การสนทนาของคนทั้งคู่เป็นไปอย่างสบายๆ ท่านเจ้าสัวราพพอหมดเรื่องงานจะคุยกับหลานสาวเพื่อนรัก ท่านจึงเอื้อมมือไปหยิบหนังสือพิมพ์มาพลิกน่าอ่านไปพลาง เพื่อเช็คข่าวสารบ้านเมืองทั่วๆไป ส่วนมารตรีกำลังกวาดสายตาอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับรายละเอียดของงานถ่ายแบบอย่างตั้งอกตั้งใจ หญิงสาวรู้สึกชื่นชอบมากเป็นพิเศษ เมื่อลวดลายบนเครื่องประดับแต่ละชิ้น ล้วนวิจิตรบรรจง เป็นบุญตาของเธอจริงๆที่ได้เห็น แถมยังจะได้สวมใส่เครื่องประดับที่มีมูลค่ามหาศาลจนไม่อาจตีค่าออกมาเป็นราคาได้ ใจเธอก็พองโตอย่างบอกไม่ถูก...
แต่ดูเหมือนความสงบสุขของหญิงสาวผู้งดงามหมดจดในชุดนักศึกษากำลังจะหมดลงไปในไม่ช้า เมื่อเสียงกัมปนาทของเสียงล้อรถเบียดไปบนพื้นถนนดังกึกก้องไปทั่วทั้งตัวคฤหาสน์ยมดิสรณ์ และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่สามารถขับรถเข้ามาจอดเสียงดังได้โดยไม่ต้องเกรงใจใคร
ท่านเจ้าสัวราพลดหนังสือพิมพ์ในมือลงเล็กน้อย ก่อนท่านเงยหน้าขึ้น เพ่งสายตาเริ่มยาวกว่าปกติไปทางหน้าบ้าน เมื่อท่านได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอด ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ นั่นมันเสียงรถใคร...
“ไอ้ตัวแสบลุงกลับมาแล้ว ไหนมันบอกว่าจะไปต่างจังหวัดหลายเดือน นี่ไปได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ก็แล่นกลับบ้านมาเสียแล้วหรือนี่...” ท่านบอกให้หญิงสาวรับรู้ พรางถอนหายใจเมื่อเห็นแววกังวลในดวงตาคู่งาม
“ไม่ต้องกลัวไปนะหนู ลุงเจรจากับมันเป็นอันเข้าใจ ถ้ามันยังไม่เลิกรังแกหนู ลุงจะยกสมบัติของมันให้หนูครึ่งหนึ่ง...”
“คะ...” มารตรีตกใจกับคำขู่ของประมุขยมดิสรณ์ ท่านเจ้าสัวจึงหัวเราะเสียงกังวาน
“มันเลยงอนตุ๊บป่องไม่ยอมกลับบ้านเป็นเดือนๆ”
มารตรีนิ่งฟังเฉย ไม่ได้เออออตามหรือคัดค้าน ยอมเป็นผู้ฟังที่ดีดีกว่า เพราะอะไรก็แล้วแต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับขคราช ขอเธออยู่ให้ห่างเข้าไว้เป็นดีที่สุด
"มันลงไปดูโรงแรมทางใต้มา ทางฝั่งนั้นส่งข่าวไม่ค่อยดีมาถึงลุง ลุงเลยส่งให้เจ้าราชมันลงไปตรวจสอบแทน นี่คงจะเสร็จงานแล้วถึงได้รีบกลับเข้าบ้าน...คนเรานี่นะหนู ต่อให้เลี้ยงมันดีมากขนาดไหน ถ้ามันเกิดถูกความโลภเข้าครอบงำ มันก็พร้อมลุกขึ้นมาทรยศหักหลังคนที่คอยให้ข้าวแดงแกงร้อนมันได้อยู่ดีนั่นแหละ ลุงก็ได้แต่นึกเสียดายฝีมือไอ้หนอนตัวนั้น..." เจ้าสัวราพหมายถึงหนอนบ่อนไส้ที่เอาความลับของโรงแรมออกไปขายให้คู่แข่ง
“ทางเรารู้เรื่องกันเร็ว จึงไม่เกิดความเสียหายมากอะไร”
“ถือว่าโชคดีนะคะที่คุณลุงทราบข่าวนี้เร็ว...”
