เหม่ยจูนอนกอดหมอนข้างอยู่ในห้องของเพื่อนสนิท เธอมาค้างคืนที่นี่บ่อยราวกับเป็นบ้านหลังที่สอง โชคดีครอบครัวของหลิวเฝ**นลู่เข้าใจสถานการณ์ของเธอจึงไม่เคยซักไซ้ทั้งยังต้อนรับอย่างดี ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่โทรศัพท์มือถือข้างเตียง
‘รออะไรอยู่กันแน่เหม่ยจู พี่เขาไม่มีทางสนใจเธอหรอก’
ทุกครั้งที่ออกมาค้างบ้านเพื่อน เด็กสาวมักนอนรอเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือโดยไม่รู้ตัว ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าผู้เป็นพี่จะรีบหาทางติดต่อมาไหมเวลาที่เปิดห้องไปแล้วไม่พบใคร เธอรู้ว่าการกระทำนั้นช่างเหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจ…ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอต้องการให้พี่สนใจจริง ๆ ซึ่งน่าแปลกใจที่ไม่มีการโทรมาตามให้กลับบ้านหรือถามไถ่ว่าอยู่ที่ไหนเลยสักครั้ง ราวกับว่าเธอไร้ตัวตนไม่ได้มีความสำคัญใด
เป็นเพียงตัวภาระ
คำนี้หนักอึ้งอยู่ในใจของเหม่ยจู ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนตั้งแต่บิดามารดาเสียชีวิตไปพี่สาวก็ต้องเข้ามารับผิดชอบทุกอย่าง ถึงอย่างนั้นเธอก็คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะมีเวลาให้กันบ้าง ขอแค่วันละชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้นก็ได้ ถ้ามันยังมากเกินไปแค่พี่ยอมมางานโรงเรียนด้วยกันก็พอแล้ว การประชุมผู้ปกครอง การแสดงความสามารถตามโอกาสที่ปีหนึ่งมีไม่กี่ครั้ง ช่วงเวลานั้นทุกคนในห้องจะมีครอบครัวมาดูคอยให้กำลังใจ มันช่างน่าอิจฉามากจริง ๆ
” ยังไม่นอนอีกเหรออาจู” น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยถามจากคนด้านข้าง หลิวเฝ**นลู่รับรู้ได้ถึงความเศร้าหมองที่แผ่ออกมาจากเพื่อนสนิท
“นอนไม่หลับน่ะ” ตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายมาเหม่ยจูก็มีอาการนอนไม่หลับที่เริ่มรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะหากอยู่ที่ห้องนั้นคนเดียวเธอแทบจะไม่ได้นอนเลยสักชั่วโมง บางครั้งถึงกับเป็นลมที่โรงเรียนเลยด้วยซ้ำ
“ไม่บอกพี่เหม่ยหงจะดีเหรอ” อาการหนักขนาดนี้เกินกว่าจะปล่อยให้หายเองได้
“บอกไปก็คงไม่ช่วยอะไรหรอก มีแต่จะเปลืองค่ารักษาเสียเปล่า ๆ” แค่นี้เธอก็รู้สึกเป็นตัวภาระมากพอแล้ว จะให้พี่สาวใช้เงินที่หามาด้วยความเหน็ดเหนื่อยมาจ่ายให้เธอเพิ่มจากเดิมได้ยังไง
“แล้วเรื่องการประชุมผู้ปกครองวันพรุ่งนี้ล่ะ” ร่างเล็กพลิกนอนตะแคงเพื่อมองหน้าคู่สนทนา แสงไฟจากหน้าบ้านส่องสว่างมากพอจะให้เห็นว่าคนตรงข้ามแสดงสีหน้าใดออกมา
“ก็คงเหมือนทุกที…” ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมต้น ดังนั้นตลอดเวลาเกิดอะไรขึ้นบ้างหลิวเฝ**นลู่ล้วนรับรู้ทั้งสิ้น
“นอนกันเถอะ มานี่มา” วงแขนเล็กดึงร่างเพื่อนสนิทเข้ามากอดไว้ ในวันที่เธอมีปัญหาก็ได้รับคำปลอบโยนเช่นกัน
“ขอบใจนะเสี่ยวลู่” ดวงตารื้นน้ำหลับลงในอ้อมกอดอุ่น ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน
ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า ช่วงเช้าตรู่เหล่าเด็กหญิงชายในชุดนักเรียนต่างเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองเพื่อเข้าร่วมการประชุมที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น พวกเขามีสีหน้าแตกต่างกันไป บางคนยิ้มพอใจที่ได้โอ้อวดผลคะแนนดีเด่นให้บิดามารดาทราบ บางคนกลับหน้าซีดที่ครอบครัวกำลังจะได้รู้ว่าผลการเรียนของตนไม่สู้ดีนัก กระนั้นก็มีอยู่คนหนึ่งที่ยืนนิ่งด้วยสีหน้าว่างเปล่าท่ามกลางคนมากมาย
จวบจนเย็นย่ำการประชุมนั้นสิ้นสุดลง ร่างเล็กหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องเรียนอย่างเงียบเชียบ วันนี้เธอให้เพื่อนสนิทกลับไปพร้อมครอบครัวก่อนแล้วจึงเหลือเพียงเด็กสาวคนเดียวเท่านั้น
“เสี่ยวจู!” น้ำเสียงคุ้นเคยตะโกนเรียกอยู่ด้านหน้าประตูโรงเรียนทำให้เจ้าของชื่อรีบหันไปมอง
“พี่…” ใจดวงน้อยสั่นไหวเมื่อพบว่าพี่สาวขับรถมารับ แต่ด้วยความน้อยใจที่สุมจนล้นอกจึงเผยสีหน้าบึ้งตึงออกไป
“พี่ขอโทษนะ วันนี้มีลูกค้าระดับสูงต้องการกินขนมอื่นที่พี่เป็นคนทำ เลยมาไม่ทันนัดของเรา” ทั้งที่เธอเตรียมนามากาชิไว้พร้อมแล้วและกำลังจะรีบมาหาน้องสาว กลับโดนรั้งตัวไว้ซึ่งหัวหน้าพ่อครัวก็ไม่สามารถออกหน้าให้ได้ สุดท้ายกว่าจะทำทุกอย่างเสร็จก็แทบหมดวัน
“ไม่เป็นไรค่ะ” มันไม่ใช่ครั้งแรกอีกทั้งคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เรื่องราวลงเอยเช่นนี้
“มาเถอะ พี่จะพาไปกินของอร่อยไถ่โทษนะ” มือขาวผ่องที่เต็มไปด้วยร่องรอยโดนมีดบาดเอื้อมจับต้นแขนเล็กคล้ายกำลังง้องอนให้น้องสาวหายโกรธ
“ค่ะ” เหม่ยจูยอมขึ้นไปนั่งบนรถแต่โดยดี
ทว่าบรรยากาศตลอดทางก็อึดอัดแทบหายใจไม่ออก
“พี่รู้ว่าเธอกำลังโกรธ แต่พี่จำเป็นจริง ๆ นะ” ดวงตากลมเหลือบไปมองสีหน้าของเด็กหญิงที่นั่งข้างคนขับเป็นระยะ เหม่ยหงเลือกซื้อรถมือสองมาใช้เพื่อให้ง่ายต่อการเดินทางยามค่ำคืน
“ทุกอย่างล้วนจำเป็นสำหรับพี่…ยกเว้นหนู!” ประหนึ่งความอัดอั้นตันใจที่มีล้นทะลักไม่สามารถเก็บไว้ได้ หยาดน้ำใสไหลรินลงมาไม่ขาดสาย
“ไม่จริง! เธอสำคัญกับพี่ที่สุดนะเสี่ยวจู” คิ้วเรียวขมวดมุ่น ที่เธอพยายามอย่างหนักทุกวันนี้ก็เพื่อคนตรงหน้าไม่ใช่เหรอ
“ถ้าอย่างนั้นทำไม ฮึก พี่ถึงไม่เคยให้เวลากับหนูเลยล่ะคะ” ความเหงาความโดดเดี่ยวมันอ้างว้างยิ่งกว่าหลุมมืดที่ดึงผู้คนให้จมดิ่งเสียอีก
“เพราะพี่ทำเพื่ออนาคตของเราไง” ฝ่ามือบางกำพวงมาลัยรถยนต์ไว้แน่น อวัยวะตรงอกข้างซ้ายเต้นแรงด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“เพื่ออนาคต อึก พี่มองแต่อนาคต แล้วปัจจุบันล่ะคะ ฮือ ทุกวันนี้หนูหายไปจากบ้านพี่ก็ไม่เคยรับรู้ด้วยซ้ำ หรือต่อให้หนูหายไปจากโลกนี้พี่ก็คงไม่รู้สึกอะไรสินะ!!” ทันทีที่ได้เอ่ยพูดความรู้สึกออกมา เธอก็ไม่สามารถรั้งตนเองได้อีก
“เสี่ยวจู!” คนฟังเบิกตากว้างด้วยความตกใจ น้องเธอหายไปจากบ้านงั้นเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่ เกิดอะไรขึ้น คำถามมากมายถาโถมจนตั้งตัวแทบไม่ทัน
ปี้นนนนน
ยังไม่ทันที่สองพี่น้องจะได้ปรับความเข้าใจกันเสียงแตรรถขนาดใหญ่ก็ดังลั่นดึงความสนใจทั้งหมดไป สิบล้อที่ขับอยู่คนละฝั่งพุ่งข้ามเกาะกลางถนนเข้ามาหาพวกเธออย่างเร็วทำเอาเหม่ยหงไม่สามารถตอบสนองได้ทัน การปะทะรุนแรงเกิดขึ้นในชั่วพริบตา มันหนักหนาถึงขั้นบดบี้รถเล็กและร่างนุ่มให้กระเด็นพลิกคว่ำอยู่หลายตลบ ความเจ็บแล่นปลาบไม่นานภาพทุกอย่างก็มืดดับ
ความรู้สึกค้างคาที่ยังมิอาจสนทนากันให้เข้าใจกู่ก้องร้องบอกต่อสวรรค์ ขอโอกาสให้เราสองได้ปรับความเข้าใจสักครั้ง ต่อให้เหลือแค่วิญญาณก็ไม่เป็นไร เพียงได้พบหน้าอีกครั้งเดียวก็พอ…
.....................................................................................
ทุกคนมีมุมมองที่ตนเองต้องเผชิญ ไม่มีใครคิดแทนใครได้ว่าตอนนั้นเธอกำลังรู้สึกอย่างไร
หวังว่าสองพี่น้องจะปรับความเข้าใจกันได้