สองสาวหลับไปครู่ใหญ่ ปานรวีตื่นขึ้นก่อนมองคนที่ยังหลับตาพริ้มแต่ไม่ยอมคลายอ้อมกอดออก ปานรวีจึงแกล้งขยับตัวทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกรั้งตัวเอาไว้ เอรินนอนหลับตาพริ้มอมยิ้มกอดกระชับปานรวีให้แน่นขึ้นอีก
“พี่ต้องกลับแล้วล่ะ” ปานรวีจูบเล็กๆ ไปที่ริมฝีปากเรียวบางของเอรินที่ลืมตาขึ้นในทันทีที่ได้ยิน
“กลับตอนเช้าก็ได้มั้งคะ นะคะ นะ นะ” เอรินลากเสียงยาวออกอาการอ้อนให้เห็น ปานรวียิ้มๆ กับความน่ารักของคนที่ทำหน้าเศร้า
“ไว้ค่อยมาหาใหม่นะ พรุ่งนี้พี่มีประชุมแต่เช้าเลย นะ วันหลังมาหาใหม่หรืออ๋อมจะไปนอนบ้านพี่บ้างก็ได้ อนุญาต” ปานรวีอมยิ้ม เมื่อเห็นเอรินทำท่าคิดคิ้วขมวดเข้าหากันจนปานรวีอดที่จะขำไม่ได้
“บ้านผู้กองไม่ปลอดภัยนะ อ๋อมว่า” เอรินพูดขึ้น
“บ้านทหารไม่ปลอดภัยได้ไงจ๊ะ” ปานรวียิ้มทะเล้นแล้วหอมแก้มเอรินเสียงดังฟอดใหญ่ แต่คนที่ถูกหอมไปนั้นใบหน้าเรียบนิ่ง
“ปลอดภัยเฉพาะกับนายทหารหรือเปล่าคะ” เอรินพูดเสียงอ่อยๆ
“อ๋อม” ปานรวีกอดกระชับเอรินเอาไว้แนบแน่น
“ขอโทษค่ะ ที่ทำให้ไม่สบายใจ” เอรินกอดกระชับปานรวีเช่นกัน
“ขอเวลาพี่หน่อย รอหน่อยได้ไหม นะ อ๋อม นะ” ปานรวีเงยหน้ามามองสบตากับคนที่ยิ้มน้อยๆ และพยักหน้าให้
“ค่ะ แต่งตัวเถอะค่ะ ขับรถถึงบ้านแล้ว พี่ป๊อบโทรศัพท์หาอ๋อมหน่อยได้ไหมคะ” เอรินยิ้มให้คนที่จูบเธอที่แก้ม
“จ๊ะ ยิ้มสวยๆ หน่อยนะ อยากอยู่ให้ร้องเพลงกล่อมจนหลับ แต่พี่ต้องไปเตรียมงานจริงๆ ยิ้มสวยๆ ให้หน่อยนะ จะได้มีแรงขับรถกลับบ้าน” ปานรวีจ้องมองคนที่เริ่มยิ้มกว้างมากขึ้น
“ก่อนนอนโทรศัพท์มาก็ได้ค่ะ จะร้องให้ฟังทุกคืนจนเบื่อเลย”
“จริงดิ” ปานรวีอมยิ้ม
“จริงค่ะ ถ้าพี่ป๊อบทนฟังเสียงอ๋อมได้น่ะ” เอรินหัวเราะเล็กๆ
“ถ้าวันไหนไม่ได้ยินเสียง พี่คงนอนไม่หลับนะ อีกหน่อย”
“เดี๋ยวเอายานอนหลับให้ทานก็ได้ค่ะ”
“หมอไม่ใช่แล้วนะ แบบนั้นน่ะ” ปานรวีแกล้งพูดเสียงเข้ม
“ล้อเล่นค่ะ แต่วันไหนเข้าเวรคงไม่ได้ร้องไห้ฟังนะคะ มาค่ะ อ๋อมช่วยแต่งตัวให้” เอรินอมยิ้มแอบเหลือบมองไปที่เนินอกของปานรวี ซึ่งหยิกแรงๆ เข้าให้ที่แขนด้วยความเขินอาย
“ร้ายเหมือนกันนะ เรา มีแอบชำเลืองมองด้วยตีตายเลย”
“สวยก็อยากมองสิคะ” เอรินยิ้มแป้น
“กลับบ้านแล้วได้เจอยิ้มทะเล้นแบบนี้ทุกวัน ก็คงดีเนอะ” ปานรวีจัดเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อย แล้วหันมายิ้มให้คนที่ช่วยดูกระดุมและปกเสื้อให้เข้าที่เข้าทางปานรวียิ้มน้อยๆ มองดูคนที่ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี
“เรียบร้อยค่ะ” เอรินเลี่ยงที่จะไม่ตอบ หรือพูดอะไรในสิ่งที่ปานรวีเพิ่งพูดออกมา
“อ๋อมกังวลใจ เรื่องอะไรอยู่”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พี่ป๊อบทักเป็นคนที่สองแล้วนะคะ”
“มีอะไรคะ บอกพี่ได้ไหม” ปานรวีถาม ทั้งๆ ที่พอจะเดาออกว่าเรื่องอะไร เพราะตัวเธอเองนั้นก็กังวลใจอยู่เช่นกันว่า จะทำให้ผู้หญิงที่ยิ้มน้อยๆ จ้องมองอยู่ตรงหน้านี้เสียใจ
“อ๋อมกลัวจะทำให้พี่ป๊อบไม่สบายใจ ต้องมาด่างพร้อยเพราะอ๋อม”
“ไม่เอาน่า รอพี่จัดการเรื่องของตัวพี่เอง อ๋อมอย่าคิดแบบนี้อีกนะ”
“ค่ะ” เอรินยิ้มน้อยๆ
“อ้อคุณหมอรู้ตัวไว้ด้วยนะคะว่า ถูกจูบจับจองไว้จนทั่วตัวแล้ว เพราะ ฉะนั้น กรุณาหวงตัวกับสาวๆ คนอื่นด้วย วิ่งคนเดียวก็ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ต้องมีคนไปวิ่งเป็นเพื่อน” ปานรวีพูดขึ้นลอยๆ แล้วเดินยิ้มออกจากห้อง
“เฮ๊ยเดี๋ยว พี่ป๊อบรู้ได้ไงคะ” เอรินรีบวิ่งตามลงมาชั้นล่าง
“ไม่รู้ล่ะ อย่าลืมหวงตัวด้วยล่ะ ผู้กองหวงหมอรู้ไว้ด้วยนะ ไปล่ะ”
“ร้ายเหมือนกันนะ เนี่ย” เอรินยิ้มๆ ส่ายหน้า เดินมาส่งปานรวีที่รถไม่ทำอะไรรุ่มร่าม เพียงแค่ยิ้มๆ และโบกมือให้ แต่คนที่กำลังเคลื่อนรถออกไปนั้นเอามือแตะที่ริมฝีปากทำท่าส่งจูบให้ เอรินเห็นเข้าก็ขำๆ ความใกล้ชิดคงทำให้คนที่นิ่งๆ เผยมุมที่แสนน่ารักให้เห็นมากขึ้น
กานดาเดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้าน เอรินหันไปเห็นเข้าพอดี คนที่เดินก้มหน้าเดินไปเดินมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ หรือเดินจงกลมทำสมาธิ เอรินคิดแล้วก็ยิ้มๆ เดินไปที่บริเวณรั้วข้างบ้าน ซึ่งเป็นรั้วเดียวกันกับบ้านของเพื่อนบ้านที่ชื่อ กานดา
“เดินจงกลมหรือว่าหาอะไรอยู่จ๊ะ สาวอาร์ตติสท์” เอรินยิ้ม เมื่อเห็นกานดาหันมายิ้มๆ ให้
“หาจิ้งหรีด ได้ยินเสียงร้อง” กานดาหัวเราะ
“เอายาไหม เดี๋ยวเราจัดให้จะได้ไปนอน” เอรินยิ้มให้คนที่หัวเราะ
“ไม่ได้บ้าสักหน่อย ไม่ชอบกินยาด้วย” กานดาบอก
“ตกลงมาเดินทำอะไร นี่ก็มืดแล้วนะ” เอรินถาม
“พรุ่งนี้มีสอนศิลปะเด็กน้อยเลยกำลังคิดว่า จะสอนอะไรดี เบื่อแบบ เดิมๆ น่ะ” กานดาเดินมาเอาคางเกยไว้ที่รั้ว ซึ่งไม่ได้สูงมากนัก
“อันนี้อ๋อมคงช่วยไม่ได้นะ” เอรินยิ้มเจื่อนๆ
“เคยคิดจะเรียนวาดรูปบ้างไหม” เอรินจ้องมองคนที่ถามคำถาม
“วงกลม สีเหลี่ยม รูปดาว อ๋อมยังวาดได้ไม่สวยเลยนะ”
“หมอคะ เวลาเรียนไม่ต้องวาดพวกโครงกระดูกอะไรแบบนี้บ้างหรือ เราเคยเห็นในหนัง อย่างน้อยก็ต้องวาดได้บ้างล่ะ” กานดายิ้มๆ ที่สามารถหาเรื่องชวนคนที่ยืนอยู่พูดคุยด้วย
“แค่วาดไว้ดูเองคนเดียว เข้าใจคนเดียวไม่เป็นไรนี่นาเน๊าะ”
“ก็จริงนะ ว่าแต่แฟนกลับไปแล้วเหรอ ไม่เห็นรถ” กานดาถามเหมือนเป็นคำถามทั่วๆ ไป แต่คนที่ได้ยินรู้สึกอึดอัดที่จะตอบ
“พี่ต่างหากอย่าไปพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินเชียวนะ พี่ป๊อบจะเสียหาย” เอรินรู้สึกไม่สบายใจหรือว่ากานดาสังเกตเห็นความผิดปกติ
“แหมพูดเล่นนิดเดียว ทำเสียงเข้ม ไม่ใช่แฟนก็ดีแล้ว ไปล่ะพรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ เวลาเดิมเลย” กานดายิ้มกว้างมากขึ้น โบกมือลาเพื่อนบ้านที่ยิ้มๆ ยืนมองดูเอรินจนเดินเข้าบ้านไป
ปานรวีโทรศัพท์หาเอริน หลังจากเตรียมงานและอาบน้ำพร้อมที่จะเข้านอนเรียบร้อย ล้มตัวลงนอนก็อดที่จะนึกถึงไอตัวอุ่นของคนที่ไม่มีอาภรณ์เลยสักชิ้น ปานรวียิ้มระหว่างรอเอรินซึ่งยังไม่รับสาย ทุกสัมผัสเหมือนติดตาตรึงใจ ทำให้ปานรวียิ้มอายๆ อยู่เพียงลำพัง
“ขอโทษค่ะ พอดีอ๋อมติดสายอยู่” เอรินโทรศัพท์กลับมา
“ค่ะ” ปานรวีตอบเพียงสั้น
“พี่ป๊อบตอบสั้นแบบนี้ น่ากลัวมากรู้หรือเปล่าคะ” เอรินบอก
“ค่ะยาวๆ ก็ได้ ดีขึ้นไหม”
“ตรัยโทรฯ มาค่ะ ถามเรื่องไปเที่ยวหัวหินว่าอ๋อมคุยกับพี่ป๊อบหรือยัง แล้วตรัยก็ชวนคุยโน่น คุยนี่ เห็นสายเรียกซ้อนเลยรีบคุย แล้วรีบโทรฯ กลับหาพี่ป๊อบเลย คุยกับอ๋อมประโยคยาวๆ ได้หรือยังคะ” เอรินรู้สึกกังวลใจกับคนที่ยังคงเงียบอยู่ไม่พูดอะไรเลย
“ไม่อยากคุยแล้ว ง่วง”
“อ๋อมขับรถไปหานะ” เอรินพูดจบก็ลุกขึ้น เดินไปหยิบกุญแจรถ
“พี่จะนอนแล้วค่ะ”
“อ๋อมไปจอดรอหน้าบ้าน ค่อยคุยยาวๆ ตอนเช้าก็ได้ค่ะ” เอรินบอก
“เป็นห่วงพี่ หรือ” ปานรวีถามเสียงเรียบ
“ค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ ขอโทษที่ทำให้กังวล ง่วงแล้วจริงๆ รอคนร้องเพลงให้ฟังอยู่ใจร้อนเหมือนกันนะ เรา ถ้าพี่เป็นกังวลจริงๆ จะขับรถมาจอดรอที่หน้าบ้าน แล้วเช้าค่อยคุยกันจริงๆ หรือ” ปานรวีถาม แต่ก็ยิ้มนึกขอบคุณในความห่วงใยที่เอรินมีให้
“พี่ป๊อบใจร้าย แกล้งแบบนี้”
“ก็หวงนี่นา”
“จะเข้านอนหรือยังคะ” เอรินยิ้มจางๆ รีบพูดเปลี่ยนเรื่อง
“พี่คิดถึงอ๋อมนะ” ปานรวีหวังว่า ความกังวลใจจะหายไป
“คิดถึงตอนไหนคะ ใส่เสื้อผ้าหรือไม่ได้ใส่” เอรินหัวเราะเล็กๆ ผ่านมาทางโทรศัพท์
“หมอบ้าน่าตีนักนะ คิดถึงจริงๆ ตลอดเวลาที่ขับรถกลับมาพักแป๊บ นึงตอนเตรียมงาน อาบน้ำก็คิดถึง ตอนนี้ยิ่งคิดถึงใหญ่เลยค่ะ” ปานรวีถอนใจเบาๆ ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้มากมายขนาดนี้
“พี่ป๊อบ เหมือนคนละคนเลยนะคะ”
“ยังไงคะ” ปานรวีไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ตอนอยู่ด้วยกันและหลังจากนั้น มุมน่ารักเยอะมาก ถ้าวันนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อ๋อมคงไม่ได้เห็นความน่ารักที่พี่ป๊อบซ่อนเอาไว้” เอรินพูดบอกเล่าสิ่งที่ตัวเองคิดและรู้สึก
“แล้วชอบไหม” ปานรวียิ้มน้อยๆ เผื่อว่า คุณหมอแสนฉลาดจะเผลอพูดออกมา
“ไม่บอกค่ะ รอให้เห็นเยอะๆ ก่อน”
“ว่าแล้วเชียว รู้ทัน ร้องเพลงได้แล้วนะ ตาจะปิดแล้วล่ะ” ปานรวีพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ โดยไม่รู้ตัวทำเอาคนได้ยินหัวเราะออกมา
“อ้อนก็เป็นด้วยน๊า พร้อมฟังเสียงร้องที่ไม่ได้เรื่องของอ๋อมแล้วนะคะ” เอรินหัวเราะผ่านมาทางโทรศัพท์อีกครั้ง
“ฝันดีนะ อ๋อม”
“ฝันดีค่ะ” เสียงหัวใจเรียกร้องแปลกๆ ให้รู้สึกดีที่มีเธอ เพราะเชื่อหัวใจตัวเอง แค่สักครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยงตัดสินใจ ขอ
เชื่อในความรักสักหน่อย แม้รักนั้นอาจทำให้ช้ำใจ เอรินยิ้มๆ ระหว่างร้องเพลงเบาๆ ผ่านไปทางโทรศัพท์ เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งเพลง ปลายสายก็เงียบไป ปานรวีคงหลับไปแล้ว
“คิดถึงกอดไว้ด้วยจะได้หลับสบาย” เอรินอมยิ้มกับคำพูดของตัวเอง