“ต้องยกความดีให้เจ้านู่นเขา ถึงมันจะเป็นคนอารมณ์ร้ายเอาแต่ใจไปสักหน่อย แต่ถ้าเป็นเรื่องงานถึงไหนถึงกัน เจ้านี่มันเก่ง มองปราดเดียวทะลุไปถึงแก่นกลางก็ว่าได้” คนเป็นพ่อยิ้มกว้างรู้สึกภูมิใจลูกชายในจุดนี้
เสียงย้ำเท้าลงน้ำหนักไม่เบา ทำให้ร่างงามในชุดนักศึกษาเริ่มขยับกายอึดอัดใจมากยิ่งขึ้น มารตรีไม่อยากอยู่เผชิญหน้ากับชายหนุ่ม เธอจึงเตรียมจะอ้าปากเพื่อขอตัวกลับ เมื่อเธอพอจะได้กลิ่นอายไม่ค่อยจะสู้ดีนัก มันกำลังเคลือบคลานเข้ามาภายในห้องรับแขกแห่งนี้ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายไปไม่ทันการณ์เอาเสียแล้ว เมื่อร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตร กำลังเดินหน้ามุ่ยติดจะบึ้งตึงเข้ามาในห้องรับแขกพอดี...
มารตรีไม่ได้ตั้งใจจะมองไปยังเขา บุคคลต้องห้ามสำหรับตัวเธอ ไม่อยากจะพบหน้าเขาสักนิด แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงห้ามสายตาของตัวเองไม่ให้เงยขึ้นไปมองเขาไม่ได้เอาเสียเลย เมื่อสายตาคู่งามเงยขึ้นมองร่างใหญ่เพียงชั่วครู่ ก็ถึงกับหน้าถอดสีซีดลงถนัดใจ เมื่อเธอปะทะเข้ากับสายตาเขียวปั๊ดของชายหนุ่มเข้าอย่างจัง มารตรีถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเสมองไปยังทิศทางอื่นแทน เมื่อสายตาเขียวเข้มนั้นของเขาแทบจะเผาผลาญร่างเธอให้กลายเป็นผุยผง...
“ไงพ่อ...สบายดีนะ”
ขคราชชะงักเท้าลงยังเก้าอี้ข้างตัวติดกับหญิงสาว ก่อนจะดึงมันออกมาโดยไม่ต้องรอให้ใครเชื้อเชิญ เขาจงใจนั่งกระแทกลงข้างๆร่างบาง เมื่อสายตาสะดุดเข้ากับซองสีขาวบนตักของหญิงสาวเข้า ริมฝีปากหนาของชายหนุ่มจึงกระตุกขึ้นเพียงนิด พร้อมกับสายตาคมวาวเหยียดมองด้วยนึกรังเกียจขึ้นมา
“ก็ตามประสาคนแก่...” เจ้าสัวตอบโดยไม่ละสายตาจากหน้าหนังสือพิมพ์
ขคราชปรายตามองซองสีขาวบนตักหญิงสาวอีกรอบ ดวงตาสีนิลวาวโรจน์ ไม่บอกเขาก็พอจะเดาถูก นี่คุณเธอคงมาให้บริการป๋าเขาจนเสร็จสมอารมณ์หมายเป็นอันเรียบร้อยดีแล้วสิถ้า ถึงได้รับซองเสียหนาปึกขนาดนั้น จำนวนเงินคงไม่ใช่น้อยๆเสียด้วย ไม่อย่างนั้น เจ้าหล่อนคงไม่ระริกระรี้เหมือนปลากระดี่ได้น้ำแบบนี้หรอก ชายหนุ่มคิดด้วยความเดือดดาลหัวใจ ใบหน้าหล่อเหลาจึงยิ่งดูงอหงิกหนักขึ้นไปกว่าเก่า...
