หลังจากประชุมผู้ปกครองเรียบร้อย แสงดาวก็เดินเข้าไปหาน้องไคร่าที่เล่นกับน้องนาดาอยู่อีกห้อง
"ไคร่า" เธอเรียกเจ้าก้อนวัยสามขวบกว่าที่ช่วงนี้พูดเก่งและชอบสรรหาเรื่องยากๆ มาถามและคุยจ้อจนเธอรู้สึกมีความสุขมาก
ในทุกวันต้องมีเรื่องให้ขำในความน่ารักและไร้เดียงสาของเจ้าตัวเสมอ แม้จะมีเรื่องให้มึนหัวบ้างแต่ความรักที่มีให้ไคร่าไม่เคยลดน้อยลง มีแต่จะเพิ่มเติมมากขึ้นทุกวัน
"แม่ขาาาาา" เด็กน้อยเจ้าของแววตามุ่งมั่น บ่งบอกความแน่วแน่ของเจ้าตัวหันมาเอ่ยเรียกมารดาด้วยเสียงกังวานน่ารัก
แสงดาวยิ้มให้ยัยหนูที่รีบกุลีกุจอลุกแล้ววิ่งมากอดเธอ ส่วนน้องนาดานั้นก็ลุกมาไหว้เธอด้วย
"สวัสดีค่ะ"
"เรียกแม่เราว่าหม่าม๊าสินาดา" ไคร่าบอกเพื่อน
"หืมมม" แสงดาวเลิกคิ้วเมื่อได้ยินไคร่าให้นาดาเรียกเธอด้วยสรรพนามที่แตกต่างออกไป ปกติเด็กน้อยจะเรียกเธอว่า ‘คุณแม่ของไคร่า’ ไหงวันนี้เธอกลายเป็นหม่าม๊าไปแล้ว...
"เราตกลงกันว่านาดาไม่มีแม่ ไคร่าไม่มีพ่อ พวกเราเลยจะแชร์กัน... แม่ไปเป็นหม่าม๊าให้นาดา ส่วนปะป๊าของนาดาก็จะเป็นปะป๊าให้ไคร่า"
"..." เด็กพวกนี้! เวลาจะทำอะไรเคยถามผู้ใหญ่ก่อนสักคำมั้ย!
ดีที่ธนาวินต้องไปยืนส่งเด็กนักเรียนคนอื่นกลับบ้าน ไม่อย่างนั้นคงมาได้ยินอะไรพิลึกพิลั่น
ยัยไคร่าแววตามุ่งมั่นเหมือนแน่ใจในตอนพูดส่วนนาดานั้นยังมึนงงสับสนแต่ก็คงตกลงไปแกนๆ เหตุการณ์แบบนี้เดาได้ว่าต้นเรื่องมาจากลูกเธอโดยไม่ต้องสืบเลยล่ะ
"ไคร่า เราจะแชร์พ่อกับแม่กันไม่ได้น้า... ไม่อย่างนั้นเพื่อนในห้องทุกคนมาขอแชร์ปะป๊าของนาดาอีก นาดาจะมีแม่ไปยี่สิบคนเลยน้า"
"งั้นนาดาไม่แชร์ดีกว่าค่ะ ปะป๊าบอกว่าจะเป็นพ่อและแม่ให้ มีแค่ปะป๊าคนเดียวก็พอแล้ว" นาดานึกถึงแม่ของเพื่อนๆ แล้วก็รีบส่ายหัว มีเพิ่มแค่แม่ไคร่าพอไหว แม่ของเพื่อนๆ คนอื่น นาดาไม่ขอรับ มันน่ากลัวเกินไป!
"แต่เราอยากมีปะป๊าแบบนาดา พัตเตอร์กับโอลีฟจะได้ไม่ล้อเราอีก" ไคร่าไม่พอใจ ส่วนนาดานิ่งเหมือนน้ำเย็นคล้ายไม่มีความต้องการอะไรเพิ่มคล้ายว่าเต็มอิ่มจากข้างในแล้ว...
"ก็ให้แม่ของไคร่าเป็นปะป๊าให้สิ"
"ได้เหรอ"
"ได้" นาดาพยักหน้าแรงๆ อย่างมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองพูด ส่วนไคร่ากลายเป็นฝ่ายมึนงงสับสนแทนแล้ว...
