ตอนที่1/2
ครอบครัวของท่านตาท่านยายมีอาชีพเก็บของป่าไปขาย ตั้งแต่พ่อแม่นางจากไป ลี่เซียงก็ทำงานหาของป่าแทนทั้งสองคน
แม้จะได้ไม่มากแต่ก็พอประทังชีวิตไปวันๆ อย่างน้อยก็ผ่านแต่ละมื้อไปได้ ตอนที่ท่านตาท่านยายแข็งแรงนางก็เคยตามเขาเข้าป่าไปกับท่านบ่อยๆ ทำให้ร่างกายนางแข็งแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากเจ้าคะท่านยาย ท่านตาค่อยๆเดินนะเจ้าค่ะ ระวังจะล้ม”
ทั้งสองคนไม่รู้ว่าหวังลี่เซียงได้จากไปแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าคือวันวิสาต่างหากเล่า
นางมองขึ้นไปที่หลังคา บ้านหลังนี้จะรอดถึงหน้าหนาวรึเปล่าวิสา ถ้าเป็นยุคที่จากมามีเครื่องมือช่างเธอทำได้นะ
หลายครั้งที่เคยช่วยพ่อซ่อมแซมบ้านบ่อยๆ แต่ยุคนี้ อ่าา…เงินสำคัญที่สุดเราต้องหาเงินก่อนวิสา
“มานั่งก่อนลูก ยายจะทายาให้ ทำยังไงถึงได้แผลมาล่ะ รู้ไหมการที่ผู้หญิงมีรอยแผลบนใบหน้าไม่ว่าจะส่วนใดส่วนหนึ่งก็ถือว่ามีตำหนิ กลายเป็นคนอัปลักษณ์ เดี๋ยวจะไม่มีใครมาสู่ขอ ยายเตือนเจ้าหลายครั้งแล้วเจ้าไม่ฟังยายบ้างหรือ”
ท่านยายพูดยาวเหยียด หลานคนนี้หิวเข้านักเจ้าค่ะ นางคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา
“ยายเฒ่า ทายาแล้วเจ้าก็พาหลานไปกินข้าวสิ นี่ยามเว่ยแล้วนะ”
(ยามเว่ย=13.00) ต้องขอขอบคุณท่านตาที่ช่วยชีวิตหลานสาวคนนี้ไว้ หวังลี่เซียง ทั้งสองคนรักเจ้ามากนะ ต่อไปพี่สาวคนนี้จะดูแลปกป้องท่านสองคนนี้เอง
“ใช่ๆ ยายเกือบลืมไปลูก ล้างมือล้างเท้าแล้วเข้าไปทานข้าวเถอะ”
“ขอบคุณท่านตาท่านยาย ระหว่างทางหลานเดินสะดุดใส่ก้อนหิน ต่อไปหลานจะระวังนะเจ้าคะส่วนเรื่องที่เป็นแผล เรื่องที่จะมีใครมาขอรึไม่ก็ช่างเถอะ หลานจะอยู่ดูแลท่านตาท่านยายไม่คิดจะออกเรือนหรอกนะเจ้าค่ะ"
“ไม่ได้ ไม่ได้” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน สรุปพวกท่านไม่ดีใจหรอกหรือ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น
“ตาและยายจะนอนตายตาหลับได้ยังไง ถ้าหลานยังไม่มีใครดูแล ปีหน้าเจ้าจะ 15 ถึงวัยปักปิ่นแล้ว ตากับยายปรึกษากันว่าจะไปขอคนที่คุ้นเคยรู้จักฝากฝังเจ้าแต่งเข้าบ้านเขา”
นางอึ้งมากลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ที่นี้ไม่เหมือนที่นางจากมา ตายแล้ววิสา
“ท่านตาท่านยายเจ้าคะ อีกนานนนนเจ้าค่ะ เรายังไม่พูดถึงเรื่องนี้ได้รึไม่คะ ข้ากำลังคิดว่าจะหาเงินด้วยวิธีใดที่จะได้เงินเยอะๆ เราจะสร้างบ้านใหม่ ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้วนะเจ้าค่ะ อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้เลย เอาเป็นว่าถ้าถึงเวลานั้น ข้าจะเชื่อฟังท่านตาท่านยายดีรึไม่เจ้าคะ”
เอาว่ะวิสา เพื่อความสบายใจของท่านตาท่านยาย ยอมท่านไปก่อนค่อยๆคิดหาทางออกละกัน
ลักษณะบ้านของลี่เซียงมีสามห้องแบ่งเป็นห้องท่านตาท่านยาย ห้องนอนนาง ห้องเก็บของ ที่แทบไม่มีอะไร
แต่ก่อนคงเป็นห้องพ่อแม่นาง ห้องโถงเป็นห้องสี่เหลี่ยมไม่ได้กว้างมากนัก เป็นห้องทานข้าวรึเวลาเพื่อนหลายมาหาก็นั่งคุยกันที่นี้ ข้างนอกมีระเบียงให้นั่งด้วย
ส่วนห้องครัวที่ยื่นออกไปทางหลังบ้าน ไม่มีห้องอาบน้ำ ที่นี่หนาวเกือบทั้งปี ลี่เซียงคนก่อน3-4วันจะอาบน้ำครั้งนึง (ตายแล้วเธอชอบชอบอาบน้ำที่สุดแล้วจะทำยังไงดี )
เป็นปรกติของทุกคนที่นี้ ตื่นเช้ามาล้างหน้า บ้วนปาก ตอนเย็นก็ล้างมือล้างเท้าแล้วเข้านอน เวลาอาบน้ำจะไปอาบที่ลำธารท้ายหมู่บ้าน ผู้หญิงจะอาบรวมกันเป็นกลุ่ม
ผู้ชายจะอาบข้างบนไม่ได้ใกล้กัน ส่วนห้องส้วมเธอต้องการทำให้ท่านท่านตาท่านยายด่วนๆเลย ยิ่งเร็วยิ่งดี
เพราะทั้งสองคนมีอาการเกี่ยวกับกระดูก เวลาเข้าห้อมส้วมต้องนั่งแบบชักโครกเท่านั้น อีกอย่างหลังคาบ้านดูแล้วคงไม่ทนถึงปีหน้าแน่นอน
อ๋อ หมู่บ้านนี้อยู่ติดชายแดนทางเหนือชื่อหมู่บ้านทงซาง ห่างจากเมืองหลวงต้าเวิ่น 240 กว่าลี้
(200=100 กิโลเมตร) ชาวบ้านส่วนมากหาของป่าแล้วไปขายที่หมู่บ้านสุยเจียงห่างจากหมู่ที่เธออยู่ 30 ลี้ (ประมาณ 15 กิโลเมตร) ความเจริญต่างกันมาก
เพราะหมู่บ้านทงซางมีแต่ชาวบ้านธรรมดา ถึงขั้นยากจน บ้านเรือนแต่ละหลังไม่ได้ร่ำรวยใหญ่โต คนที่มีเงินก็พากันซื้อที่ดินเข้าไปอยู่ในตัวหมู่บ้านสุยเจียง
ที่นั่นมีร้านค้า ร้านยา โรงเตี๊ยม หอการค้าต่าง ๆ แหล่งรวมการค้าขายก็ว่าได้
ในความทรงจำของหวังลี่เซียง เคยเข้าไปบ่อยเพราะท่านตาพานางไปขายผักบ้าง สัตว์ป่าที่ได้จากวางกับดักบ้าง
ตั้งแต่ท่านตาหกล้มคราวก่อนหัวเข่าแกมีปัญหา ทำให้เข้าป่าไม่ได้ คือเดินทางระยะไกลและนานไม่ไหว ส่วนท่านยายมีอาการปวดหลัง เพราะแกไปแบกน้ำมาไว้ให้นางทำกับข้าว
วันนั้นนางจำได้ดี นางกำลังกลับมาจากการเข้าป่า เห็นท่านยายนั่งที่พื้น ถังน้ำหกกระจายไปทั่ว
นางตกใจมาก รีบไปพยุงท่านยายแล้วรีบไปเชิญหมอที่หมู่บ้านสุยเจียง เงินที่เก็บก็หมดไปกับค่ายาที่หมอจัดให้ หมอบอกว่ากระดูกร้าวอย่าให้ยายทำงานยกของหนักอีก
ตั้งแต่นั้นมาหน้าที่ไปตักน้ำ หาฟืน เข้าป่าเป็นนางทำทั้งหมด แม้จะไม่เหลือเงิน แต่พออยู่ไปวันๆขออย่าให้มีใครเป็นอะไรอีกเลยเจ้าพระคุ้ณ ช่วงนี้ไม่มีเงินสักอีแปะเลย
ยามห้ายแล้วนางก็ยังนอนไม่หลับ ความรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์มีอยู่เต็มหัวนาง
แต่นางต้องการเงิน ด่วนด้วย สวรรค์ส่งข้ามาแล้วโปรดชี้ทางให้ข้าทีเถอะ ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงเข้ามาอยู่ในยุคนี้และร่างนี้ แต่ในเมื่อส่งข้ามาแล้วก็ช่วยชี้แนะข้าทีเถอะนะเจ้าค่ะ
เพราะบ้านนี้ไม่มีกระจก ยังไม่รู้เลยว่าหน้าตานางเป็นยังไง ดูจากผิวพรรณ ข้อมือข้อเท้านี้ รูปร่างน้องลี่เซียงอรชรอ้อนแอ้นมาก
แต่นางสู้ชีวิตมากๆ ขยันทำงาน ไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง และนางรักเพื่อนที่สุด ก็มีเพื่อนอยู่คนเดียว ทั้งสองโตมาด้วยกันเล่นมาด้วยกันมาจนถึงตอนนี้
ระวังที่นางนึกถึงเหตุการณ์ตอนกลางวันแผลที่หัวคิ้วข้างซ้ายจะเป็นไงบ้างนะ นางเอามือขึ้นลูบเบาๆที่แผลเป็นตรงหัวคิ้วข้างซ้าย
ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว แต่คงจะเป็นแผลเป็นค่อยไปส่องตอนที่ไปอาบน้ำก็แล้วกัน ถ้าแผลนี้ทำให้ไม่มีคนมาขอนางก็ถึงว่าเป็นโชคดี
“วิ้ง เปิดประตูสักทีนายหญิง ข้ารอลุ้นว่าเมื่อไรนายหญิงจะเปิดประตู ยินดีต้อนรับเข้าสู่ช่องนึกคิดเจ้าค่ะ ดูหน้านายหญิงแล้ว คงมีอะไรสงสัยอยากถามอะไรก็ถามมาเถอะเจ้าค่ะ”
ข้าตกใจสิ แล้วที่นั่งพูดกับข้านี่มันผีเสื้อแสนสวยนี่นา น่ารักจังเลย ดูสิยังทำตาวิบ วับๆ
ตัวเท่าฝ่ามือข้าเลย นี่มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออีกแล้ว ครั้งแรกทะลุมาในร่างนี้ ครั้งที่สองแผลเป็นที่คิ้วข้างซ้ายกลายเป็นช่องนึกคิด ขอบคุณสวรรค์
มาแนะนำตัวกันก่อนนะคะ
วันวิสา อายุ 28 ปี นิสัยร่าเริงสดใส คติงานหนักไม่เคยฆ่าคน
บุคลิกห้าวๆ
หวังลี่เซียง อายุ 14 ปี นิสัยตรงไปตรงมา ขยันไม่ย่อท้อ รักเพื่อน
เป็นคนผิวขาวมากหน้าตาจิ้มลิ้ม ยิ่งมองยิ่งน่ารัก มีลักยิ้มทั้งสองข้าง
ซูเหวิน อายุ 28 ปี นิสัยรักอิสระ ไม่ชอบความวุ่นวาย
รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมคาย คิ้วเข้ม จมูกโด่ง (ยังเป็นปริศนาว่าพระเอกเป็นใคร)
หยาว หยาว อายุ 14 ปี นิสัยขี้เล่นและรักเพื่อนมาก
ตาชั้นเดียว สาวหมวยน่ารัก
เสี่ยวหยวน น้องชายหยาว หยาว อายุ 6 ขวบ
แม่ทัพไป๋หยุน อายุ 29 ปี รักเพื่อนพ้อง เพื่อนสนิทซูเหวิน
ท่านตาหวังลิ่ว อายุ 65 ปี
ท่านยายหวังมี่ อายุ 60 ปี
ท่านปู่เยี่ย อายุ 70 ปี
ลุงกุ้ยไห อายุ 45 ปี
พี่กุ้ยฉ่าย อายุ 20 ปีเรียกนางเอกว่าคุณหนู
พี่ทงจี้ ลูกชายเถ้าแก่ร้านขายกระเบื้อง อายุ 25 ปี เรียกนางเอกว่าเสี่ยวลี่
พี่เจี่ยไฉ่ อายุ 26 ปี เรียกนางเอกว่าคุณหนูลี่เซียง