และทันทีที่ร่างใหญ่ยักษ์กระแทกก้นนั่ง ไม่พูดไม่จา ร่างอรชรด้านข้างถึงกับสะดุ้งรีบถอยห่าง เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมเฉพาะตัวของชายหนุ่ม ซึ่งเขาจงใจลากเก้าอี้เข้ามาประชิดติดกับเก้าอี้ที่เธอนั่ง นี่ถ้านั่งทับตักเธอได้เขาคงจะนั่งทับไปแล้วด้วยซ้ำ ใบหน้างามก้มลงชิดอก พยายามหาจังหวะเอ่ยลาท่านเจ้าของบ้าน
เขาจงใจแกล้งเธอชัดๆ...
“คุยอะไรกันอยู่หรือครับป๋า ดูน่าสนุกเชียว ...”
คนอารมณ์เสียเอ่ยปากถาม ส่วนฝ่ามือใหญ่แสนร้ายกาจนั้นกลับวางแหมะลงบนต้นขาเพรียวของหญิงสาวข้างกาย มารตรีเม้มริมฝีปากอิ่มของตัวเองแน่น ถึงแม้จะมีกระโปรงยาวปกคลุมอยู่อีกชั้น แต่ความร้อนจากฝ่ามือหนานั้นทำให้เธอถึงกับตัวชาวาบสะดุดลมหายใจตัวเอง เธอไม่กล้าปัดมือเขาออก กลัวท่านเจ้าสัวราพจะทราบความร้ายกาจของลูกชาย แล้วจะทะเลาะกันอีกได้ เธอไม่ต้องการทำให้พ่อลูกต้องมาทะเลาะกัน โดยมีเธอเป็นต้นเหตุ ลำพังแค่วันนั้น เธอก็เสียใจมากพออยู่แล้ว...
หญิงสาวนั่งทำใจ ยอมปล่อยให้เขาอาละวาดต่อไปไม่คิดขัดขืน เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยไป ถ้าเธอทำเฉยเสียอย่างเดียว เดี๋ยวเขาก็หยุดทำไปเองนั่นแหละ แต่ดูท่าเหมือนเธอจะคิดผิดไปถนัด เขาไม่เพียงแต่แค่วางไว้เฉยๆ เขายังขยับลากไล้ฝ่ามือร้อนไปมาบนต้นขาเธออีกด้วย...
มารตรีสุดทนเลยตวัดสายตาขึ้นไปมองเขาดุๆ ต้องการปรามให้เขาหยุด แต่คนหน้าตบกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เลิกคิ้วกวนใส่เธอกลับมาเสียอย่างนั้น มารตรีสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ กลั้นใจผลักมือเขาออกไปให้ห่างจากต้นขา ก็พอดีได้ยินเสียงของท่านเจ้าสัวราพ ทักบุตรชายของท่านดังขึ้นมาเสียก่อน มารตรีเผลอยิ้มมุมปาก รู้สึกขอบคุณท่าน อย่างน้อยๆขคราชคงไม่กล้าทำอะไรเธอต่อหน้าต่อตาท่านเจ้าสัวแน่นอน
“ก็เรื่องทั่วๆไป ไม่ได้มีเรื่องอะไรพิเศษ ว่าแต่แกเถอะ งานเสร็จเรียบร้อยดีแล้วหรือไง วันนี้ถึงโผล่หน้ากลับบ้านได้ ไหนบอกป๋าจะไปเป็นเดือนๆ” ท่านเจ้าสัวราพละสายตาจากหนังสือพิมพ์เล็กน้อยตอนเงยหน้าขึ้นไปคุยกับลูกชาย
“ก็ตามนั้นแหละป๋า ถือโอกาสไปพักผ่อนสมองด้วยในตัว เบื่ออากาศในกรุงเทพฯมันรู้สึกไม่บริสุทธิ์ยังไงก็ไม่รู้...” คำตอบยียวนนั้นเขาจงใจพูดใส่เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มข้างๆกาย และเมื่อสายตาดุกร้าวเหลือบลงไปเห็นไอ้ซองสีขาวในมือของเจ้าหล่อน หัวใจเขากลับยิ่งร้อนเป็นไฟขึ้นมาทันที เมื่อเขาเดาไปเอง ว่านั่นอาจเป็นซองเงินค่าตัวของมารตรีก็อาจเป็นได้...
ท่านเจ้าสัวราพพยักหน้าให้ลูกชาย พรางก้มหน้าลงอ่านหัวข้อข่าวที่ท่านอ่านค้างไว้ต่อ...
“คงได้เยอะสินะรอบนี้ ป๋าฉันถึงได้อารมณ์ดี ดูอิ่มเอมมีความสุขจนมันจะทะลักออกมาข้างนอกได้อยู่แล้วนั่นน่ะ แล้วก็...ซองนั้นดูท่าจะหน้าเสียด้วยสิ...” ชายหนุ่มโน้มตัวลงกระซิบชิดติดริมใบหูเล็ก สายตาคมกริบจับจ้องไปทางป๋าตัวเอง ก่อนจะพยักพเยิดไปที่ซองสีขาวในมือของมารตรี
“คุณราช!...” มารตรีเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลา เอียงใบหน้าหลบปลายจมูกโด่งวูบเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม กำซองในมือแน่น ใจคอเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอกลัวเขาจะรังแกอะไรอีก
“ว่าไง...กี่แสนล่ะ” คนปากไม่ดีถามย้ำ
มารตรีรู้สึกอ่อนใจกับผู้ชายปากร้ายคนนี้เหลือเกิน แต่เธอไม่คิดจะอธิบายข้อเท็จจริงให้คนอย่างเขาฟังอีกแล้ว มันเสียเวลา เปลืองพลังงานไปเปล่าๆ เขาอยากจะคิดอยากจะยัดเยียดให้เธอทำหรือเป็นอะไรนั่นมันก็เรื่องของเขา เธอแค่รู้ตัวเองว่าเป็นหรือกำลังทำอะไรแค่นั้นก็พอแล้ว
“ก็เยอะใช้ได้อยู่ค่ะ” เมื่ออ่อนใจที่จะปฏิเสธ มารตรีเลยยอมสวมบทบาทเล่นเป็นตัวละคร ที่เขาต้องการอยากให้เธอเป็นมันเสียรู้แล้วรู้รอดกันไป จะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเธอเสียที
ขคราชกัดกร้ามกรอด จ้องใบหน้าหวานเขม็ง อารมณ์โกรธพุ่งสูงปรี๊ด ขัดใจในคำตอบรับของเจ้าหล่อน เดี๋ยวนี้ชักจะปากเก่งขึ้นเยอะเสียด้วยนะแม่จอมเจ้าเล่ห์...
“หึ...โสเภณี..” เขาเอียงหน้าบิดปากใส่หญิงสาวอย่างดูถูก มารตรีต้องสูดลมหายใจเพื่อระงับอาการกลัวของตัวเองอีกหน เธอรู้สึกเกลียดไอ้ดวงตาคอยจ้องแต่จะดูถูกกันตลอดเวลาของผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ปฏิเสธก็ไม่เคยฟัง พอยอมรับยังจะมาทำท่าโมโหใส่เธออีก เขาจะเอาอย่างไรกันแน่เนี่ย...
