ตอนที่ 6 เห็นคนใกล้ตายมิช่วยหรือ
จินเสียงพยักหน้าแล้วเดินเล่นร้องเพลงเบา ๆ ฝีเท้าเบา ๆ ของนาง ค่อย ๆ เดินไปยังลำธารใสสะอาด มองเห็นก้อนหิน เนินภูเขาสูงใหญ่ เขียวขจีไปด้วยต้นไม้ยืนต้นมากมาย
อีกทั้งยังมีเหล่าผีเสื้อโบยบิน ยังได้ยินเสียงนกร้องขับขาน พลางเหลือบมองไปยังพุ่มไม้ จินเสียงยกมือขึ้นขยี้ดวงตา นึกว่าตนเองนั้นตาฝาดไป “นั่นมันเท้าคน ใช่หรือไม่”
จินเสียงเกิดความกลัว ทว่าใจหนึ่งก็อยากไปดูให้แน่ใจ เช่นนั้นแล้ว นางจึงรวบรวมความกล้า หักกิ่งไม้ใกล้ ๆ มือแล้วค่อย ๆ ย่องอย่างระมัดระวังเดินไปดู เมื่อเดินมาถึงก็พบกับท่อนล่าง ส่วนท่อนบนนั้นติดอยู่กับพุ่มไม้ นางเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบน เป็นภูเขา หันซ้ายแลขวา ครุ่นคิดว่าชายผู้นี้ตกมาจากที่ใดกันแน่
“คุณหนู คุณหนูอยู่ไหนเจ้าคะ” จื่อถานปลดเบาเสร็จเรียบร้อย เดินลงมากลับหาคุณหนูไม่พบ ตะโกนเสียงดังเพื่อให้นายสาวได้ยิน
ส่วนจินเสียงใช้ไม้ที่หักมาเมื่อครู่เขี่ย ๆ ไปยังปลายเท้า เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยนิด เช่นนั้นแล้วนางจึงลากปลายเท้าของชายผู้นี้ออกมา ก็พบว่าเขามีบาดแผลหลายแห่ง อาภรณ์ขาดหลุดลุ่ย เพราะเขานอนคว่ำหน้าอยู่
หญิงสาวรูปร่างอวบอ้วนมองไปทางซ้ายและขวาอีกครั้ง พินิจพิจารณาว่าเขาตกลงมาจากที่ไหนกันแน่ ถึงได้มานอนเกยอยู่ริมลำธาร คาดว่าคงถูกทำร้ายมา เพราะมีบาดแผลหลายแห่ง มีร่องรอยเป็นทางยาว คาดว่าคงถูกกระบี่มากระมัง
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ” จื่อถานร้อนใจนัก นายสาวไม่ขานตอบกลับ นางจึงถลกกระโปรงวิ่งหาอย่างร้อนรน
“ข้าอยู่นี่” จินเสียงได้ยินแล้ว จึงส่งเสียงตอบกลับ พลางพลิกตัวชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ เล่นทำให้นางหมดแรงไปไม่น้อย ฝ่ามือเรียวจับชีพจรลำคอ ก็พบว่าเขายังคงหายใจอยู่ ใบหน้าของเขาแม้จะมีบาดแผล แต่รูปงามนัก
“คุณหนู!” จื่อถานอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่านายสาวกำลังตรวจศพของชายผู้หนึ่ง “ตายแล้ว เขาตายแล้วถอยมาเจ้าค่ะ”
“ยังไม่ตาย ยังหายใจอยู่” จินเสียงยืนเท้าเอว ใช้ความคิดสำรวจรูปร่างชายผู้นี้ “ไปตามจื่อเยี่ยมาให้ข้าที”
“คุณหนูจะทำอะไรเจ้าคะ” จื่นถานไม่สบายใจเอาเสียเลย เห็นท่าทางคุณหนูเช่นนี้ใจคอไม่ดีนัก ชายผู้นี้เป็นผู้ใดมาจากไหนกันแน่
