“ทำไมวันนี้ตื่นเช้านักล่ะนิว”
เสียงของมารดาตะโกนถามออกมาจากห้องครัว ทำให้นิวารินที่กำลังจะออกไปนอกบ้านชะงักเท้า และหันไปตอบ
“คือนิวจะไปดักรอพี่หมออาร์มน่ะค่ะแม่”
“ดักมองน่ะเหรอลูก”
แม่เดินออกมา พร้อมกับมีตะหลิวติดมือมาด้วย บอกให้รู้ว่าท่านกำลังทำอาหารเช้าอยู่
“นิวว่าวันนี้จะไม่ดักมองเฉยๆ จ้ะ แต่จะดักรอ และก็หาวิธีให้ได้ขึ้นรถไปกับพี่หมออาร์มเลยน่ะจ้ะแม่”
หล่อนเห็นสีหน้าของมารดาดูเครียดขึ้นแต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรออกมา
“แล้วนี่จะไม่กินข้าวก่อนเหรอลูก”
“เดี๋ยวนิวไปกินที่โรงอาหารที่โรงเรียนจ้ะแม่”
“อืม งั้นก็ตามใจ”
“นิวไปก่อนน่ะแม่ นี่พกขวดน้ำมันพรายมาด้วย ว่าจะหาโอกาสดีดใส่พี่หมออาร์มสักหน่อย” หล่อนโชว์ขวดน้ำมันพรายให้มารดาดู ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใส
แม่ของหล่อนยิ้มบางๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยแทน
“วันนี้นิวพาครูเอกมากินข้าวบ้านเราสิ แม่จะทำกับข้าวไว้รอ”
มารดาหมายถึงเอกภพ ซึ่งเป็นครูคณิตศาสตร์เพิ่งย้ายมาไม่นานนี้ แล้วหล่อนก็เคยมาเล่าให้ท่านฟังว่าเอกภพซื้อดอกไม้มาให้
“นิวว่าอย่าเลยจ้ะแม่ พอดีวันนี้นิวมีธุระสำคัญต้องจัดการน่ะจ้ะ นิวไปแล้วนะ เดี๋ยวไม่ทันพี่หมออาร์ม”
ลูกสาววิ่งหน้าตั้งออกไปจากบ้านแล้ว นันทาทำได้แค่ถอนใจออกมาเบาๆ และพึมพำ
“นิวเอ๋ย ความรักของลูกไม่มีทางสมหวังหรอก คุณหมอกับนิวอยู่กันคนละสังคมกัน”
หล่อนรู้สึกไม่ดีเลยที่ลูกสาวยังมุ่งมั่นจะเดินหน้ารักวชิรวิชญ์ต่อไป ทั้งๆ ที่ปลายทางนั้นมันมืดมนชัดเจน แต่กระนั้นก็ไม่สามารถออกตัวขัดขวางอย่างโจ่งแจ้งได้ ทำได้แค่เพียงพยายามทำให้ลูกสาวมองเห็นความจริงให้เร็วที่สุดเท่านั้น
“พี่หมอมาแล้ว”
นิวารินรีบก้าวออกมาจากหลังต้นเสาไฟฟ้า และรีบเดินไปข้างหน้า ซึ่งมั่นใจว่าคนที่กำลังจะขับรถผ่านจะต้องเห็นอย่างแน่นอน
ซึ่งก็เป็นอย่างที่คาดการเอาไว้ รถสีดำเงาวับของอาจารย์หมอรูปหล่อจอดเทียบอยู่ข้างร่างของหล่อน พร้อมกับกระจกรถที่ถูกกดให้ลดลง
“กำลังจะไปทำงานเหรอครับนิว”
หล่อนแกล้งทำเป็นตกใจ และประหลาดใจที่ได้เห็นเขา ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว มันคือแผนที่วางเอาไว้ทุกอย่าง
“อุ๊ย... พี่หมอนั่นเอง ไม่คิดว่าจะได้เจอกันนะคะ บังเอิญจังเลยค่ะ”
คุณหมอหนุ่มรูปหล่อระบายยิ้มละมุน ก่อนจะเอ่ยชักชวน
“ขึ้นรถสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
ต้องเล่นตัวหน่อย ไม่อย่างนั้นพี่หมออาร์มอาจจะเดาได้ว่าเรากำลังแสดงละครอยู่
นิวารินคิดในใจ ก่อนจะรีบทำตามแผนการที่สมองสั่ง
“คือ... นิวไม่อยากรบกวนพี่หมอน่ะค่ะ งานของพี่หมอเยอะมาก ถ้าต้องแวะไปส่งนิวที่โรงเรียนอีก เกรงว่าพี่หมอจะเสียเวลาน่ะค่ะ”
บอกสิว่าไม่เสียเวลา และยินดีไปส่งหล่อน...
