กรุงเทพฯ
น้ำหวานกลับมากรุงเทพฯได้ 2 วันแล้ว เธอก็เอาแต่ตั้งใจทำงานเก็บเงิน เพราะอยากเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เพราะความฝันของเธอก็คือการได้ซื้อบ้านสักหลังเพื่อที่จะได้พายายออกไปจากสังคมที่แย่แล้วก็สภาพแวดล้อมแบบนี้
“หวานจ๋า...เพิ่งกลับหรือจ๊ะ...?”
ในซอยบ้านที่เธอคุ้นเคยมักจะมีวันรุ่นผู้ชายที่ชอบตั้งแก็งค์กินเหล้า แล้วเวลาเธอกลับมาก็จะเจอพวกนี้แซวแล้วก็ตามจีบตลอด
“จ๋ะ...”
เธอหันไปตอบแล้วก็รีบเดินกลับบ้านตัวเอง
“ไม่มานั่งกับพวกพี่หน่อยหรอ พี่มีเงินค่าขนมให้ด้วยนะ...”
“เงินมึงพอจ่ายหรอ น้องเขาดูแลแต่แขกระดับป๋าๆโว้ย มึงมีเงินแต่แค่หลักพันนั่งเฉยๆเลย”
“โธ่พี่...ฉันก็แค่แซวไปงั้นแหละ..”
ฉันหันมามองพวกเขาก็ยิ้มๆให้แล้วก็จะรีบเดินไป
“แต่ถ้าให้ด้วยอย่างอื่นน้องหวานอาจจะติดใจมากกว่าเงินก็ได้นะ...”
เธอหยุดชะงักเท้าด้วยความรู้สึกกลัวๆ แล้วเธอก็รีบเดินออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
เธอรีบเดินกลับมาที่บ้านเปิดประตูแล้วรีบปิดอย่างเร็ว ใส่กลอนอย่างแน่นหนาและเดินตรวจดูว่าเรียบร้อยทุกบานไหม เธอนั่งทรุดกับพื้นด้วยความรู้สึกกังวล ทำไมเธอต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ตลอดเลย เธอต้องทนอยู่แบบนี้เพราะโชคชะตาชีวิตเธอไม่เหมือนคนอื่น เธอทั้งกลัวทั้งท้อแท้ในชีวิตแต่พอหันไปมองเห็นยายที่นอนอยู่ เธอก็ต้องสู้ต่อและบอกกับตัวเองเสมอว่าเธอจะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
“หวานจะอดทนนะยาย ถึงตอนนั้นหวานจะพายายออกไปจากที่นี่เองนะ...”
แกร๊กๆ>>> เธอสะดุ้งทันทีหันไปมองที่ประตูที่เหมือนมีคนจับ เธอลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ประตูแนบหูฟัง
แกร๊กๆ>>> มันขยับอีกครั้งจนเธอตกใจ เดินถอยหลังด้วยความกลัว เธอมองประตูที่ขยับจนรู้สึกกังวล
กริ๊งงงง กริ๊งงงง >>>> เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอสะดุ้งทันทีแต่พอเห็นหน้าจอเป็นชื่อสารวัตรติณก็ค่อยโล่งใจ
“ค่ะพี่ติณ...”
(นอนหรือยังครับ...? พี่ส่งตำรวจไปเฝ้าที่บ้าน 1 นายนะ พี่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ มีคนไปคอยเฝ้าจะได้หายห่วง)
เธอโล่งอกไปทีที่รู้ว่าคนที่อยู่หน้าประตูเป็นตำรวจที่สารวัตรติณส่งมานี่เอง
“ขอบคุณพี่มากนะคะที่เป็นห่วงหวาน”
(พี่เป็นห่วงเพราะอะไรหวานก็น่าจะรู้...?)
เธอรู้ว่าเพราะอะไร แต่เธอคิดกับเขาแค่พี่ชายเท่านั้น เธอพยายามแล้วที่จะชอบเขาแต่ก็ทำไม่ได้
“....”
(เงียบไปเลยนะ...555 พอพี่พูดเรื่องนี้ทีไรหวานก็อึ้งไปทุกที...อย่าเครียดนะครับพี่ไม่ได้เร่งรัดอะไร พี่เข้าใจหวานนะ...)
“หวานขอโทษนะคะ...”
(ขอโทษพี่ทำไม หวานไม่ผิดอะไรสักหน่อย พี่เข้าใจครับเรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้)
เธอวางหูจากสารวัตรติณเสร็จก็นั่งคิดทบทวนเรื่องของเขา ช่วงหลายเดือนมานี้ที่รู้จักกับเขา เขาก็ดีกับเธอมากๆ แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกรักเขามากกว่าพี่ชายได้เลยสักนิด
“หวาน...หวาน”
“ยายจ๋า...” เธอรีบวิ่งไปหายายที่มุ้ง ยายไอเสียงดังมากอยู่หลายทีจนเธอเป็นห่วง จ้องรีบวิ่งไปหยิบกระโถนมาให้
“แคร๊กๆๆๆ ....”
ยายไอรุนแรงมากจนเธอต้องรีบเอามือไปลูบหลังให้ แต่พอยายเอามือออกจากปากก็เห็นเป็นก้อนเลือดเต็มฝ่ามือ
“ยาย...”
เธอตกใจมากที่เห็นเลือดบนฝ่ามือยาย ยายหันมามองหน้าหวานช้าๆ
“หวาน...”
แล้วยายก็สลบไปทันที เธอตกใจมากที่เห็นยายหมอสติรีบวิ่งไปเปิดประตู เรียกให้ตำรวจที่เฝ้าอยู่หน้าบ้านมาช่วยกันพยุงพายายไปส่งโรงพยาบาล
.....
โรงพยาบาล
“คุณหมอคะ ยายหวานเป็นยังไงบ้างคะ...?”
“คุณยายป่วยเป็น วัณโรคปอดค่ะ...”
“ยายของหวานเป็นวัณโรคหรอคะ แล้วยังงี้จะมีทางรักษาหายไหมคะ...?”
เธอเริ่มน้ำตาคลอถามคุณหมอเสียงสั่นด้วยความกังวล
“รักษาหายขาดได้ แต่ต้องใช้เวลานานอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 2 ปีค่ะ”
“ทำไมอยู่ดีๆยายถึงเป็นวัณโรคละคะ คราวที่แล้วที่มาหาคุณหมอ ยังไม่เจอโรคนี้เลย...”
“โดยปกติของวัณโรคผู้ป่วยจะไม่มีอาการใดๆ แสดงออกมาทางกายภาพ และยังไม่สามารถตรวจพบได้ ต้องรอหลังจากนั้นประมาณ 4 สัปดาห์ ร่างกายจะเริ่มมีปฏิกริยากับตัวเชื้อนะคะ...”
“แล้วเรื่องค่ารักษา..?”
“ผู้ป่วยต้องนอนพักรักษาที่โรงพยาบาลจริงๆใช้เวลาแค่ 2 สัปดาห์ก็กลับบ้านได้แล้ว แต่ตัวยาที่ต้องให้ผู้ป่วยทานค่อนข้างสูงนะคะ...”
“ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนหวานจะหามาให้ได้ค่ะ คุณหมอรักษายายของหวานให้เต็มที่เลยนะคะ เรื่องค่ายาค่ารักษาทุกอย่างหวานจะรีบหามาให้ค่ะ”
“ค่ะ หมอจะทำให้เต็มที่ค่ะ”
.....
หวานทำงานหนักขึ้นเพราะต้องหาเงินมาเป็นค่ายาให้ยาย เธอต้องกลับบ้านดึกขึ้นเพราะงานที่ทำเป็นงานกลางคืนสะเป็นส่วนใหญ่
(พี่ได้ดูงานที่ประจวบต่ออีก 2 เดือน ไม่ได้เจอหน้าหวานเลย)
เธอเดินออกมาจากร้านอาหารที่เพิ่งทำงานเสร็จ วันนี้พี่เรนนี่ไม่ได้มาด้วยเพราะติดธุระ น้ำหวานจึงต้องกลับบ้านเองคนเดียว โดยมีสารวัตรติณคุยโทรศัพท์เป็นเพื่อนตลอดทางกลับบ้าน
“พี่เสร็จงานแล้วลงมากรุงเทพฯเมื่อไหร่ เราค่อยมาเจอกันก็ได้ค่ะ หวานยังไม่ไปไหนสักหน่อย”
(แล้วนี่ยายเป็นไงบ้าง ดีขึ้นไหม...?)
“ยายต้องนอนที่โรงพยาบาลก่อน 2 อาทิตย์นะคะ แต่ก็ไม่น่าหนักใจอะไรสบายมาก พี่ติณไม่ต้องห่วงหวานนะคะ...”
เธอพูดเพราะไม่อยากให้เขาเป็นห่วงเธอมากจนไม่เป็นอันทำงาน ทั้งที่ในใจเธอเครียดมากๆเรื่องค่ายาของยาย 2-3 วันมานี่ที่ยายนอนที่โรงพยาบาลค่ายาที่เธอเสียไปก็สูงมากจนเงินเก็บที่มีใกล้จะหมดลงไปทุกวัน
(มีอะไรให้พี่ช่วยบอกพี่นะ พี่ยินดีช่วยหวานทุกอย่าง)
“ไม่ต้องห่วงนะคะ หวานยังไหวถ้าตอนนั้นหวานไม่ไหวจริงๆ หวานจะบอกพี่ติณเป็นคนแรกเลย”
เธอคุยโทรศัพท์กับเขาเสร็จก็วางหูลงกำลังจะเดินเข้าบ้าน แต่รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามเธอจึงหยุดชะงักหันมามอง แต่ก็ไม่มีใครเธอจึงเดินไปต่อ
“หวานจ๊ะ เพิ่งกลับหรอ...?”
“พี่...”
เธอตกใจมากเพราะคนที่เดินมาดักหน้าเธอเป็นคนขี้เมาที่อยู่ในซอยที่ชอบแซวเธอบ่อยๆ
“พี่นนไงจ๊ะ พี่นนที่แอบชอบหวานมาตั้งแต่เด็ก แอบมองหวานมาตลอด แต่หวานไม่เคยสนใจพี่นนเลย...”
“เอ่อ...หวานจะกลับบ้านค่ะ ช่วยหลบหวานทีนะคะพี่นน..?”
“จะรีบกลับไปไหนละจ๊ะ...?”
เธอเริ่มกลัวเขาและเดินถอยหลังช้าๆ
“อยู่นั่งเป็นเพื่อนพี่ก่อนสิ แล้วเดี๋ยวพี่พาไปส่งที่บ้านเอง”
“ไม่ดีกว่าค่ะ หวานง่วงแล้ว หวานขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวสิ...”
มันจับมือน้ำหวานขึ้นมาอย่างแรงจนเธอตกใจและเริ่มกลัวมากๆ รีบสะบัดมือออกอย่างแรง
“ปล่อยหวาน...”
เธอสะบัดออกได้ก็รีบวิ่งออกจากซอยไปทันที แต่พวกมันก็วิ่งตาม
“ตามไป จับมาให้ได้ ใครจับได้กูให้เอาต่อจากกูเลย...”