“ก็ช่วยชีวิตคนอย่างไรเล่า” จินเสียงตอบกลับ ยังจ้องชายผู้หมดสติไม่วางตา ครุ่นคิดอยู่เช่นนั้น ว่าจะช่วยเขานำไปด้วย หากปล่อยทิ้งไว้อาจเสียชีวิตก็เป็นไปได้ เขาคือมนุษย์มิใช่ก้อนหิน เห็นคนจะตายไม่ช่วยได้หรือ
“หากเขาเป็นคนร้ายจะทำอย่างไร” จื่นถานรีบแย้งขึ้นทันควัน นางส่ายหัวไปมาพลันวันทีเดียว
“อีกนานคงจะฟื้น พวกเราก็ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว” จินเสียงเอ่ยเหตุผล หากเขาตกจากหน้าผาฝั่งนั้น แล้วน้ำซัดเขามาทางนี้ก็อาจเป็นไปได้ แต่ว่า...เขาขึ้นไปบนหน้าผาทำไมกัน
“ไม่ดีเจ้าค่ะ ปล่อยเขาเอาไว้ที่นี่เถิดนะเจ้าคะ” จื่อถานหวาดกลัวนัก ไม่อยากให้คุณหนูนำเขาไปด้วย เกรงว่าอาจเกิดอันตราย แล้วคุณหนูอาจจะมีภัยก็เป็นไปได้
“เห็นคนกำลังจะตายไม่คิดช่วยเหลือหรือไร ข้ามิใช่คนใจดำเช่นเจ้า” จินเสียงชักสีหน้า เมื่อจื่อถานไร้เหตุผลสิ้นดี
“คุณหนูข้าเป็นห่วงความปลอดภัยนะเจ้าคะ มิได้คิดเป็นอื่น” สาวใช้แย้งกลับ น้ำตาค่อย ๆ เอ่อคลอดดวงตาเสียแล้ว น้อยอกน้อยใจเข้าให้
“อืม ไปเรียกจื่อเยี่ยมาก็พอ นำเขากลับไปด้วย” จินเสียงยังคงยืนยันเฉกเช่นเมื่อครู่ ชีวิตคนมิใช่ผักปลาจะนิ่งดูดายก็ไร้คุณธรรมเกินไปหรือไม่ อีกอย่างนางก็หาได้ใจจืดใจดำเสียเมื่อไร เขายังมีลมหายใจอยู่ถึงจะเป็นคนร้ายแล้วอย่างไร แม้เป็นคนดีแล้วอย่างไร การช่วยชีวิตเท่ากับการสร้างกุศลครั้งยิ่งใหญ่
“คุณหนูเจ้าคะ พวกเรายังต้องระมัดระวัง ละแวกนี้อาจมีโจรชุกชุมก็ได้” จื่อถานกล่าวอ้าง เหตุใดคุณหนูจึงจิตใจงดงามเช่นนี้ หากชายผู้นี้แสร้งหมดสติแล้วเป็นคนร้าย คุณหนูของนางจะเป็นเช่นไร อุตส่าห์หนีจากจวนตระกูลจินออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่กลับถูกทำร้ายกลางทางเล่า
“มีที่ไหนกันเล่า แถวนี้หาได้มีกลุ่มกองโจรไม่” จินเสียงยังคงยืนกรานเช่นเดิม เห็นใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดก็ยิ่งกังวลใจ เห็นเขาหายใจแผ่วเบาเช่นนี้ ไม่ช่วยอย่างไร
“ก็ได้เจ้าค่ะ” ในที่สุดจื่อถานก็ทนแววตาอ้อนวอนของคุณหนูไม่ได้ จึงรับปากแล้วไปตามจื่อเยี่ย
จินเสียงนั่งทับส้นเท้า มือเรียวตีใบหน้าของชายผู้นี้เบา ๆ ก็พบว่าเขาไม่ได้สติเสียที นางหันซ้ายที ขวาทีอีกครั้ง มองดูว่าเขาพลัดตกมาจากที่ไหนกันแน่ นางนั่งมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง หวังว่าอาจมีคนออกตามหา แต่ก็ไร้วี่แวว ใบหน้าของเขาฉายความหล่อเหลายิ่งนัก
จินเสียงนึกสนุกจับจมูกโด่งสันของเขาเบา ๆ ริมฝีปากหยักได้รูป สำรวจอาภรณ์ของเขา ก็พบว่าราคาแพงนัก ผ้าไหมชั้นดี คงมีแค่ไม่กี่ตระกูลจะผลิตไหมชนิดนี้ได้ ส่วนมากคงมีแต่พวกฐานะชนชั้นสูง นิยมสวมใส่อาภรณ์หรูหราราคาแพง มีหรือนางจะมองไม่ออก ด้วยเพราะทำงานโรงย้อมสีผ้ามาหลายปี
“คุณหนูขอรับ จะให้ข้าทำอย่างไรกับชายผู้นี้” จื่อเยี่ยมองรูปร่างชายซึ่งหมดสติ
“แน่นอนว่าต้องนำเขากลับไปด้วย” จินเสียงลุกขึ้นยืน พร้อมกับออกคำสั่ง “ข้าจะพาเขาไปด้วย จื่อเยี่ยเข้าใจใช่หรือไม่ เห็นคนใกล้ตายไม่ช่วยเหลือ สวรรค์จะลงโทษเอาได้นะ” นางกล่าวอ้างขึ้น พร้อมกับระบายยิ้มอ่อนหวาน แม้ใบหน้าจะถูกแต่งแต้มให้มีจุดด่างดำ อำพรางเรือนร่างที่สะโอดสะองอ้อนแอ้นเอาไว้
“ขอรับคุณหนู” จื่อเยี่ยรับคำ พร้อมกับแบกร่างไร้สติขึ้นหลัง นำเขาเดินขึ้นมาเส้นทางสายเล็ก ๆ จากนั้นจึงวางเขาบนรถม้าบรรทุกหีบ แล้วจัดการคลุมผ้า ปิดใบหน้าของชายผู้นี้เสีย ด้วยเพราะจื่อเยี่ยหวาดระแวงว่า เขาอาจถูกทำร้ายด้วยกลุ่มโจร เช่นนั้นจึงป้องกันเอาไว้เสียก่อน
“ชายผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกัน เหตุใดคุณหนูจึงยื่นมือช่วยเหลือเขาเล่าเจ้าคะ” แม่นมเหอสอบถามด้วยความเป็นห่วง มองใบหน้าของคุณหนูน้อยอย่างต้องการคำตอบ
“ข้าจะรู้หรือว่าเขาเป็นใคร เห็นคนใกล้ตายไม่ช่วยเหลือหรือเจ้าคะ หากเขาเป็นพี่น้องพวกเราจะทำอย่างไร แม่นมเหอใคร่ครวญเสียใหม่” จินเสียงหงุดหงิดใจเหลือเกิน แค่ช่วยคนหมดสติจะเป็นอันใดนักหนา ถึงรู้ว่าพวกเขาล้วนเป็นห่วงนาง แต่ทว่าคนคุ้มกันนางก็มีจื่อเยี่ย ซึ่งเป็นยอดฝีมือจะกลัวอันใดกัน
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ทั้งหมดก็เดินทางมาถึงบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวาง ด้านข้างมีที่ดินว่างเปล่า มีเรือนหลังใหญ่และหลักเล็ก ๆ อีกสามหลัง นับว่าจินเสียงมองการณ์ไกลนัก ซื้อได้ในราคาถูกทีเดียว
“นำเขาไปพักในบ้านด้านหน้าก็แล้วกัน จัดห้องดี ๆ ให้เขาสักห้องหนึ่ง” จินเสียงเอ่ยกำชับทันใด ด้วยเพราะในบ้านหลังนี้ นางก็ได้ว่าจ้างสาวใช้เอาไว้ดูแลอยู่สองคน ซึ่งที่ผ่านมาแม้นางจะอยู่เพียงในตระกูลจิน หากมีโอกาสนางก็มักจะหาช่องทางเอาไว้เสมอ