หล่อนภาวนาให้เขาพูดแบบนี้ในใจ แต่ดูท่าทางแล้วจะผิดแผน
“ก็จริงครับ วันนี้พี่มาเคสแต่เช้าด้วย งั้นเดินทางปลอดภัยนะครับ”
ห๊ะ... นี่พี่หมออาร์มจะไปดื้อๆ อย่างนั้นเหรอ?
นิวารินอ้าปากค้าง ขณะมองกระจกรถที่กำลังเลื่อนตัวขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้จะมิดทั้งบานแล้ว
ไม่ได้แล้ว ต้องเล่นให้ใหญ่กว่านี้!
“โอ๊ยยยย... เจ็บจังค่ะ ขาต้องหักแน่ๆ เลย”
หล่อนแกล้งทิ้งตัวลงกับพื้นถนน และร้องโอดครวญ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่กำลังจะขับรถออกไปเห็นเข้าพอดี
รถคันงามเคลื่อนเข้ามาจอดริมถนน ก่อนที่ผู้ชายตัวสูงมากๆ จะก้าวลงมาจากรถ และเข้ามาย่อตัวคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ กับร่างของหล่อน
พระเจ้า...
ทำไมตัวของวชิรวิชญ์หอมแบบนี้นะ นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจสูดดมนะ กลิ่นหอมยังฟุ้งโชยเข้ามาไม่หยุดเลย
หัวใจสาวเต้นแรงมาก อุ้งเชิงกรานก็อุ่นซ่านจนน่าตกใจ
“เจ็บขาเหรอครับ”
มือขาวสะอาดของคุณหมอหนุ่มยื่นมาจับที่ข้อเท้าของหล่อน จับเบาๆ นุ่มนวล ดวงตาคมกริบจ้องมองอย่างพิจารณา
“ใช่ค่ะ เจ็บ... เมื่อกี้นี้นิวสะดุดขาตัวเองล้มน่ะค่ะ นิวนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ เลยนะคะ”
หล่อนแกล้งตำหนิตัวเอง ขณะไม่หยุดมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยื่นเข้ามาใกล้แม้แต่วินาทีเดียว
พระเจ้า...
หัวใจของหล่อนเต้นแรงมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกเหมือนมันจะกระดอนออกมานอกอกอยู่แล้ว
“ข้อเท้าไม่บวม ยังไม่ได้เป็นอะไรมากครับ”
“แต่นิวเจ็บจังเลยค่ะ”
หล่อนอ้อน และเขาก็เลื่อนสายตาจากข้อเท้าของหล่อนมาสบตาแทน
โอ้...
