ทำไมจะไม่อยากไปล่ะ แต่รู้สึกใจมันห่อเหี่ยวเหลือเกิน
“นิวว่า...”
“ไปเถอะค่ะ หมออาร์มนั่งอยู่คนเดียวจะได้มีเพื่อนคุย”
ก็มีแค่ป้านิ่มคนเดียวนี่แหละที่ชอบเปิดโอกาสให้หล่อนได้ใกล้ชิดกับวชิรวิชญ์
“ค่ะป้านิ่ม”
เมื่อได้ยินคำตอบของหล่อนป้านิ่มก็ยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“ป้าเอาใจช่วยค่ะ”
ป้านิ่มยิ้มให้ ก่อนจะหมุนตัวเดินหายเข้าไปในตัวตึกใหญ่
เมื่อยืนอยู่ตามลำพัง นิวารินก็พยายามเรียกสติของตัวเองให้กลับคืนมา
ต้องมุ่งมั่น
ต้องห้ามยอมแพ้
ต้องสู้
“ใช่ ต้องสู้ต่อไป เพราะเรามีน้ำมันพรายจะไปกลัวอะไร”
แล้วใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มมาพักใหญ่ก็เบ่งบานเหมือนดอกไม้ได้หยาดฝน เท้าเล็กก้าวมุ่งหน้าตรงไปยังสระว่ายน้ำด้วยหัวใจลิงโลด
หล่อนเดินตามทางเดินที่โรยด้วยหินกรวดสวยงามจนไปถึงบริเวณของสระว่ายน้ำ หล่อนชะเง้อคอมองหาวชิรวิชญ์ และก็พบว่าเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ริมสระ และกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่งอยู่
ปากอิ่มแดงระเรื่อเม้มเป็นเส้นตรง อุ้งมือเล็กที่เปียกชื้นยกขึ้นแตะบริเวณหน้าอกของตัวเองที่มีขวดน้ำมันพรายอยู่ในนั้น
“ใช้เลยดีไหมนะ ถ้าเอาป้ายพี่หมออาร์มเลยจะดีไหมนะ”
หล่อนพึมพำด้วยความสับสนและพยายามที่จะล้วงเอาขวดน้ำมันพรายที่อยู่ในเสื้อชั้นในออกมา แต่ทำไม่สำเร็จ เพราะยิ่งล้วงขวดเล็กก็ยิ่งซุกหายเข้าไปในซอกปทุมถัน
“ได้แล้ว... หยิบยากจัง คราวหลังไม่ใส่ในนมอีกแล้ว”
นิวารินบ่น และกำลังเอานิ้วเกี่ยวขวดแก้วออกมาจากซอกนม แต่เสียงนุ่มแสนละมุนของ
วชิรวิชญ์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ใครน่ะ”
การล้วงควักขวดน้ำมันพรายออกมาจากซอกนมจึงต้องหยุดชะงักลงทันที พร้อมกับที่หล่อนต้องรีบปั้นหน้าและเดินเข้าไปหาเจ้าของเสียง
“นิว... นิวเองค่ะพี่หมอ”
คิ้วเข้มหนาดกของวชิรวิชญ์เลิกขึ้นน้อยๆ คล้ายกับแปลกใจที่เห็นหล่อน ก่อนที่มุมปากหยักสวยรูปกระจับจะยกโค้งเป็นรอยยิ้มละมุนตา
“มาหาพี่เหรอครับ”
“เอ่อ...”
ถ้าบอกมาว่ามาหาเขา ไก่จะต้องตื่นแน่ๆ ไม่ๆๆ ต้องหาเหตุผลอื่น
“นิวมาหาคุณป้าค่ะ”
เขาผงกศีรษะทุยสวยขึ้นลงเล็กน้อย ดวงตาคมกริบยังคงจ้องมองมาที่หล่อนนิ่ง
“แล้ว... นิวก็... ก็คิดอะไรเพลินๆ เลยเดินมาโผล่ที่สระว่ายน้ำนี่แหละค่ะ”
มุมปากหยักสวยยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน่ามองเหลือเกิน
“คงคิดเพลินมากเลยเนอะ”
“ใช่ค่ะ เพลินมาก เดินมาเจอพี่หมอได้ยังไง นิวยังงงเลยค่ะ” หล่อนฉีกยิ้มกว้าง ขณะก้าวเข้าไปใกล้ๆ
“แต่ไหนๆ ก็เจอพี่หมอแล้ว นิวว่าเราก็คุยกันหน่อยดีไหมคะ เพราะหลังๆ มานี้ นิวไม่ค่อยเห็นพี่อาร์มในห้องนอนเลยค่ะ”
ห้องนอนของหล่อน สามารถมองเห็นห้องนอนของวชิรวิชญ์ได้ เพราะอยู่ตรงกันข้ามกัน และแน่นอนว่าหล่อนแอบส่องเขาบ่อยๆ
บางวันเขาก็ใส่เสื้อผ้าครบชุด แต่บางวันก็มีแค่กางเกงขายาว แต่ไม่มีสักวันที่เขาไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัว
หญิงสาวคิดอย่างเสียดาย ก่อนจะหน้าแดงระเรื่อจนต้องยกมือขึ้นลูบแก้มไปมา
“เอ่อ... นิวหมายถึง... พี่หมอน่าจะงานยุ่ง นิวก็เลยไม่เห็นไฟในห้องนอนพี่หมอเปิดเลยน่ะค่ะ”
แก้ตัวเสร็จก็ก้มหน้าลงและลอบเป่าปากอย่างโล่งอก
“พี่งานยุ่งจริงๆ นั่นแหละครับ แล้วบางคืนก็ต้องค้างที่โรงพยาบาล”
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขาทันควัน ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆ กับเขา
พระเจ้า...
ทำไมวชิรวิชญ์ตัวหอมจัง นี่นั่งข้างๆ ยังได้กลิ่นหอมขนาดนี้เลย แล้วถ้าได้ซุกไซ้ หล่อนคงสำลักความหอมของเขาตายแน่ๆ เลย
แก้มนวลยิ่งแดงมากขึ้น ตามคิดลามกของตัวเอง
“นิวไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ พี่หมอ นิวสบายดีค่ะ ว่าแต่ทำไมพี่หมอคิดว่านิวไม่สบายเหรอคะ”
หล่อนรีบส่ายหน้าไปมาจนคอแทบหลุด เพราะเกรงเขาจะรู้ว่าข้างในตัวของหล่อนนั้นร้อนปานไฟ
“ก็หน้านิวแดงมาก แดงมากขึ้นเรื่อยๆ พี่ว่าน่าจะเป็นไข้นะ”
แล้วเขาก็เอามือขาวสะอาด นิ้วเรียวๆ เล็บที่ถูกตัดอย่างเป็นระเบียบมาแตะที่หน้าผากของหล่อนเบาๆ
อืมมมม
หอมจัง...
หล่อนลอบสูดดมกลิ่นหอมจากหลังมือของ
วชิรวิชญ์เข้าไปเต็มปอด
“ตัวก็ไม่ได้ร้อน”
“เอ่อ... นิวไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ คงเพราะนิวโตเป็นสาวแล้วมั้งคะ ก็เลยมีเลือดฝาดเยอะน่ะค่ะ”
หล่อนแกล้งพูดให้เขาขบขัน ก่อนจะรีบตั้งสติพูดในสิ่งที่ควรจะพูด
“พี่หมอคะ นิวมีอะไรจะถามค่ะ”
“ว่ามาสิครับ”
“คือ...”
หล่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้เอียงหน้าหนีแม้แต่น้อย
ดวงตาสบประสานกัน คล้ายกับถูกดูดเข้าไปในหลุมสีดำที่ทำให้หายใจไม่ออก
“พี่หมอจะไปนัดบอดวันพรุ่งนี้เหรอคะ”
“นิวรู้ได้ยังไงครับเนี่ย”
“เอ่อ... พอดีคุณป้าเล่าให้ฟังน่ะค่ะ ว่าพี่หมอจะไปนัดบอดเย็นวันพรุ่งนี้”
หล่อนพูดออกไป และลอบมองปฏิกิริยาของเขาตลอดเวลา แต่สีหน้าของเขานิ่งมาก ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาเลย
อ่านความรู้สึกยากชะมัด!
นิวารินพึมพำในใจ ก่อนที่คำพูดราบเรียบของวชิรวิชญ์จะดังขึ้น
“คุณแม่อยากให้พี่ไปน่ะครับ พี่ก็เลยต้องไป”
“งั้นก็แสดงว่าพี่หมอไม่ได้เต็มใจ อยากไปใช่ไหมคะ”
“ตอนนี้คำว่า ‘ครอบครัว’ ยังไม่ได้อยู่ในความคิดของพี่เลย เพราะพี่มีหน้าที่สำคัญที่ต้องรับผิดชอบ นั่นก็คือดูแลคนไข้ครับ”
พอฟังว่าเขาไม่เคยมีคำว่าครอบครัวอยู่ในหัวเลย หล่อนก็รู้สึกสะท้อนในอกเหลือเกิน เพราะสิ่งที่วชิรวิชญ์สื่อออกมาก็คือ เขาไม่ต้องการมีชีวิตคู่กับใครทั้งนั้นนั่นเอง
“แต่พี่ปฏิเสธคุณแม่ไม่ได้แล้วล่ะ หมดเวลาที่พี่จะผลัดผ่อนแล้ว”
“เอ่อ... แล้วพี่หมอจะเลือกผู้หญิงแบบไหนแต่งงานด้วยเหรอคะ”
“ใครก็ได้ เพราะพี่แต่งงานเพราะหน้าที่”
งั้นเอานิวไหมละคะ นิวพร้อม...
หล่อนตะโกนอยู่ในใจ แต่ภายนอกกลับต้องทำหน้ายิ้มเจื่อนๆ แทน
“นิวสงสารพี่หมอจังค่ะ หัวอกเดียวกันเลยเราสองคน”
คิ้วหนาของวชิรวิชญ์ขมวดมุ่น และมองหล่อนอย่างแปลกใจ
นิวารินที่เพิ่งคิดแผนการนี้ออกมาได้สดๆ ร้อนๆ รีบเล่นละครต่อไป
“คืออย่างนี้ค่ะ แม่ของนิว... ก็พยายามเร่งเร้าให้นิวแต่งงานเหมือนกันค่ะ”
“นี่คุณน้านันก็อยากให้นิวแต่งงานเหมือนกันเหรอครับ”
ดูท่าทางของวชิรวิชญ์ตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน
“ใช่ค่ะ แต่นิวยังอยากสอนหนังสือเด็กๆ อยู่
นิวไม่อยากมีผัว... เอ่อ... สามีตอนนี้ นี่นิวก็ทำได้แค่ผัดผ่อนไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่า วันไหนจะจนมุมเหมือนพี่หมอ”
“แล้วนิวไม่มีคนรักเลยหรือครับ หรือคนที่นิว ชอบก็ได้ เพราะหากนิวได้แต่งงานกับคนที่รักหรือคนที่ชอบ นิวน่าจะมีความสุขมากกว่าความทุกข์นะครับ”
ก็พี่ไงคะ พี่หมออาร์มไงคะที่นิวรัก...
หล่อนได้แต่ตะโกนในใจอีกแล้ว!
“นิวไม่มีคนรักหรอกค่ะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีแฟนเลย”
“จริงเหรอครับ” เขาถามเหมือนไม่อยากเชื่อ
“จริงสิคะ นิวน่ะตอนเรียนก็ตั้งใจเรียนเพื่อจะสอบเข้าพยาบาล แต่ก็เข้าไม่ได้ก็เลยมาเป็นครู พอตอนทำงาน นิวก็ทุ่มเทกับการสอนเด็กๆ นิวก็เลยยังไม่ได้คิดเรื่องคนรักน่ะค่ะ”
“เหมือนพี่เลย พี่ก็เอาแต่เรียนกับทำงานก็เลยไม่มีเวลามองใคร”
“พี่หมอ... ไม่มีคนที่แอบชอบเลยเหรอคะ”
เขาส่ายหน้าไปมา
“ไม่มีครับ”
ใจหนึ่งก็โล่งๆ เพราะเขาไม่มีคนที่แอบชอบ แต่อีกใจก็วูบๆ โหวงๆ เพราะแอบหวังให้เขาแอบชอบตนเอง
“เรานี่หัวอกเดียวกันเลยนะคะ”
“นั่นสิ”
หล่อนมองใบหน้าหล่อเหลาของวชิรวิชญ์ และก็พบว่าเขายิ้มน้อยๆ อยู่
“แล้วนี่คุณน้านันไม่ว่าเอาหรือครับ กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ น่ะ”
“เอ่อ... ไม่ว่าหรอกค่ะ”
แล้วหล่อนก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันมองไปรอบๆ ตัว
“มืดแล้วจริงๆ ด้วย งั้นนิวขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ”
“เดินกลับดีๆ นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
หล่อนหมุนตัวกำลังจะเดินจากไป แต่ก็มีเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นก่อน พร้อมกับเสียงของ
วชิรวิชญ์
“นิวครับ”
“คะพี่หมอ”
หล่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขา และก็พบว่าเขาลุกขึ้นยืน และกำลังเดินเข้ามาหา
“มะ... มีอะไรเหรอคะ”
“นิวทำขวดน้ำหอมร่วงน่ะครับ”
“ขวดน้ำหอม?!”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ก่อนจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นขวดแก้วน้ำมันพรายที่
วชิรวิชญ์ยื่นมาให้
ตายแล้ว!!!
“เอ่อ... ขอบคุณค่ะ น้ำหอมร่วงได้ยังไงเนี้ย ฮ่าฮ่า”
หล่อนรีบคว้าขวดน้ำมันพรายมากุมเอาไว้ และก็แทบปั้นหน้าปกติไม่ได้เลย
“ดีนะขวดไม่แตก” หล่อนพึมพำแก้เขิน ก่อนจะเอ่ยลา
“งั้นนิวขอตัวนะคะ ไปล่ะค่ะ”
แล้วหล่อนก็ใส่เกียร์หมาวิ่งจากมันอย่างรวดเร็ว ในใจก็เต็มไปด้วยความตื่นตกใจคล้ายกับหัวใจจะหยุดเต้น
“เกือบไปแล้วนะนิว... เกือบไปแล้ว ดีนะพี่หมอคิดว่าเป็นขวดน้ำหอม”
หล่อนหอบหายใจระรัวด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อเข้ามาในบ้านแล้ว ซึ่งก็เจอแม่นั่งดูโทรทัศน์อยู่
“อ้าว แม่... ไปไหนมาเหรอคะ นิวหาเสียทั่วเลย”
“แม่ไปนั่งคุยบ้านป้าพิณมาน่ะค่ะ ว่าแต่นิวไปไหนมาเหรอ”
“อ๋อ... นิวไปเอาน้ำมันพรายมาจากบ้านหมอดู แล้วก็เลยแวะไปหาพี่หมออาร์มน่ะจ้ะ”
“แล้วใช้น้ำมันพรายหรือยังล่ะ”
“ยังไม่มีโอกาสได้ใช้เลยจ้ะ”
หล่อนตอบออกไปเสียงห่อเหี่ยว ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ มารดา
“พรุ่งนี้คุณป้าจะให้พี่หมอไปนัดบอดจริงๆ ด้วยแม่ นี่นิวจะทำยังไงดีนะ”
“นิวก็ลองใช้น้ำมันพรายไงลูก แต่ถ้าใช้แล้วไม่ได้ผล ก็แสดงว่าลูกกับคุณหมออาร์มไม่ใช่เนื้อคู่กัน”
“อ้าว มันจะมีไม่ได้ผลด้วยเหรอแม่” หล่อนถามอย่างแปลกใจ
“มีสิ ก็คนไม่ใช่คู่กัน ต่อให้ทำยังไง ใช้มนต์บทไหนก็รักกันไม่ได้หรอก”
หล่อนหน้าหดเหลือแค่นิ้วเดียวกับสิ่งที่แม่พูด เพราะมันคือความจริง
“แต่นิวจะลองดูก่อนแม่ ชะตาฟ้าหรือจะสู้มานะตน นิวจะสู้ จนกว่าจะหมดทางนั่นแหละถึงจะยอมแพ้เลิกรักพี่หมออาร์ม”
นันทายกมือขึ้นลูบศีรษะของลูกสาวเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะ จะได้ออกมากินข้าวกัน”
“จ้ะแม่ หิวพอดีเลยเนี่ย”
แล้วนิวารินก็เดินเข้าไปในห้องนอน เอาขวดน้ำมันพรายไปใส่ลิ้นชักหัวเตียง จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