วชิรวิชญ์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ภายในห้องพักแพทย์ หลังจากเพิ่งจบสิ้นการผ่าตัดเคสเร่งด่วนไปไม่นาน
“ขอเข้าไปหน่อยนะหมออาร์ม”
“เชิญครับ”
วชิรวิชญ์มองเพื่อนหมอร่วมแผนกที่เดินเข้ามาและหย่อนกายลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ได้ข่าวว่าวันนี้หมออาร์มจะกลับบ้านเร็วเหรอครับ” เพื่อนหมอเอ่ยแซว
“ใช่ครับ พอดีมีธุระสำคัญต้องไปทำน่ะครับ”
“ใช่ธุระเรื่องนัดบอดหรือเปล่าครับ เห็นนางพยาบาลที่วอร์ดเม้ากันให้แซ่ดเลยครับ”
วชิรวิชญ์นิ่วหน้าเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าจะมีคนรู้เรื่องนี้
“ใช่ครับ แต่ว่าผมไม่เคยบอกใครเรื่องนี้มาก่อนนะครับ”
“ถ้าไม่เคยบอก งั้นก็คงมีใครได้ยินคุณหมอคุยโทรศัพท์มั้งครับ เลยจับใจความที่ได้ยินไปเม้ากันสนุกปาก ผมว่าหมออาร์มควรจะเรียกพวกช่างเม้าพวกนี้มาตำหนิสักหน่อยนะครับ”
วชิรวิชญ์ถอนใจออกมาแผ่วเบา ขณะเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ตัวใหญ่
“ช่างพวกเขาเถอะครับ ในเมื่อมันเกิดขึ้นเพราะความไม่ระวังของผมเอง และอีกอย่างมันก็คือเรื่องจริง”
“ดูสีหน้าหมออาร์ม เหมือนไม่ยินดีกับการนัดบอดในครั้งนี้เลยนะครับ”
“มันเป็นความต้องการของคุณแม่น่ะครับ ไม่ใช่ความต้องการของผมเลย”
“โห ถ้าเป็นผม ผมปฏิเสธนะครับ ใครจะยอมแต่งงานกับคนที่เราไม่ได้รัก”
“หมดเวลาปฏิเสธของผมแล้วล่ะครับ และอีกอย่า งผมก็อยากทำให้คุณแม่สบายใจด้วย”
“โดยที่จะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเนี่ยนะครับ”
วชิรวิชญ์ระบายยิ้มบางๆ แววตามืดลึกไม่บอกความรู้สึก
“ครับ”
“ผมว่าชีวิตเครียดๆ ของคุณหมอคงจะเครียดมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเลยล่ะครับ ถ้าเกิดต้องแต่งงานเพราะความจำเป็นเนี้ย”
“ผมคงต้องยอมรับมันแล้วล่ะครับ”
สีหน้าของวชิรวิชญ์ยังคงนิ่งเงียบไร้ความรู้สึกเช่นเดิม
“ผมก็คงช่วยอะไรหมออาร์มไม่ได้ นอกจากอวยพรขอให้คุณหมอเจอคู่แต่งงานที่มีนิสัยสดใสร่าเริง และก็มองโลกในแง่ดีนะครับ”
“ขอบคุณมากครับหมอป้อง”
วชิรวิชญ์ฝืนยิ้มออกมา ก่อนจะนั่งคุยกับเพื่อนร่วมอาชีพอีกสักพัก ก็แยกย้ายกันไปทำงาน
ผู้หญิงสดใส ร่าเริง มองโลกในแง่ดีเหรอ...
เขาจะไปหาผู้หญิงแบบนี้ได้ที่ไหนกัน นอกจาก...
ใบหน้ารูปไข่ขาวเนียน ที่มีแต้มรอยยิ้มสดใสเหมือนแสงอาทิตย์ยามเช้าเสมอ ของนิวารินผุดขึ้นมาในสมอง และมันก็ทำให้เขาอดอมยิ้มออกมาไม่ได้
“ทำไมพี่ต้องนึกถึงเธอด้วยนะ นิวาริน”
หลังจากเลิกงานสอน นิวารินก็รีบนั่งรถแท็กซี่มุ่งหน้ามายังโรงพยาบาลของวชิรวิชญ์ทันที
“ลุง... เหยียบเร็วกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ เดี๋ยวหนูไม่ทันค่ะ” นิวารินนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนรถแท็กซี่
“รถมันติดหนู เวลาเลิกงานก็แบบนี้แหละ ติดยาว แต่อีกแป๊บก็จะถึงหน้าโรงพยาบาลที่หนูจะไปแล้วล่ะ”
นิวารินใจคอไม่ดี ได้แต่ภาวนาให้วชิรวิชญ์ยังไม่ออกไปจากโรงพยาบาล เพราะไม่อย่างนั้น ความรักของหล่อนต้องหลุดลอยไปอย่างแน่นอน
“ลุงว่าอีกกี่นาทีจะถึงคะ คือหนูรีบๆ จริงๆ ค่ะ”
“ดูจากแถวรถยาวๆ นี่แล้ว น่าจะอีกเป็นชั่วโมงแน่ๆ เลยหนู”
“โอเคค่ะ งั้นหนูรอไม่ไหวแล้ว ไม่งั้นหัวใจหนูกลัดหนองแน่ค่ะ”
หล่อนหยิบเงินค่าโดยสารส่งให้กับลุงคนขับรถแท็กซี่
“ไม่ต้องทอนค่ะลุง”
“นี่หนูจะเดินไปจริงๆ เหรอ มันอีกสองสามโลเลยนะกว่าจะถึงน่ะ”
“เดี๋ยวหนูจะวิ่งไปค่ะ”
“โห หนูลงทุนมากเลยนะเนี้ย สงสัยมีญาติป่วยอยู่ในนั้นเหรอหนู”
“ไม่ใช่ค่ะ แต่ผู้ชายที่หนูหมายปองกำลังจะไปนัดบอดค่ะ หนูต้องไปหยุดยั้งให้ทัน หนูไปก่อนนะลุง แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการค่ะ บายค่ะลุง”
หล่อนกระโจนลงจากรถ และก็รีบวิ่งหน้าตั้งไปตามขอบถนนด้วยความรีบร้อน
“หนูคนนี้มันตลกดีว่ะ” ลุงคนขับรถแท็กซี่หัวเราะขบขัน
แฮ่ก แฮ่ก
นิวารินหอบเหนื่อยหลังจากวิ่งเร็วๆ มาตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาลที่วชิรวิชญ์ทำงาน
“สี่โมงกว่าแล้ว พี่หมอกลับไปหรือยังนะ”
หล่อนยืนเลิ่กลั่กอยู่หน้าโรงพยาบาล ก่อนจะเข้าไปสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัย
“พี่สุดหล่อคะ ไม่ทราบว่าคุณหมออาร์มแผนกศัลยกรรมกลับไปหรือยังคะ”
เมื่อถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองมาด้วยสายตาสงสัย หล่อนจึงรีบอธิบายต่อ
“คือหนูมีนัดกับคุณหมอน่ะค่ะ แต่หนูมาช้ากว่าเวลา”
“ผมยังไม่เห็นรถขับออกไปจากโรงพยาบาลนะครับ แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“ขอบคุณมากค่ะพี่สุดหล่อ”
หล่อนฉีกยิ้มกว้างให้กับคู่สนทนา ก่อนจะพาตัวเองออกมาจนห่างป้อมยาม
“แล้วเราจะทำยังไงดีนะ ถึงจะยับยั้งพี่หมอได้”
ขณะที่กำลังพยายามคิดหาทางขัดขวางนัดบอดของวชิรวิชญ์อยู่นั้น นิวารินก็เห็นรถพยาบาลวิ่งผ่านหน้าเข้าไปในโรงพยาบาลพอดี
“นึกออกแล้ว...”
กลีบปากสีแดงระเรื่อยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระคนพึงพอใจ
ขณะที่วชิรวิชญ์กำลังจะออกจากโรงพยาบาล รถพยาบาลก็แล่นมาจอดที่หน้าตึกอุบัติเหตุ-ฉุกเฉินเสียก่อน และด้วยความเป็นแพทย์ทำให้เขาเลือกที่จะให้ความช่วยเหลือ
“คนไข้เป็นอะไรมาหรือครับ”
เขาถามพยาบาลที่กำลังเดินออกไปที่รถโรงพยาบาลที่กำลังจอด
“กู้ภัยแจ้งมาทางวิทยุว่าพบว่านอนหมดสติอยู่ริมถนนน่ะค่ะคุณหมอ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปรอในห้องฉุกเฉินนะครับ”
“ค่ะคุณหมอ”
วชิรวิชญ์เดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน และเตรียมพร้อมสำหรับช่วยชีวิตคนไข้ แต่พอผู้ประสบเหตุถูกเข็นเข้ามาในห้องฉุกเฉินเท่านั้น เขาก็ถึงกับแปลกใจระคนตกใจ เพราะคนไข้คือนิวาริน
“นิว...!”
ความรู้สึกบางอย่างมันเพิ่มปริมาณขึ้นในอกจนแทบล้นออกมา เขารีบเข้าไปหานิวารินที่ตอนนี้ถูกจับย้ายจากรถเข็นมาบนเตียงเรียบร้อยแล้วด้วยความเป็นห่วง