หล่อนรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในหลุมดำอีกแล้ว นี่กำลังจะหายใจไม่ออก เพราะเสน่ห์อันร้ายกาจของวชิรวิชญ์อยู่แล้ว
“งั้นนิวคงนั่งรถไปโรงเรียนเองไม่ได้แล้วล่ะครับ เดี๋ยวพี่จะพาไปส่งที่บ้านนะ”
“เอ่อ... ไม่กลับบ้านค่ะ นิวมีสอนนักเรียนค่ะ”
“แต่ถ้านิวไปทำงาน นิวก็ต้องยืน ต้องใช้เท้า พี่ว่ามันจะเจ็บมากขึ้นนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ นิวไม่สามารถทอดทิ้งเด็กตาดำๆ ที่รอให้นิวไปสอนได้หรอกค่ะ การสอนหนังสือมันคือจิตวิญญาณของนิวเลยนะคะ”
รองลงมาจากการเป็นเมียหมอ หล่อนต่อท้ายประโยคในใจ
มุมปากของวชิรวิชญ์ยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มขบขัน ก่อนที่เขาจะพูดออกมา
“งั้นพี่ไปส่งที่โรงเรียนก็แล้วกันนะครับ”
“นิว... จะไม่ทำให้พี่หมอเสียเวลางานใช่ไหมคะ” หล่อนปั้นเสียงให้ฟังดูเหมือนรู้สึกผิด ทั้งๆ ที่ในใจกำลังลิงโลดเป็นอย่างมาก
“มันก็ต้องยอมแหละครับ ในเมื่อมันคืออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันนี่ครับ”
นี่วชิรวิชญ์หมายความว่ายังไงกันนะ
ในขณะที่หล่อนยังคงเมาอยู่กับเสน่ห์หล่อเหลาเกินต้านของเขา ร่างของหล่อนก็ถูกช้อนขึ้นมาอุ้ม
“อุ๊ยย... พี่หมอ...”
หล่อนอุทานตกใจ เพราะนี่คือการถูกอุ้มจากผู้ชายครั้งแรก
“ถ้ากลัวตก ก็เอาแขนโอบคอพี่ไว้ครับ”
หล่อนรีบทำตามที่เขาบอกทันที จนเขาต้องมองมาอย่างแปลกใจ
“คือนิว... กลัวความสูงน่ะค่ะ”
หล่อนแก้ตัว ก่อนจะซบหน้ากับอกกว้าง สูดดมกลิ่นหอมจากเรือนกายบุรุษเพศอย่างหื่นหิว
หอมจัง หอมจัง หอมจัง แบบนี้ถ้าได้เป็นเมียจะหอมจะดมทั้งวันทั้งคืนเลย
หล่อนหัวเราะอย่างชอบใจ ตกอยู่ในห้วงภวังค์จนกระทั่งเขาวางหล่อนลงบนเบาะรถ
ดวงตาสบประสานกันอีกครั้ง เพราะหล่อนไม่ยอมปล่อยแขนจากคอของเขานั่นเอง
“เอ่อ... ขอโทษค่ะ พอดีนิวกลัวมากไปนิ๊ดนะคะ เลยกอดพี่หมอแน่นไปหน่อย”
หล่อนยิ้มแหะๆ เกรงว่าเขาจะรู้ความรู้สึกที่แท้จริงเหรอเกิน
วชิรวิชญ์อมยิ้ม ก่อนจะปิดประตูรถให้กับหล่อน และเดินขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัยรถ
“คาดเข็มขัดด้วยนะครับ พี่กำลังจะขับรถแล้ว”
“เอ่อ... ค่ะพี่หมอ”
หล่อนอมยิ้ม ทำตามที่เขาบอก หัวใจลิงโลดด้วยความปรีดา และก็ลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของวชิรวิชญ์ตลอดเวลาจนถูกเจ้าตัวทัก
“หน้าพี่มีอะไรติดอยู่เหรอครับ”
“เอ่อ... เปล่าค่ะ”
“พี่เห็นนิวมองตลอดน่ะ ก็นึกว่ามีอะไรติดอยู่เสียอีก”
ตายแล้ว พี่หมอเห็นได้ยังไงเนี้ย
“อ๋อ... คือนิวเห็นว่าพี่หมอหน้าขาวดีน่ะค่ะ ก็เลยอยากได้เคล็ดลับบ้าง อยากรู้ว่าใช้โฟมล้างหน้าอะไร ใช้เดย์ครีมตัวไหน หรือว่าไนท์ครีมตัวไหนน่ะค่ะ นิวจะได้ใช้ตาม” หล่อนแกล้งเบี่ยงประเด็น
“พี่ไม่ได้ดูแลผิวหน้าหรอก ก็แค่ล้างทำความสะอาดปกติ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลยครับ”
หล่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขามากขึ้นอย่างฉวยโอกาส
“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหน้าขาวๆ ปากแดงๆ แบบนี้ จะไม่ได้รับการดูแลอะไรพิเศษเลย”
แล้วหล่อนก็ลืมตัวยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของวชิรวิชญ์ และลูบไล้แก้มของเขาแผ่วเบา ลูบไปมาจนมาถึงริมฝีปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อ
“ผิวนุ๊มนุ่มนะคะเหมือนผิวเด็กเลยค่ะ ปากของพี่หมอก็นุ่มมากๆ เหมือนกัน”
หล่อนกดนิ้วลงบนริมฝีปากของเขา และตัวเองก็ลอบกลืนน้ำลายเฮือก อยากเปลี่ยนนิ้วมือเป็นปากของตัวเองแทนเหลือเกิน
“นุ่มจนน่า...”