แสงดาวฟังเด็กๆ คุยกันแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน ที่ผ่านมาเธอ ยังไม่ได้สอนให้ลูกรับมือกับการโตมากับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะยังคิดว่าไม่ถึงวัยที่จะคุยกัน แต่เห็นทีตอนนี้เธอจะต้องพูดกับลูกเรื่องนี้โดยด่วนที่สุดแล้ว...
"ถ้าตกลงกันได้แล้ว น้าคงต้องขอพาไคร่ากลับก่อนนะคะ"
นาดาวิ่งกลับไปนั่งเล่นต่อเพียงคนเดียว เด็กน้อยมักจะกลับบ้านช้าที่สุดเพราะคุณพ่อเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่ต้องอยู่ดูแลความเรียบร้อยหลังเลิกเรียน
แสงดาวพาเจ้าก้อนมาที่รถ หลังจากที่นั่งบนคาร์ซีตเรียบร้อยรถก็เคลื่อนตัวออกไป ช่วงเวลาของการเดินทางกลับคอนโดมิเนียมเป็นช่วงที่สองแม่ลูกได้คุยกันเกี่ยวกับเรื่องในรั้วโรงเรียนของไคร่า...
"วันนี้แม่เข้าใจที่หนูโกรธพัตเตอร์กับโอลีฟนะคะ แต่ถ้าเขาพูดไม่เพราะกับหนู หนูควรมาบอกคุณครู ไม่ใช่ไปผลักเพื่อนแบบนั้น"
"คุณครูบอกแล้วค่ะ ไคร่าขอโทษเพื่อนแล้วและไคร่าจะไม่ทำอีก"
"เก่งมากค่ะลูกแม่ที่รู้ตัวว่าผิดแล้วก็รู้จักขอโทษ ไคร่าของแม่เป็นเด็กดีมากเลย" แสงดาวรู้สึกว่าเธอพูดประโยคนี้บ่อยเกินไปแล้วในช่วงนี้...
"แต่แม่ขา ไคร่าอยากมีปะป๊าเหมือนนาดา"
แสงดาวครางรับในลำคอว่าเข้าใจลูก ธนาวินเป็นพ่อที่ใจดี เธอเคยค้นหาข้อมูลแล้วพบว่าเขามีคนรักเป็นผู้ชายและได้แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ต่างประเทศ พวกเขาทำเด็กหลอดแก้วฝาแฝดขึ้นมา แต่ตอนหลังทั้งคู่เลิกกันเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงฝ่ายละคน แสงดาวคิดว่านั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ธนาวินพยายามสอนนาดาว่าเขาเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกได้
เธอคิดว่าพ่อแม่แต่ละคนมีวิธีสอนลูกไม่เหมือนกัน... หากเธอสอนลูกแบบนั้นไคร่าคงถามแน่นอนว่าเธอเป็นผู้หญิงจะไปเป็นพ่อให้ยังไง ถ้าเธอเป็นแม่แล้วทำไมจะต้องเป็นพ่อและอีกสารพัดที่เธอจะต้องเจอ ด้วยความที่รู้จักลูกสาวตัวเองดี แสงดาวจึงคิดหาวิธีรองรับไว้แล้วว่าจะบอกแกอย่างไรในช่วงที่แกยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจในทุกเรื่องเป็นอย่างดี
"สัญญากันก่อนนะว่าถ้ามีปะป๊าเหมือนเพื่อนแล้วหนูจะเป็นเด็กมีเหตุผลและเชื่อฟังแม่แบบนี้ตลอดไป"
"สัญญาค่าาา" ไคร่ารีบรับปาก
แสงดาวยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหันมาเปิดเพลงทรงอย่างแบดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของลูกสาวไปที่เพลงโปรดของเจ้าตัวแทน...
ส่วนเธอนั้นก็ขับรถต่อไปพลางนึกถึงแววตาอันคุ้นเคยของท่านประธานแห่งเอเชียนมอล ในหัวเธอนึกภาพของเขาซ้อนทับกับภาพของลูกสาวตัวเองแล้วก็ระบายลมหายใจออกมาเบาๆ
วิธีแกปัญหาของเธอคงจะทำให้ไคร่าผ่านช่วงเวลานี้ไปได้เป็นอย่างดี หวังว่านะ...