บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างมาคุเลยทีเดียวมีแต่เสียงช้อนส้อมที่กระทบกับจานโดยไม่ตั้งใจเวลาตักอาหารเข้าปาก ธนิตเห็นบรรยากาศกระอักกระอ่วนเขาจึงเอ่ยปากชวนลูกสะใภ้คุยให้คลายความเกร็งเครียด เจ้าลูกชายของเขาไอ้รักเมียนี่ก็รักอยู่แต่ว่ากลับไม่รู้วิธีการทำให้เมียสบายใจ คนแก่อย่างเขาที่ตอนนี้ดวงตาก็เริ่มพร่ามัวมองไม่ค่อยชัดแล้วก็ต้องพูดคุยกับลูกสะใภ้หวังจะมีหลานตัวน้อย ๆ ได้เห็นก่อนที่ร่างตัวเองจะลงโรงไป
"วันนี้ไปสมัครงานเป็นยังไงบ้างลูก"
"วันนี้ฟ้าได้งานทำแล้วค่ะคุณพ่อ เป็นอาจารย์ฝึกสอนที่มหาวิทยาลัยของพี่ธนูค่ะ" ธนิตยิ้มพอใจ เขาพอใจที่ลูกสะใภ้มีงานทำเพราะเพียงฟ้าเป็นเด็กที่คิดมาก คิดเล็กคิดน้อย ขี้กังวลไปเสียหมด ทำให้เขากลัวว่าหากธนูยังคงยืนยันไม่ให้เพียงฟ้าทำงานเจ้าเด็กนี่คงจะเครียดจนล้มป่วยแน่ ๆ
"ผมไม่ได้ใช้เส้นสายเลยนะครับคุณพ่อ ฟ้าเข้าได้ด้วยความสามารถตัวเอง"
"เป็นแค่อาจารย์ฝึกหัดเงินเดือนจะสักเท่าไหร่เชียว ไม่ใช่ว่าไม่พอก็ต้องขอผัวกินอีกนะ" มาหยาพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยราวกับว่าสิ่งที่เธอพูดออกมาเป็นคำพูดปกติ เธอตักแกงส้มแล้ววางลงที่จานข้าวของลูกชายก่อนจะตักแกงเดียวกันมาวางที่จานข้าวของลูกสะใภ้
"กินสิจ๊ะ แม่ทำกับข้าวเองงก ๆ ไม่มีใครช่วยเลย ถ้าหนูฟ้าไม่กินแม่คงเหนื่อยฟรีเลยล่ะ" พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง!
เพียงฟ้าเริ่มหายใจแรงขึ้นเธอเม้มปากแน่นมือที่ถือช้อนอยู่ก็เริ่มสั่นไปหมด ธนูเองก็ลำบากใจเขาเม้มปากแน่นแต่เลือกที่จะจับมือของภรรยาเอาไว้ให้เธอเงียบลงไม่ตอบโต้ เดี๋ยวแม่ของเขาก็คงหยุดไปเอง
"คุณมาหยา แม่บ้านมีเยอะแยะทำไมไม่ใช้ละ พูดแบบนี้ต้องการอะไร" ธนิตเองก็รู้สึกไม่ใช่ไม่รู้สึก ก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาแบบนี้กันบ่อยครั้งแล้ว
"ขอบคุณนะคะคุณแม่ที่อุตส่าห์ตักน้ำแกงส้มมาให้ฟ้ากิน งั้นฟ้าขอตักปลานี่ให้คุณแม่แล้วกันนะคะ แกงส้มกินกับปลาทอดเข้ากันดีค่ะ" มาหยามือไม้สั่นที่เห็นว่าปลาที่อีเด็กนี่ตักมามีแต่ก้างทั้งนั้น เหมือนกับว่ามันกำลังจะบอกว่ามันจะเป็นก้างคอยขวางเธอกับลูกชายไม่ให้พบหน้ากันบ่อย ๆ
มันเอาลูกชายเธอไปกกกอดไม่ค่อยยอมให้กลับมาบ้าน พอกลับมาบ้านทีก็ตามต้อย ๆ มาด้วยจนเธอไม่ได้รับความเอาใจใส่ ความออดอ้อนของลูกชายอย่างเมื่อก่อน เมื่อตอนที่ลูกชายของเธอยังเป็นเด็กธนูเป็นเด็กที่ติดแม่ ติดพ่อ ติดน้อง และชอบอ้อนมากที่สุด เธอไม่ได้กอดลูกชายมานานมากแล้วตั้งแต่มีมันแทรกเข้ามา!
"รีบกินสิคะปลากำลังร้อน ๆ เลย นี่ค่ะของคุณพ่อก็มีนะคะ"
เพียงฟ้าเลือกตักส่วนเนื้อที่ไร้ซึ่งก้างปลาให้กับธนิตพ่อสามีวางลงในจานข้าวของท่านอย่างเบามือตามด้วยของสามีตัวเอง เธอจ้องหน้าเขาแล้วพูดน้ำเสียงลอดไรฟันออกมา
"กินสิคะ ที่รัก"
"ครับ ๆ" ธนูเริ่มอยู่ไม่สุขการพาแม่กับเมียมาเจอกันเปรียบเหมือนการนำน้ำมันมาราดบนกองไฟ เขานั่งกินข้าวอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางสายตาของแม่กับเมียที่มองกันเหมือนกำลังต่อสู้กันอยู่เนือง ๆ จนชายหนุ่มเองเริ่มอึดอัดเขารีบตักข้าวเข้าปากให้มันหมด ๆ ไปจะได้รอดพ้นจากบรรยากาศแบบนี้
"ผมอิ่มแล้วครับ"
"หนูฟ้าอิ่มแล้วเหมือนกันเหรอลูก" เพียงฟ้ายังไม่ทันได้รวบช้อนเลย นี่แม่ของเขากำลังไล่เธอชัด ๆ
"ค่ะ อิ่มแล้ว" อดทนนะเพียงฟ้า เรื่องแค่นี้จิ๊บ ๆ มาก
"คุณพ่อกินยาเลยมั้ยคะเดี๋ยวฟ้าจัดยาให้ค่ะ"
"ก็ดะ..."
"เรื่องยาคุณพ่อเดี๋ยวให้อิ่มมาจัดให้ เอาเป็นว่าหนูฟ้าช่วยแม่หน่อยนะลูกเก็บจานไปล้างให้แม่ที" ทั้ง ๆ ที่ก็มีแม่บ้านคนอื่น ๆ แต่ทำไม นี่มันแกล้งกันชัด ๆ เลย
"คุณแม่ครับ"
"อุ๊ย! ตาธนู ลูกช่วยไปดูยาให้แม่หน่อยสิลูกอยู่ในห้องนอนบนหัวเตียงนะ แม่ต้องกินยาให้ตรงเวลาไม่อย่างนั้นจะแย่เอาได้"
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเธอก็คล้ายจะเป็นโรคอะไรบางอย่างซึ่งทางสามีกับลูกชายได้แต่สังเกตเห็น พอแนะนำให้ไปหาหมอมาหยาก็มักจะบอกว่าไปมาแล้ว แต่พอถามว่าเป็นโรคอะไรเธอก็มักจะบ่ายเบี่ยงแล้วบอกว่าไม่ต้องสนใจเธอหรอก
"แต่ฟ้าไม่ใช่แม่บ้านนะครับคุณแม่"
"แค่นี้จะช่วยแม่หน่อยไม่ได้เลยเหรอ ก็แม่บ้านไม่ว่างสักคน หรือจะให้แม่เป็นคนล้างเองล่ะ!" มาหยาผุดลุกขึ้นอย่างประชดประชันก่อนจะเก็บจานชามที่อยู่บนโต๊ะด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
"ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าทำได้"
"ก็คิดว่าพอได้แต่งกับผัวรวยเข้าหน่อย ก็จะทำงานบ้านงานเรือนไม่เป็นเลย ทำเหมือนกับลืมกำพืดตัวเอง"
"คุณแม่!"
"พี่ธนูไปเธอค่ะ ฟ้าโอเค" เธอเหลือบสายตามองไปที่แม่สามีแอบเห็นว่ามาหยากำลังเบะปากให้กับการที่เธอพูดคุยกับสามี แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอรวบจานทั้งหมดบนโต๊ะอาหารอย่างช้า ๆ
"หนูฟ้า ไม่ต้องทำหรอกลูก จะทำทำไมให้มือเปื้อนบ้านพ่อมีแม่บ้านไม่ใช่แค่คนเดียวสักหน่อย"
"ฟ้าโอเคค่ะคุณพ่อ คุณพ่อกินยาเถอะค่ะ"
ธนิตถอนหายใจออกมาก่อนจะจ้องภรรยาอย่างไม่พอใจ จริงอยู่ที่เมื่อก่อนภรรยาต้องพึ่งพาเขา เขาเป็นใหญ่ และมีอำนาจส่วนตอนนี้นอกจากอำนาจที่เคยมี แล้วเขาก็ไม่มีอะไรเลยเพราะทุกอย่างก็ยกให้ลูกชายหมดแล้ว อีกทั้งด้วยสภาพร่างกายตอนนี้ที่ไม่ค่อยแข็งแรงนักทำให้ภรรยายังต้องคอยดูแลเขาอีกต่างหากจนเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อนักว่าชีวิตของคนเราจะสามารถกลับตาลปัตรไปเป็นแบบนี้
"ฟ้าลูก"
"ฟ้าโอเคจริง ๆ ค่ะ" เพียงฟ้ายกยิ้มพร้อมทั้งชูสองนิ้วให้พ่อสามี ส่วนสามีเธอก็เร่งรุดขึ้นไปหยิบยาที่แม่ของเขาอ้างว่าอยู่บนห้อง เพียงฟ้ายกจานไปไว้ในครัวด้วยสายตาที่เห็นอกเห็นใจของแม่บ้าน แต่เธอก็พยายามไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่แม่สามีทำ
"คุณเพียงฟ้าคะ"
"ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันเข้าใจทุกคนเลย อย่าคิดมากเลยนะ"
"จะอ้อนขอให้แม่บ้านช่วยงั้นเหรอ แค่ล้างจานแค่นี้ก็ไม่มีปัญญางั้นเหรอ" คอยดูแล้วกัน!
"ล้างจานน่ะเรื่องเล็กค่ะคุณแม่" เพียงฟ้าหยิบจานขึ้นมาทีละใบกรองเศษอาหารแล้วล้างด้วยน้ำเปล่าก่อน ตามด้วยเทน้ำยาล้างจานลงบนฟองน้ำแล้วหยิบจานแสนรักของแม่สามีมาล้างอย่างกระฉับกระเฉง
เพล้ง!
"อุ๊ย! มือมันลื่นค่ะคุณแม่"
"ยัยฟ้า!"
เพล้ง!
"อุ๊ย! จับไม่ทันจริง ๆ ค่ะคุณแม่"
"เพียงฟ้า!"
เพล้ง!
"อุ๊ย! ฟ้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะคะคุณแม่" จากนั้นเสียงจานแตกก็ดังขึ้นเป็นระยะ เหล่าบรรดาแม่บ้านที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นต่างก็แอบอมยิ้มออกมาแต่ก็ไม่กล้าเสียงดังมากนัก รวมทั้งธนิตที่ได้ยินก็ระบายยิ้มออกมาอย่างชอบใจ ไม่เว้นแม้แต่ธนูที่นั่งฟังเสียงจานแตกในครัวราวกับฟังเสียงเพลง
"พอ! พอ! จานฉันหมดบ้านพอดี!"
"แต่ฟ้ายังล้างไม่เสร็จเลยนะคะ"
เพล้ง!
"พอแล้ว ไม่ต้องล้างแล้วไปเลย ออกไปจากห้องครัวของฉันเลย"
"น่าเสียดายจัง ฟ้าเต็มใจช่วยคุณแม่นะคะ แต่ในเมื่อคุณแม่ไม่ต้องการให้ฟ้าช่วยแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ" เพียงฟ้าล้างมือเรียบร้อย เดินผ่านแม่บ้านแล้วกระซิบเสียงแผ่ว
"ขอโทษด้วยนะ" เธอขอโทษที่สร้างงานให้บรรดาแม่บ้านต้องเหนื่อยเพิ่ม แต่ก็ได้ยินเสียงแม่บ้านกระซิบตอบกลับมาเช่นกัน
"ไม่เป็นไรค่ะ" เธอเดินออกมาเห็นพ่อสามีกับสามีมองมาที่เธอพอดี ในตอนนี้ทุกคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกแต่ทั้งคู่ไม่ได้มองเธออย่างตำหนิแม้แต่น้อยกลับมองเธอแล้วมีรอยยิ้มล้อเลียนออกมาให้เห็น
"แสบจริงนะครับเมียพี่เนี่ย"
"ฟ้าแค่ป้องกันตัวเองค่ะ"
"ครับผม พี่ไม่ได้ว่าอะไรฟ้าสักหน่อย"
"พ่อก็ไม่ว่าหนูฟ้าหรอกลูก"
"หึ ถือหางกันเข้าไป" มาหยาเดินออกมาได้ยินพอดี เธอยืนกำมือจนสั่นพยายามทำใจให้สงบก่อนจะเดินออกมาด้วยใบหน้าที่พยายามยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอจ้องมองเพียงฟ้าพลางคิดไปว่าเธอต้องทำทุกทางให้ทั้งสองคนหย่ากันให้ได้ไม่อย่างนั้นลูกชายเธอก็คงไม่สนใจเธออีกต่อไปแล้ว