้างนอกกระโจมนะ ถ้าคิดแบบนั้นคุณมองผมเป็นสุภาพบุรุษเกินไป ดังนั้น คุณมีทางเลือกเดียวคือนอนในกระโจมกับผม”
“ท่านชีคจอมสั่ง เอะอะก็สั่ง สั่ง สั่ง แล้วยังไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ”
หากเป็นผู้หญิงอื่นที่เขาไม่ได้สนใจ ชีคหนุ่มคงเลือกออกไปนอนข้างนอกกระโจมและปล่อยให้สตรีได้นอนหลับภายในกระโจมเพียงลำพัง ทว่าคืนนี้ไล่ยังไงเขาก็จะไม่ออกไป
“เป็นถึงท่านชีคได้ยังไง” มุกระวีต่อว่าเสียงผะแผ่ว ยิ่งพูดก็ยิ่งปวดหัว และตอนนี้เธอก็อยากนอนเต็มแก่แล้ว เมื่อเขาไม่เหลือทางเลือกให้ เธอก็คงต้องปล่อยวาง
“ว่ายังไง จะนอนในนี้ หรืออยากไปรับลมหนาวด้านนอก ผมจะบอกอะไรให้นะ กลางวันกับกลางคืนอากาศต่างกันสุดขั้ว ตอนกลางคืนด้านนอกจะหนาวจนคุณสะพรึงไปถึงกระดูก”
มุกระวีเบ้หน้า เธอไม่มีทางพาตัวเองไปลำบากแบบนั้นแน่ และเธอก็ไม่ได้มีนิสัยยอมเสียสละเพื่อผู้ชายเช่นกัน “นอนสิคะ จะรออะไร ฉันจะนอนในนี้ ไม่ยอมออกไปนอนหนาวตายข้างนอกหรอก” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจากที่นั่งกินข้าว ตรงไปยังฟูกที่ถูกสร้างไว้นอนชั่วคราว กระนั้นมันก็ยังดีกว่านอนกลางทะเลทรายที่หนาวเหน็บข้างนอกนั่น ทว่าคนเมาเท้าดันเหยียบเข้ากับชายกระโปรงตัวเองจนถลาล้มลง