“เจ้าค่ะคุณหนู” สาวใช้ทั้งสองยอบกายลงจากนั้นก็เร่งจัดเตรียมห้องชายผู้นี้
เมื่อจื่อถานและแม่นมเหอสำรวจพื้นที่ทั้งหมดรอบ ๆ แล้ว ถึงขั้นเอ่ยชมคุณหนูของนางเสียยกใหญ่ “คุณหนูพบที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ ใกล้ตลาดด้วย ซ้ำยังมีพื้นที่อีก เช่นนี้พวกเราจะอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือไม่เจ้าคะ”
“แน่นอนสิแม่นมเหอ ข้าตั้งใจจะเปิดเหลาอาหารที่นี่ เช่นนั้นที่นี่ก็เหมาะแล้วที่จะทำการค้า ข้าล้วนคำนวณมาหมดแล้ว” นางยกยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนด้านหน้า
“แม่นมเหอกับจื่อถานพักที่เรือนกลาง ส่วนเรือนด้านหลังยกให้จื่อเยี่ยกับบ่าวรับใช้” จินเสียงกำชับขึ้น
แต่ทว่าแม่นมเหอกับจื่อถานมีความคิดเช่นเดียวกัน “คุณหนูจะให้ชายผู้นั้นพักในเรือนใหญ่ได้อย่างไรเจ้าคะ”
จื่อเยี่ยแบกชายหมดสติเข้าไปยังห้องพัก จากนั้นจึงสั่งให้หนึ่งในสาวใช้ไปตามหมอ เขายังคงยืนกอดอกมองใบหน้าของชายผู้นี้ ก็นึกชื่นชมยิ่งนัก “ช่างหล่อเหลาเสียจริง”
“จื่อเยี่ยไปพักเถิด ข้าดูแลเขาเอง” จินเสียงหย่อนกายนั่งลงบนเตียง มองใบหน้าขาวซีดก็ยิ่งสงสาร ป่านนี้ครอบครัวของเขาคงเป็นห่วงแล้วกระมัง จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร คงร้อนอกร้อนใจพานรับอาหารไม่ลงเป็นแน่
“คุณหนูเป็นสตรี จะอยู่ในห้องสองต่อสองได้อย่างไรขอรับ” จื่อเยี่ยตาโตอ้าปากค้าง รีบร้อนตักเตือนนายสาวทันใด
“ข้าอัปลักษณ์เช่นนี้ เขาไม่ทำมิดีมิร้ายข้าหรอกน่า” หญิงสาวชักสีหน้าใส่ อัปลักษณ์เยี่ยงนี้ยังจะห่วงเรื่องขนบธรรมเนียมอีก
“ข้าน้อยลืมไปขอรับ” จื่อเยี่ยหัวเราะเบา ๆ หากคุณหนูไม่แปลงโฉมล้วนเป็นหญิงงามล่มเมืองเป็นแน่ “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน หากเกิดอะไรขึ้น คุณหนูอย่าลืมที่ข้าเคยสอนเอาไว้นะขอรับ”
“เจ้าค่ะ” นางยิ้มตอบกลับ จากนั้นจึงใช้ผ้าชุบน้ำค่อย ๆ ทำความสะอาดใบหน้า ซึ่งมีบาดแผลเป็นทางยาว รู้สึกว่า...แผลนี้ต้องกลายเป็นแผลเป็นแน่ ๆ
ชายหนุ่มรู้สึกตัว เมื่อถูกความเปียกชื้น เขาค่อย ๆ กะพริบตาไล่ความมืดมัวออกจากด้วยตา แล้วก็พบว่าตนเองนอนอยู่ที่ไหนกันแน่ จู่ ๆ รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาอย่างฉับพลัน จึงร้องโอดโอย “ข้า...โอ๊ย! ข้า ปวด ปวดเหลือเกิน”