ร่างของชายผู้มีใบหน้างดงามเจ้าของเรือนผมสีน้ำหมึกดำยาวถึงกลางหลังเดินตามทางในหมู่บ้านพลางสอดส่องดูของซื้อของขายด้วยความเพลิดเพลินอย่างที่วันปกติไม่เคยทำ
เนื่องจากตอนนี้ไกรทองกำลังทำพิธีเสริมพลังให้หอกศัตตะโลหะคู่ใจ คนที่เบื่อไม่รู้จะทำอะไรเลยขอตัวมาเดินเล่นในหมู่บ้านแทน
แน่นอนว่าเขาเข็ดหลาบจากการเข้าป่าแล้วไปเจอเสือตัวบักใหญ่ แม้ว่าเจ้าตัวนั้นจะกลายเป็นอาหารเย็นในมื้อต่อมาแต่ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงนักหรอก
คนตัวขาววันนี้สวมชุดเสื้อผ้าสีเรียบไร้เครื่องประดับอย่างแต่ก่อน หมู่บ้านที่มีตลาดน้ำแถวนี้จัดว่ามีคนอยู่อาศัยเยอะมากเลยทีเดียว
เดินไปทางไหนก็มีแต่เสียงพูดคุยของผู้คน และหนึ่งในหัวข้อสนทนาที่เป็นที่น่าสนใจตอนนี้คงไม่พ้นเรื่องของชายตัวขาวแปลกหน้าที่ชาวบ้านไม่เคยพบ
สายตามากมายจับจ้องไปที่คนงามผู้ซึ่งมีใบหน้าเรียบนิ่งตั้งแต่เดินเข้ามา บางคนก็สนใจอยากทำความรู้จักแต่ก็ไม่กล้า บางคนก็หันไปซุบซิบนินทาตามประสาคนปากมาก
"พ่อหนุ่มเป็นคนที่ไหนหรือจ๊ะ เหตุใดพวกป้าจึงไม่เคยพบ หรือว่าจะเป็นพ่อค้าจากเมืองอื่น"
ในที่สุดก็มีคนใจกล้าถามออกไป เจ้าของดวงตาสีปีกกาที่เดินอยู่จึงได้หยุดนิ่งแล้วหันไปตอบคำถามแม่ค้าข้างทางแทน
"จะว่าเช่นนั้นก็ได้จ่ะน้า ข้าเองเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่นี่ พึ่งจะมาถึงเมืองนี้ได้ไม่นาน"
คนงามตอบกลับพลางยิ้มบาง แม้รอยยิ้มนั้นจะไม่ได้ฉีกกว้างจนดูเหมือนคนอารมณ์ดี แต่เพียงแค่รอยยิ้มมุมปากเล็กๆมันก็ขลับให้เจ้าตัวดูเป็นมิตรขึ้นมาเท่าตัว
"แล้วเมืองพิจิตรเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ชอบที่นี่หรือไม่"
พอมีคนกล้าถามมาคนหนึ่งคนอื่นๆจึงทยอยตั้งคำถามขึ้นมาบ้าง แน่นอนว่าคนอัธยาศัยดีอย่างเขาก็ต้องตอบทุกคำถามอย่างตรงไปตรงมา
ไม่มีเหวียง ไม่มีรำคาญ ใครถามอะไรมาก็ตอบกลับอย่างเป็นกันเอง
พอเป็นแบบนั้นจากทีแรกที่ชาวบ้านคิดว่าพ่อหนุ่มคนนี้จะมีนิสัยหยิ่งจากความหน้านิ่ง กลายเป็นว่าตอนที่ได้คุยด้วยจริงๆนิสัยของอีกฝ่ายกลับเรียกได้ว่าน่ารักน่าเอ็นดูมาก
คุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง ยิ้มน้อยๆแต่พองาม ได้ใจใครหลายคนไปมากโข
"ไหนๆก็ไหนๆ ยินดีต้อนรับสู่เมืองพิจิตรหนาคนงาม นี่ผลไม้ข้าปลูกเองลองเอาไปชิมดู"
"ขอบคุณมาก"
คนงามตอบรับน้ำใจรับของที่มอบให้กลับมา จนกระทั่งมารู้ตัวอีกทีคือตอนที่สองมือของเขาเต็มไปด้วยข้าวของที่คนมอบให้เสียแล้ว
เดิมทีเขาเป็นคนหน้านิ่ง แต่จริงๆก็คือแค่มึนเฉยๆ หลายๆคนเลยคิดว่าเขาหยิ่งจนไม่กล้าคุยด้วย กระนั้นมันก็ยังมีบางคนที่ใจกล้าอยู่ พอนานวันเข้าที่มีคนเริ่มเข้าหาคนอื่นๆเลยพลอยอยากทำความรู้จักกับเขาไปด้วย
นี่เองก็ทำให้เขาย้อนคิดถึงสมัยที่ตัวเองยังเป็นครูฝึกสอนที่โลกปัจจุบันอยู่เหมือนกัน ทั้งครูทั้งนักเรียนต่างก็ต้อนรับอย่างเป็นมิตร แม้ว่าแรกๆยังจะไม่กล้าคุยกับเขาก็ตาม
"นี่ๆคนสวยมีคนของใจหรือยังจ๊ะ ถ้ายังไม่มีข้าก็ยังไม่มี" ดูท่าว่าคนงามคงไม่พ้นถูกขายขนมจีบจริงๆ ส่วนถ้าถามว่าเจ้าตัวสนใจใครไหมนั้น
"ขอบคุณที่บอกให้รู้ แม้ข้าจะไม่ได้ถามก็ตาม"
เป็นคำตอบสั้นๆนิ่มๆพร้อมด้วยใบหน้านิ่งๆตามฉบับ คำตอบและการแสดงออกที่คาดไม่ถึงนี้เองก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับไปไม่เป็น
"หึ กินแห้วแน่เอ็ง"
เนื่องจากเมืองนี้เองก็ไม่ใช่เมืองที่ใหญ่โตอะไร หลายๆคนจึงรู้จักมีกจี่กันอยู่แล้ว โดยเฉพาะพ่อหนุ่มที่มาขายขนมจีบคนงามเมื่อครู่ คนในเมืองเองก็พอรู้ว่านิสัยเขาค่อนข้างหน้าม่อ
"แล้วนี่พ่อหนุ่มพักอยู่ที่ไหนหรือจ๊ะ เผื่อว่ามีอะไรให้ช่วยข้าจะได้ไปหาถูก"
นอกจากบุรุษแล้วก็ยังมีสตรีอีกหลายนางที่สนใจในชายหนุ่มหน้าสวยคนนี้ อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งแม้จะงามเกินพวกนางไป(ไม่)หน่อย พวกนางก็ยังพอรับได้
ระหว่างนั้นเองที่กำลังสนทนากับหลายๆคนในหมู่บ้านจู่ๆเสียงพูดคุยที่ดังไปทั่วบริเวณกลับเงียบลงเหมือนมีคนสั่งการได้
ทุกสายตาจ้องมองไปยังชายร่างสูงผู้ที่มีคนรับใช้เดินตามประกบสองค้างนิ่ง ทว่าสายตาของชาวบ้านเหล่านั้นดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
"เห้ย ยายแก่เมื่อไหร่จะจ่ายค่าที่วะ"
ชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นแต่งตัวดูดีต่างจากชาวบ้านทั่วไป ถ้าให้เดาจากลักษณะภายนอกและคำพูดคาดว่าคนๆนี้คงจะเป็นลูกผู้ดีที่ไหนสักคนของเมืองนี้
ส่วนลักษณะนิสัย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องไม่เป็นที่ปลาบปลื้มของใคนหลายๆคนแน่ เพราะจากสายตาและการกระทำของคนรอบๆมันดูไม่เป็นมิตรกับคนๆนั้นเสียเลย
"อย่าไปมองเขา นั่นลูกเศรษฐีนิสัยเสียชื่อบ่วงเพชร คนในเมืองไม่ค่อยชอบเขานักหรอก เพราะชอบใช้กำลังเก็บค่าที่ในตลาด"
คนตัวขาวได้รับข้อมูลใหม่มาก็จดเก็บไว้ในสมอง บอกกับตัวเองไว้ว่าทางที่ดีก็อย่าไปยุ่งอย่าไปมีเรื่องกับคนๆนั้นพลางเดินออกห่างมา
แต่ดูท่าแล้วโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขาเก่งจริงๆ แม้ตัวเขาจะไม่อยากยุ่งกับใครหรือพยายามออกห่างคนมีปัญหาแค่ไหน โลกก็จะเหวี่ยงคนเหล่านั้นมาหาเขาเองอยู่ดี
อย่างเช่นตอนนี้
"เห้ย เอ็งอะ ใครวะ ข้าไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย"
ร่างโปร่งยังเดินไปไม่พ้นก้าวเสียงทุ้มของชายหนุ่มคนนั้นก็เอ่ยทักเขาขึ้นมาก่อนเสียแล้ว ดูท่าว่าความโดดเด่นของชายหนุ่มร่างโปร่งมันจะเป็นดาบสองคมที่ดึงดูทั้งคนที่หวังดีและไม่หวังดีเข้ามาทำให้เขาปวดหัวอยู่เสมอๆ
"อยากรู้ไปทำไม"
เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์ตามฉบับ แต่ดูๆไปแล้วคำตอบนี้มันคงจะสร้างความไม่พอใจให้คนถามไม่น้อย
ทว่ากันตามตรงที่ตอบไปแบบนั้นเพราะเขาไม่รู้จะเอาอะไรมาตอบอีกฝ่ายต่างหาก ที่มาที่ไปของตัวเองเขายังไม่รู้เลยจะเอาคำตอบที่ไหนไปตอบคนอื่น
"ปากดีเสียจริง"
บ่วงเพชรลูกเศรษฐียืนกอดอกมองสำรวจชายหนุ่มผิวขาวหน้าสวยอย่างพินิจ แม้คนตรงหน้าจะสวมเสื้อผ้าอย่างคนทั่วไป แต่ดูจากผิวพรรณและใบหน้าที่โดดเด่นนั่นแล้วเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวไม่ใช่คนธรรมดาๆ
"เอาอย่างนี้เป็นอย่างไร ข้าจะให้เอ็งมากินข้าวกับข้าสักมื้อแลกกับการที่ข้าจะไม่เอาเรื่องที่เอ็งปากดีใส่เมื่อครู่"
เรื่องปากดีเป็นแค่ข้ออ้างจริงๆแล้วพ่อหนุ่มบ่วงเพชรก็แค่อยากไปกินข้าวกับคนสวยเท่านั้น แต่ด้วยนิสัยปากไม่ค่อยดี ประโยคคำขอถึงได้ดูเหมือนการบังคับขู่เข็นขนาดนี้
"ขออภัย แต่ข้าไม่ว่าง"
เจ้าของใบหน้างดงามตอบด้วยเสียบเรียบนิ่งชนิดที่ว่าเหมือนน้ำเย็นที่ไหลผ่านและไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด แต่ความเป็นจริงแล้วภายในใจอยากจะเดินออกไปจากตรงนี้ใจจะขาด
"กล้าปฏิเสธข้ารึ รู้หรือไม่ว่าที่นี่ถิ่นใคร ข้าเพียงแค่ชวนไปกินข้าว เอ็งจะไปดีๆหรือจะให้ข้าฉุด"
สายตาไม่หวังดีฉายออกมาชัดเจน คนตรงหน้าต้องถูกเลี้ยงดูมาอย่างไรถึงได้กล้าข่มขู่คนอื่นในที่พลุพล่านแบบนี้ อีกทั้งความมีอิทธิพลของเจ้าตัวก็ยังส่งผลให้คนรอบข้างไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเขาเลย
ขอได้ไหม ขอสักทีเถอะ ขอต่อยหน้าไอ่หมาตัวผู้ตัวนี้สักที มีอย่างที่ไหนจะมาฉุดคนอื่นกลางตลาดแบบนี้ ถ้าหากนี่เป็นยุคที่เขาอยู่ล่ะก็คนตรงหน้าคงไม่วายถูกอัดคลิปไปโพสต์ด่าแล้ว
ร่างโปร่งสอดสายตามองหาทางหนีทีไล่กะว่าหากมีโอกาสตัวเขาจะรีบหนีจากคนพวกนี้ไปทันที แต่หมาอย่างไรก็เป็นหมา รู้ดีไปเสียหมด
หนึ่งในผู้ติดตามของบ่วงเพชรจับแขนเรียวไว้แล้วกุมแน่น ไม่ยอมปล่อยให้คนตัวขาวขยับหนีไปไหนทั้งสิ้น
"ไปดีๆแต่แรกก็สิ้นเรื่องไม่เห็นต้องให้ข้าใช้กำลัง"
"ปล่อยข้า"
ดวงตาสีปีกกาวาวโรจน์ด้วยโทสะ เขาพยายามสะบัดแขนออกจากการจับกุมอย่างยากลำบาก แต่แขนนั้นก็ไม่สามารถหลุดพ้นคนตัวยักษ์ออกมาได้เลย
' ผั๊วะ!!! '
เสียงเนื้อกระทบของแข็งดังขึ้นทั่วบริเวณ ส่วนเนื้อที่ว่าคือใบหน้าของคนที่จับแขนคนตัวขาวจนเป็นรอย ส่วนของแข็งที่ว่านั้นคือหมัดหนักๆของพ่อหนุ่มไกรทองนั่นเอง
ชายร่างยักษ์ล้มลงไปกองกับพื้นภายในหมัดเดียว ทุกสายตาจับจ้องหนุ่มผิวสีผู้มาใหม่เป็นตาเดียวโดยไม่มีใครละสายตาจากมวยสดขอบสนามตอนนี้ได้เลย
"เอ็ง! เป็นใครวะ!กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายลูกน้องข้า!"
บ่วงเพชรตะคอกด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือแม้จะพยายามควบคุมตัวเองแล้ว แต่ดวงตาคู่คมสีรัตติกาลนั้นน่ากลัวเกินกว่าเขาจะเก็บความขี้ขลาดของตัวเองไว้ได้ ยามหมาตัวเล็กๆเจอดสือใหญ่แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องยำเกรงเป็นธรรมดา
"เอ็งคิดจะทำอะไรกับคนของข้า"
ไกรทองเดินเอาตัวมาบังคนตัวขาวจากบ่วงเพชรจนมิด ด้วยความว่าขนาดตัวของทั้งคู่ต่างกันตอนนี้ภาพที่เห็นตรงหน้าจึงมีเพียงร่างของไกรทองเท่านั้น
"ข้า..ข้า..."
จากคนที่มั่นใจในตัวเองสุดขีดกลับไม่กล้าทำอะไร บ่วงเพชรยืนตัวสั่นคิดในใจว่าใครมันจะไปกล้ามีเรื่องกับคนที่ต่อยคนสลบได้ในหมัดเดียว นี่ก็ไม่รู้ว่าไอ่ตัวที่ลงไปนอนกองกับพื้นมันอยู่หรือตาย ก็เล่นนิ่งเสียขนาดนั้น
"ข้าไม่อยากพูดมาก รีบไสหัวไปก่อนที่ข้าจะต่อยเอ็งไปด้วยอีกคน"
ชายผิวเข้มร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกพลางใช้สายตาแข็งกร้าวจ้องเขม็ง เท่านั้นแหละผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาถึงกับต้องรีบวิ่งหนี
ชาวบ้านโดยรอบที่เห็นเหตุการต่างก็หันไปพูดคุยกันในหัวข้อเดียวกัน ชายหนุ่มผู้มาใหม่คนนี้ใจเด็ดไม่น้อย อีกทั้งยังดูน่าเกรงขามและดูทรงอำนาจในเวลาเดียวกัน
"นี่คนงามเป็นอย่างไรบ้าง แล้วนั่น...เหตุใดจึงถือลูกทุเรียนเช่นนั้น?"
"ตอนแรกข้าว่าหากมันยังไม่ปล่อยข้าจะเอาไอ่นี้ฟาดหน้ามัน แต่ดีที่เอ็งมาทัน เพราะเกรงว่าหากข้าลงมือเองมันคงจะตายเสียก่อน"
พอจัดการคนที่มายุ่งกับคนงามของตัวเองเสร็จไกรทองก็กลับมาดูอาการของคนข้างกายต่อ ทีแรกก็นึกว่าคนงามอาจจะกลัวจนตัวสั่น
ที่ไหนได้ไอ่ที่สั่นๆนั่นคือเลือดขึ้นหน้าอยากซัดหน้าคนต่างหาก แล้วดูจากขนาดลูกทุเรียนที่ถือในมือ ถ้าเอาไปฟาดหน้าใครคงต้องมีหัวแตกกันบ้างแหละ
ลูกสาวเราไม่กระจอกนะพ่อ!
ถึงน้องจะหน้ามึนและนุ๊บนิ๊บมาก แต่น้องสู้คนนะ
ถือว่าเป็นโชคดีของสาวตัวบาทนั่นที่โดนไกรทองต่อยก่อนโดนทุเรียนน้องฟาดนะ?✨️