หล่อนยื่นหน้าตามเข้าไปด้วย จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงรถที่ถูกแตะเบรกกะทันหัน นั่นทำให้ได้สติกลับคืนมาทันควัน
“เอ่อ... นิวขอโทษค่ะ นิว...”
หล่อนรีบชักมือออกจากใบหน้าหล่อเหลาของเขา และดึงตัวเองกลับไปนั่งตัวตรงที่เบาะ
บ้าไปแล้วนิว ทำไมทำแบบนี้ลงไป พี่หมอจะต้องสงสัยแน่ๆ ว่าเธอแอบชอบน่ะ
“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ พี่เข้าใจว่านิวคงจะเคยชินกับการจับหน้าเด็กๆ อนุบาลที่โรงเรียนน่ะครับ”
“เคย... เคยชินเหรอคะ?”
“ใช่ครับ”
เขายิ้มให้หล่อน แววตาและท่าทางไม่มีร่องรอยไม่พอใจเลย
โอเค... ถ้าพี่หมอจะคิดแบบนี้ ก็ดีแล้ว เราจะได้สบายใจ
“อ๋อ... ใช่ค่ะ ใช่แล้วค่ะ ต้องใช่แน่ๆ ค่ะ มันคือความเคยชิน...”
หล่อนแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อนความน่าอับอายของตัวเองออกมาเสียงดัง ในขณะที่คนขับรถทำเพียงแค่อมยิ้ม
“นั่นโรงเรียนของนิวใช่ไหมครับ”
เขาถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบไปหลายนาที
“ใช่ค่ะ พี่หมอจอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปกลับรถด้วย”
“แต่นิวขาเจ็บอยู่นี่ครับ”
เขาหันมามองชั่วขณะ น้ำเสียงมีความเป็นห่วง จนอดรู้สึกละอายใจไม่ได้ เพราะหล่อนไม่ได้เจ็บขาจริงๆ แค่โกหก
“อ๋อ... นิวค่อยยังชั่วแล้วค่ะ”
แล้วหญิงสาวก็ขยับขาโชว์
“ขอบคุณพี่หมอมากนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียเวลามาส่งเลย เอาไว้เจอกันนะคะ”
“ครับ”
เขาจอดรถข้างทาง และก็รอให้หล่อนก้าวลงไปจากรถ
“แน่ใจนะครับว่าเดินไหว”
“สบายมากค่ะ”
หล่อนแกล้งทำขากะเผลกนิดหน่อย เพราะกลัวจะถูกจับได้ว่าไม่ได้ขาเจ็บจริง
“งั้นพี่ไปก่อนนะครับ”
วชิรวิชญ์โบกมือให้ ก่อนจะขับรถจากไปในที่สุด
นิวารินมองตามท้ายรถคันงามไปจับลับตา ก่อนจะถอนใจออกมาแรงๆ
“บ้าจริงเลยเราน่ะ ทำไมจะต้องไปลวนลามพี่หมอประเจิดประเจ้อแบบนั้นด้วย เกือบถูกจับได้แล้วไงล่ะ”
หล่อนกระแทกลมออกจากปากซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในโรงเรียน