บทที่ 6

1488 คำ
“แล้วถ้าผมมาทัน ครีมจะยอมให้ผมช่วยหรือเปล่าล่ะครับ” คาริสาหัวเราะจนเสียงใส “พอเลยค่ะ คุณแสนเลิกแหย่ครีมซะทีเถอะ ดึกแล้ว ครีมจะวางแล้วนะคะ” “ก่อนวางลองมองลงมาที่นอกหน้าต่างดูสิครับ” ได้ยินเท่านั้นแหละ หญิงสาวก็แทบกระโจนจากเตียงไปที่โต๊ะหนังสือแหวกม่านที่หน้าต่างออกดู แล้วก็... “คุณแสน !” “ครับ...” นับแสนไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องเอามือเสยผม ถลกแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นมาอีกนิด แถมเอนตัวพิง เบนท์ลีย์ คอนติเนนทัลด้วย ... เท่ตายละ ! “มาได้ยังไงคะ” “ใจคอจะตะโกนคุยอย่างนี้หรือครับ” นับแสนนึกขำท่าทางลิงตื่นของอีกคน แม้โทรศัพท์จะแนบอยู่ที่หู แต่กลับตะโกนพูดกับเขาซะนี่ “อุ๊ย ขอโทษค่ะ... คุณแสนรอครีมแป๊บนะคะ” คาริสาแทบกระโจนลงจากชั้นสองของเรือนไม้กึ่งปูนสองชั้น พอลงมาได้ก็รีบเปิดประตูรั้วเชื้อเชิญแขกยามวิกาลทันที แถวนี้ยุงชุมอย่างกับอะไรดี ไม่รู้ว่าชายหนุ่มมายืนนานเท่าไรแล้วด้วย “คุณแสนนั่งตรงนี้ก่อนนะคะเดี๋ยวครีมไปยกชาเย็นๆ มาให้” พอหญิงสาวเดินละออกไปอีกห้อง ที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นห้องครัว นับแสนก็มีเวลามองสำรวจไปรอบๆ เท่าที่ตาจะสามารถมองเห็นได้ในตอนนี้ บ้านทั้งหลังตกแต่งทั้งภายนอกและภายในเป็นสีขาว แลดูสะอาดตาและทำให้บ้านไม้กึ่งปูนเล็กๆ หลังนี้ดูกว้างขวางขึ้น สิ่งของตกแต่งในบ้านเน้นความเรียบแต่ก็ดูมีรสนิยม ที่สำคัญมันดูมีเรื่องราว เป็นบ้านที่ให้คนในครอบครัวได้อยู่อาศัยกันจริงๆ... และมันให้ความรู้สึกอบอุ่น นับแสนเหลือบไปเห็นกรอบรูปที่ตั้งอยู่หนึ่งอัน ในนั้นมีภาพของสองสาวสวยยิ้มให้กล้องหน้าบานกันทั้งคู่ แถมยังกอดคอกันแนบแน่น อาจจะด้วยความคิดถึง โหยหา หรือยังอาลัยอาวรณ์อยู่ก็มิทราบได้ เขาถึงเดินไปหยิบรูปนั้นขึ้นมาสัมผัสเบาๆ ในบริเวณตำแหน่งวงหน้าของผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยกุมหัวใจเขาเอาไว้เสียอยู่หมัด “นั่นรูปครีมกับน้องค่ะ ตอนนี้แกไปเรียนต่อโทอยู่ที่เมืองนอกปลายๆ ปีก็จะได้กลับมาแล้วค่ะ” “อ้อ หรือครับ” พอถูกทักเข้านับแสนก็วางกรอบรูปนั้นลงที่เดิมแล้วเดินกลับมานั่งที่โซฟาไม้รับแขกเหมือนเดิม “แล้วนี่คนในบ้านหลับกันหมดแล้วเหรอครับ ไม่รู้ว่าผมมารบกวนครีมหรือเปล่า” “ครีมอยู่บ้านคนเดียวค่ะ คุณลุงกับคุณป้าท่านไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด อีกสองสามวันถึงจะกลับ” พอพูดถึงตรงนี้คาริสาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอเป็นสาวเป็นนางอยู่คนเดียวในบ้าน แถมมืดค่ำดึกดื่นขนาดนี้ ยังกล้าชวนผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเข้าบ้าน... ไม่รู้ นับแสนจะคิดว่าเธอให้ท่าเขาจนเกินงามหรือเปล่า เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของหญิงสาว ทั้งที่ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนกังวลจริง หรือเสแสร้งแกล้งทำกันแน่ แต่ตอนนี้เขาคือนับแสนผู้สุภาพ อ่อนโยน ก็ต้องแสดงความห่วงใยออกไปนิดหน่อย “แล้วครีมไม่กลัวหรือครับ” “แถวนี้ครีมอยู่มาตั้งแต่เด็ก เพื่อนบ้านก็รู้จักกันมาเป็นสิบๆ ปี จะว่าไปก็เหมือนคนในครอบครัวค่ะ หากครีมมีอะไรก็ไหว้วานพึ่งพากันได้ค่ะ” ลุงกับป้าของเธอเป็นครูที่ชาวบ้านแถวนี้เคารพนับถือ ตั้งแต่เล็กมาเธอกับน้องก็วิ่งเล่นไปทั่ว มีเพื่อนมีพี่ที่รุ่นราวคราวเดียวกันก็เยอะ ไปบ้านไหนก็ได้ขนมกินบ้านนั้น แถมป้าเธอยังชอบทำกับข้าวแจกจ่ายบ้านโน้นบ้านนี้ออกบ่อย บ้านอื่นก็มีเอามาแลกกันอยู่ตลอดมิได้ขาด “ผมหมายถึงครีมไม่กลัวผมหรือครับ... ” แม้คำพูดของชายหนุ่มตรงหน้าจะดูสุภาพ นุ่มทุ้ม แต่แววตาที่ร้อนระอุจนจะเผาเธอได้ที่นับแสนสื่อออกมา ทำให้หญิงสาวนึกอยากลองเล่นกับไฟดูบ้าง... อยากรู้นักว่าเขาเป็นผู้ชายประเภทไหนกันแน่ จะไว้ใจได้จริงหรือเปล่า ? “ครีมไว้ใจคุณค่ะ ระดับคุณแสนคงไม่ทำตัวแบบนั้นให้เสื่อมเสีย หรือถ้าครีมคิดผิด อย่างมากครีมก็แค่เรียกตำรวจให้มาจับคุณ ถ้าหากคุณคิดทำมิดีมิร้ายหรือคุกคามครีม หรือถ้าเส้นคุณใหญ่จนครีมเอาผิดคุณไม่ได้ ครีมก็จะไปร้องให้สื่อช่วย คุณแสนคงทราบดีว่าสมัยนี้เรื่องเสียหาย หรือลากคนออกมาให้สังคมประณามมันทำง่ายเสียยิ่งกว่าอะไร... แล้วถ้าหากครีมเสีย ครีมก็เชื่อค่ะว่าคุณจะเสียไม่น้อยไปกว่าครีมเลย” ชายหนุ่มนั่งฟังเสียงกังวานใสเจื้อยแจ้วไปเรื่อยคล้ายเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่หากฟังให้ดีแล้วเขาต้องยอมรับว่าคาริสาฉลาดและเอาเรื่องพอตัว มิน่า สมัยก่อนถึงพูดให้เนติกาทิ้งเขาที่คบกันมาเกือบสี่ปีได้ลงคอเพียงชั่วข้ามคืน “ผมขอรับรองด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าผมแค่ห้ามใจตัวเองไม่ให้มาเจอหน้าครีมไม่ไหว แต่ผมนายนับแสน สิงหโชติเดชาจะไม่มีวันทำให้ผู้หญิงที่ผมรู้สึกดีด้วยเสียหายหรือเสียใจแน่นอนครับ” แม้นถ้อยคำเขาจะดูดีไม่น้อย แต่ภายในใจนับแสนรู้ว่าตนเองหลอกลวง เสแสร้ง และร้ายกาจยิ่งกว่าอะไร !! “ครีมเชื่อคุณค่ะ” คาริสายิ้มตอบ เธอก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกเชื่อใจเขาง่ายๆ แบบนี้ จะว่ารู้จักกันมานานรึก็เปล่า “ถ้าครีมไม่รังเกียจ... ผมจะถือซะว่าผมมารอคำตอบจากปากครีมเรื่องที่คุยกันเมื่อหัวค่ำก็แล้วกันนะครับ” คราวนี้คนกล้าเมื่อครู่หน้าแดงก่ำหูอื้อตาลายขึ้นมาอย่างฉับพลัน “คะ... คุณแสนว่ายังไงนะคะ” นับแสนยักยิ้มมุมปาก “ผมรู้ว่าครีมได้ยินชัดแจ๋ว ไม่อย่างนั้นคงไม่กลับไปติดอ่างแบบนี้หรอกครับ” พอถูกย้อนเข้าจากหน้าหวานๆ จิ้มลิ้มๆ ก็งอเป็นจวักเชียว “คุณแสนแกล้งครีมหรือคะ” “โธ่ ผมน่ะใจแข็งพอจะแกล้งครีมที่ไหน แต่ถ้าครีมไม่ยอมรับผมไว้พิจารณานี่สิ ผมคงไม่อยากแม้แต่จะหายใจ ถ้าครีมจะใจร้ายขนาดนั้น เอามีดมาควักหัวใจผมตอนนี้เลยก็ได้นะครับ” นับแสนหยอดคำหวานเต็มที่ สมัยก่อนเขาเห็นไอ้พวกเพื่อนๆ มันหลีสาวบ่อย แล้วรายไหนรายนั้น โดนเข้าไปเรื่อยๆ เสร็จทุกคน ! “เขาบอกว่าคนปากหวานเชื่อไม่ค่อยได้” โชคดีที่คุณป้าไม่อยู่ หากท่านรู้ว่าหลานสาวที่รักมานั่งให้ผู้ชายเกี้ยว แถมยังต่อปากต่อคำได้ไม่ลดละแบบที่เธอทำอยู่ตอนนี้ละก็ มีหวังเป็นลมล้มพับไปแล้ว “หากความจริงใจของผมทำให้ครีมมองว่าเป็นคนกะล่อน ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเสียใจ” “ครีมเปล่า...” เมื่อเห็นคนหน้าเข้มหน้าสลดเหลือสองนิ้ว คาริสาก็ใจแข็งไม่ไหว แต่ไหนแต่ไรมาเธอเคยหลงคารมใครง่ายๆ ที่ไหนกัน แต่รายนี้ขอเป็นข้อยกเว้น เพราะเธอมองเห็นความจริงใจที่เขาแสดงออกมาจริงๆ “ถ้าอย่างนั้นตอบให้คุณแสนชื่นใจสักครั้งได้มั้ยครับ... ว่าผมยังมีสิทธิ์มั้ย” ไม่เพียงแต่พูดเท่านั้น นับแสนยังรุกคืบด้วยการเขยิบเข้าไปใกล้ร่างบอบบางในชุดนอนแสนน่ารักอีกนิด และมันก็ใกล้พอที่เขาจะตรึงล็อก หญิงสาวไม่ให้ขยับหนีไปไหนได้ “คุณแสนไม่คิดว่ามันเร็วไปหรือคะ” นับแสนสังเกตเห็นความลังเลของคาริสา แต่แค่นี้ไม่เกินความสามารถของเขาหรอก “ผมทำแต่งาน ดูแลคนในไร่หลายชีวิต พอมารู้ตัวอีกทีก็ผ่านมาหลายปีจนลืมไปแล้วว่าความรัก ความสุขเป็นยังไง และพอผมได้เจอครีม ผมก็สัมผัสถึงมันได้อีกครั้ง หากจะถามว่าเร็วไปมั้ย สำหรับผมมันช้าไปด้วยซ้ำ แต่หากครีมมองว่ามันเร็วไป หรือผมยังไม่ดีพอให้ครีมยอมเสี่ยงดูสักครั้ง ผมก็จะยอมรับการตัดสินใจของครีมครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม