บทที่ 1.4
ล้วนเป็นนางกระทำตนเอง
“อาอิง อาหนาง ตื่นหรือยัง”
แม่นมเกาเอ่ยเรียกบุตรชายทั้งสองที่หน้าเรือนรับรอง เพียงแต่เรียกอยู่นานก็ไร้เสียงตอบรับ เมื่อขยับเปิดประตูก็พบว่ามิได้ลงกลอน ในใจของผู้เป็นแม่พลันร้อนรนห่วงใยบุตรชาย เพียงแต่ยามที่เปิดประตูเรือนเข้ามาภาพตรงหน้ากลับทำให้หัวใจของนางแทบหยุดเต้น ดวงตาฟ่าฟางเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก
นี่เกิดอันใดขึ้นกัน เหตุใดข้าวของในห้องถึงได้ล้มระเนระนาด กระจัดกระจายเช่นนี้ ลมหายใจของแม่นมเกาพลันหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าในบรรดาข้าวของที่ตกกระจายเกลื่อนพื้นมีเสื้อตัวในของสตรี และเครื่องประดับมีราคาอีกหลายชิ้น
“ออกไปให้หมด ปิดประตูเรือนหากข้าไม่เรียกก็ห้ามผู้ใดเข้ามา”
เสียงทรงอำนาจดังขึ้น บรรดาบ่าวไพร่ติดตามก็ถอยร่นออกไปในทันทีพร้อมกับประตูเรือนที่ปิดลง แม่นมเกาสูดลมหายใจเข้าจนสุดหยิบชุดสตรีที่ขาดรุ่งริ่งขึ้นมาแล้วขบกรามแน่น เจ้าลูกชายตัวดีทั้งสองคนของนางช่างน่าโมโหนัก ถึงขั้นเรียกหญิงนางโลมมาปรนนิบัติในตำหนักบูรพา ทำเช่นนั้หากคนนอกรู้เข้าจะทำเช่นไร
“อาอิง อาหนาง จะออกมาเองหรือให้แม่เข้าไปหา”
เกาเฉิงหนางและเมิ่งซืออิงอย่างไรก็เป็นทหารในกองทัพ หูตาจึงว่องไวเป็นพิเศษแม้ร่างกายอ่อนเพลีย แต่ก็ตื่นตัวได้เร็วกว่าคนปกติสองบุรุษหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่แล้วรีบออกมาหามารดาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
“คารวะท่านแม่”
สองเสียงเอ่ยประสานพร้อมกัน แม่นมเกาปรายตามองบุตรชายทั้งสองแล้วถอนหายใจยาว
“เหตุใดพาคนนอกเข้ามาโดยไม่รายงาน”
เมิ่งซืออิงได้ยินคำตำหนิของมารดาบุญธรรมก็ก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าว พร้อมกับเอ่ยออกหน้าแต่เพียงผู้เดียว
“ท่านแม่ สตรีบนเตียงเป็นคนที่องค์รัชทายาทส่งมาให้พวกเราขอรับ”
“องค์รัชทายาทส่งมาให้พวกเจ้าอย่างนั้นหรือ”
แม่นมเกาได้ฟังความจากปากบุตรชายบุญธรรมก็ขมวดคิ้วสีดอกเลา เอ่ยเสียงสงสัย
“จะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อวานหอเทียนมี่ไม่ได้ส่งใครมาสักคน”
“ไม่เพียงส่งหญิงนางโลมมาเท่านั้นนะขอรับ องค์รัชทายาทของท่านแม่ยังวางยาปลุกกำหนัดพวกเราด้วย”
เกาเฉิงหนางเดินมากอดเอวมารดาพร้อมกับเอ่ยฟ้องเสียงแง่งอน ไร้คราบของแม่ทัพหนุ่มผู้ดุดันแห่งกองทัพพยัคฆ์คำราม
“เช่นนั้นสตรีผู้นี้เป็นใครกัน”
“เป็นข้าเอง”
เสียงหวานใสเย้ายวนดังขึ้น ก่อนที่สตรีรูปร่างเย้ายวนชวนมองจะก้าวเท้าออกมาจากฉากกั้น ในชุดที่หลุดลุ่ย
“ทะ... ท่านหญิง”
แม่นมเกามองสตรีตรงหน้าแล้วเบิกตากว้าง ท่านหญิงฉานอันเป็นท่านหญิงบรรณาการที่ทางเผ่าเหลียงส่งมา และคนผู้นี้ยังเป็นว่าที่พระชายาในองค์รัชทายาทด้วยมิใช่หรือ เหตุใดจึงมาอยู่ในเรือนบุตรชายของนางอีกทั้งยัง... ยังสวมชุดของเมิ่งซืออิง
ท่านหญิง คำเรียกขานของมารดาสร้างความงุนงงให้กับเกาเฉิงหนางและเมิ่งซืออิงเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านแม่ ท่านเรียกนางว่าอะไรนะขอรับ”
เมิ่งซืออิงเอ่ยถามมารดาด้วยความหวาดหวั่น เมื่อครู่เขาได้ยินชัดเจน แต่ในใจกลับอยากให้ตนได้ยินผิดพลาด
“นะ...นางคือใครน่ะขอรับท่านแม่”
เกาเฉิงหนางเอ่ยถามย้ำด้วยความตื่นตระหนกอีกคน ฉานอันเห็นท่าทางของสองจอมทัพแล้วคลี่ยิ้มหวานเดินมาหยุดเท้าที่หน้าสองบุรุษ ก่อนเอ่ยน้ำเสียงยั่วยวน
“ฉานอัน! ข้าคือท่านหญิงฉานอัน ท่านหญิงบรรณาการจากเผ่าเหลียง ว่าที่พระชายาในองค์รัชทายาทฟ่งเฟยเทียน ภรรยาของพวกท่านทั้งสองอย่างไร”
เอ่ยจบท่านหญิงฉานอันก็ส่งยิ้มหวาน ย่อตัวให้แม่นมเกาหนึ่งครั้งก่อนเอ่ยลา
“ลูกสะใภ้ คารวะท่านแม่ วันนี้ร่างกายลูกสะใภ้อ่อนแอยิ่งนักขอตัวกลับไปพักก่อน วันหน้าจะมายกน้ำชาขออภัยจากท่านนะเจ้าคะ”
แม่นมเกายามนี้ไหนเลยจะยังมีสติอยู่ได้ มือเหี่ยวย่นจับแขนบุตรชายตนเองประคองกาย สายตามองตามแผ่นหลังของท่านหญิงแห่งเผ่าเหลียงด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน ก่อนหันมาเอ่ยตำหนิบุตรชายทั้งสอง
“พวกเจ้าสองคนเหตุใดจึงทำเยี่ยงนี้ นางเป็นว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท พวกเจ้าทำ... ทำเยี่ยงนี้ได้อย่างไร”
แม่นมเกาเอ่ยจบก็ไม่อาจประคองสติเอาไว้ได้อีก ภาพเบื้องหน้าดับวูบร่างกายไร้เรี่ยวแรง ทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของเกาเฉิงหนาง
.................................................
พี่อิงพี่หนาง งานเข้าแล้ววววววววว
กินใครไม่กิน ดันไปกินว่าที่พระชายา
เอ๊ะ! หรืออีพี่เค้าถูกน้องอันอันกิน