ขคราชเงยใบหน้าของตัวเองลอบมองบิดา พอเห็นท่านก้มหน้าก้มตากับหนังสือพิมพ์ในมือ ชายหนุ่มยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เขายกฝ่ามือซึ่งเพิ่งจะเคลื่อนออกตอนคุยกับป๋า วางแหมะลงบนต้นขาเพรียวใหม่อีกหน แต่ทว่าคราวนี้เขาไม่เพียงแต่ลูบไล้หยอกล้อเท่านั้น เขากลับขยุ้มฝ่ามือลงน้ำหนักบีบแรงๆเพื่อคล้ายอารมณ์ร้อนที่มันระอุอยู่ในอกด้านซ้ายไปในตัว
มารตรีตวัดสายตาสั่นไหวขึ้นจ้องชายหนุ่มเป็นการขอร้อง แต่ขคราชกลับไหวไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จนร่างน้อยต้องค่อยๆขยับถอยออกทีละนิด เมื่อความร้อนซ่านของบุรุษหนุ่มข้างกายตีแผ่กระจายคุกคามอยู่โดยรอบ อยากจะผลักไสฝ่ามือหยาบโลนของเขาออกห่างใจแทบขาด แต่ก็ไม่กล้า ยิ่งเมื่อเขาจงใจลงน้ำหนักมือบีบเคล้นบนตนขาเธอแรงขึ้น น้ำตาใสๆจึงเริ่มเอ่อคลอขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งที่ตั้งใจจะเข้มแข็งไม่ทำตัวอ่อนแอต่อหน้าผู้ชายนิสัยแย่อย่างขคราชแล้วเชียวนะ แต่ไอ้น้ำตาบ้าไม่รักดี มันยังจะไหลออกมาประจานความไม่เอาไหนของเธออีกจนได้...
คนเอาแต่ใจตัวเองเริ่มพาล ยิ่งเห็นมารตรีถอยหนีสัมผัสจากเขา ขคราชยิ่งโมโหจนหน้าบึ้งๆกลับยิ่งบึ้งตึงหนักขึ้นไปอีกเป็นร้อยเท่า เขาตีกิริยาอาการถอยหนีของหญิงสาวที่แสดงออกนั้นเป็นไปในทางรังเกียจสัมผัสจากฝ่ามือของเขามากกว่า แต่ความจริงมารตรีรู้สึกเจ็บจากแรงบีบเคล้นของเขามากกว่านั่นเอง
คนพาลเอาแต่ใจ เลยยิ่งเพิ่มแรงบีบเคล้นบนเนื้อผ้าจนนิ้วมือแทบจะฝังลงไปในเนื้อผ้ากระโปรงจีบรอบตัว นี่ถ้าหากเป็นผู้ชายคนอื่นทำ เธอคงไม่แสดงอาการแบบนี้ใส่สินะ เพราะผู้ชายเหล่านั้นไม่มีใครสักคนจะรู้เช่นเห็นชาติทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงร้อยมารยาอย่างเจ้าหล่อนเช่นเขาน่ะสิ...
“ปล่อยค่ะ!” มารตรีขยับริมฝีปากแต่ไร้เสียงพูด ดวงตาดำขลับขยายกว้างขึ้นเพื่อเป็นการห้ามปราม ยิ่งเมื่อแรงบีบเน้นลงโดนเนื้อแท้ของเธอเข้า ความเจ็บแปล๊บตรงช่วงบริเวณโคนขาเกือบจะทำให้มารตรีหลุดเสียงร้องออกมาให้ได้อาย หญิงสาวได้แต่นิ่วหน้าข่มความเจ็บนั้นเอาไว้ เมื่อขอร้องเขาทางสายตาก็แล้วแต่ชายหนุ่มกลับทำเป็นไม่สนใจไยดีกันสักนิด เพราะขคราชไม่เพียงไม่ปล่อยมือแต่เขากลับยกยิ้มสะใจ พร้อมกับไหวไหล่ขึ้นอย่างไม่แยแส
มารตรีต้องเม้มริมฝีปากเพื่อข่มความรู้สึกปวดร้าวเอาไว้ เธอไม่อยากแสดงอาการอ่อนแอออกไปให้ผู้ชายใจร้ายคนนี้ได้รับรู้ เพราะนอกจากเขาจะไม่คิดสงสารเธอสักนิด เขาอาจจะคิดว่านี้คงเป็นเพียงมารยาที่เธอใช้แกล้งแสดงต่อหน้าเขาเท่านั้นก็ได้...
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเบะปากออกอย่างท้าทาย ไม่คิดสนใจสายตาห้ามปรามนั้นของหญิงสาวเลย ส่วนมือของเขายังคงทำหน้าที่ลูบไล้สลับกับบีบเคล้นเป็นการลงโทษหญิงสาวด้วยความเพลิดเพลินอุรา แต่พอทำไปทำมากลับเป็นเขาเสียเอง ที่บังเกิดความทรมานขึ้นด้วยความรู้สึกซ่านเสียว เมื่อความปรารถนาเร้นลับภายในกลับทำให้ความเป็นเขาร้อนรุ่มแทบปริแตก จึงต้องรีบชักมือของตัวเองกลับมาและกำมันเอาไว้ให้แน่น เพื่อเป็นการระงับไอ้ความรู้สึกบ้าบอนี้ให้สงบลงจงได้...
“เธอมันเป็นนางปีศาจ...” ขคราชสะบัดหน้าไปทางหญิงสาว พร้อมกับขยับปากพูดใส่ มารตรีพอจะอ่านปากของเขาออก เธอได้แต่เม้มริมฝีปากอิ่มส่ายหน้าไม่ยอมรับข้อกล่าวหาเอาแต่ใจตัวเองของเขา กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขาก็มักจะยัดเยียดให้เธอเป็นในสิ่งที่เขาคิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว
“อาทิตย์หน้าแกเตรียมห้อง วีไอพีเอาไว้ให้ป๋าสักห้องด้วยนะ พอดีคุณหญิงช่อฟ้าเธอจะขอเช่าสถานที่ถ่ายแบบเครื่องเพชรรุ่นล่าสุดกับทางโรงแรมเรา...” พอเห็นไอ้ลูกชายเอาแต่นั่งหน้าบูดไม่พูดไม่จาอะไรต่อ ท่านเจ้าสัวราพจึงลดหนังสือพิมพ์ในมือลง เพื่อบอกกล่าวเรื่องงานที่ทางคุณหญิงช่อฟ้าได้ติดต่อเข้ามาทางตัวท่านเสียเลย
“อ้อ...คุณหญิงป้ามหาภัย ได้สิป๋า...เดี๋ยวผมให้ไอ้เดชมันจัดการให้ก็แล้วกันนะ ว่าแต่ฝากเด็กสักคนได้หรือเปล่าล่ะ พอดีช่วงนี้อยากดันให้อยู่ในวงการสักคน เด็กมันโทรมาอยากให้ผมช่วย...” ท่านเจ้าสัวราพขยับหนังสือพิมพ์ลง เงยใบหน้าขึ้นมองบุตรชายเล็กน้อย
“ใครวะ?เด็กของแก...” เจ้าสัวราพเอ่ยถามอย่างสงสัย หัวคิ้วกดลงเมื่อมองจ้องไปทางบุตรชายอย่างรอคอยคำตอบ
“ไม่ใช่อย่างที่ป๋าคิดหรอกน่า...” ขคราชรีบดักทางของบิดาเอาไว้ก่อน เมื่อเห็นสายตาเขียวๆของท่านจ้องมองมาด้วยความไม่พอใจ และไม่รู้เป็นเพราะอะไรอีกเหมือนกัน กับไอ้ความรู้สึกบ้าๆที่ไม่อยากให้คนที่นั่งข้างๆเขานี้ เกิดความเข้าใจผิดไปด้วยอีกคน เขาจึงต้องรีบพูดอธิบายให้เข้าใจกันก่อนที่จะคิดอะไรกันไปเลยเถิด...
“ก็ลูกพี่ลูกน้องของไอ้บวรไง พ่อจำมันได้หรือเปล่า ตอนงานเลี้ยงวันเกิดของผมปีก่อน มันก็มา แต่กับน้องของมันผมไม่เคยเห็นหน้าหรอกนะ พอดีน้องสาวมันกำลังเรียนอยู่ชั้นปีเดียวกับแม่นี่พอดี แต่ไม่แน่ใจว่ามหาลัยเดียวกันหรือเปล่า มันอยากให้น้องมันลองเข้าวงการดูบ้าง เผื่อจะไปได้รุ่งทางนี้ ผมว่างานนี้ก็น่าจะช่วยเบิกทางได้บ้าง เพราะคุณหญิงป้ามหาภัยแกออกจะโด่งดังซะขนาดนั้น...” สายตาขุ่นๆตวัดไปมองใบหน้านวลเนียนของคนด้านข้าง เมื่อไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้ของเขา มันก็เป็นหนึ่งในอีกหลายๆคน ที่หลงได้ปลื้มแม่นี้นักหนา จนเขาเกือบจะเลิกคบหากับมันมาแล้วช่วงหนึ่ง...
“นั้นก็แล้วไป...เอาไว้ป๋าจะลองถามคุณหญิงดูให้ก็แล้วกัน แล้วสรุปงานทางภูเก็ตเป็นอย่างไรบ้างล่ะ มันหนีไปกบดานอยู่ที่ไหน ไอ้หนอนบ่อนไส้คนที่แกบอกป๋า...”
หนังสือพิมพ์ในมือถูกพับวางลงกับโต๊ะ เมื่อท่านเจ้าสัวอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับปัญหาภายในโรงแรมสาขาลูกทางจังหวัดภูเก็ต
หึ...ปัญหาภายนอกยังพอจะจัดการกันง่ายกว่าปัญหาภายในที่ไม่อาจล่วงรู้ได้ ใครคือหนอนบ่อนไส้คนนั้น คนใกล้ตัวที่นำเอาความลับของโรงแรมไปขายต่อให้กับโรงแรมคู่แข่งทางฝั่งตรงข้าม ถึงแม้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงแรมจะดูไม่รุนแรงมากมายอะไรนัก แต่การปล่อยให้ชิ้นเนื้อร้ายลอยนวลอยู่ในโรงแรมนี้ต่อไป อาจจะนำพาความเสียหายลุกลามใหญ่โตไปจนถึงขั้นแก้ไขไม่ทันการณ์ในอนาคตก็อาจเป็นได้ ดังนั้น ขคราชในฐานะประทานโรงแรม เขาจึงต้องลุกขึ้นเพื่อจัดการตัดเนื้อร้ายชิ้นนี้ด้วยตัวเอง จะเรียกว่าเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวก็ว่าได้...
“เจอสิ...ก็ผมให้คนทางนู้นเขาสืบไว้รอนานแล้ว กลิ่นมันตุๆมาหลายเดือนอย่างที่ผมเคยบอกป๋าเอาไว้นั่นแหละ ไปคราวนี้เลยจัดการง่ายหน่อย มันยอมรับทุกข้อกล่าวหา ว่าเป็นคนเอาข่าวความเคลื่อนไหวของทางเราไปขายให้ทางฝั่งนู้น เพราะมันติดการพนันอย่างหนัก ดูเหมือนมันจะเป็นหนี้เขาอยู่หลายล้านบาทเสียด้วย เลยอยากได้เงินด่วนไปใช้หนี้ให้บ่อนการพนัน ก่อนที่ทางนั้นจะฆ่ามันทิ้งเสียก่อน...” มารตรีหน้าซีดลง หัวใจดวงน้อยสั่นไหวเมื่อเธอได้ยินบทสนทนา ต้นเหตุความไม่ซื่อสัตย์จนทำให้เสียผู้เสียคนนั้นมาจากการพนันอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ
ท่านเจ้าสัวพยักหน้าเข้าใจ แต่ไม่คิดจะเข้าไปก้าวก่ายอะไรกับเคสนี้ เมื่อตัวท่านได้ยกหน้าที่ความรับผิดชอบทุกอย่างเกี่ยวกับโรงแรมและอีกหลายบริษัทในเครือยมดิสรณ์ ให้กับไอ้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไปรับช่วงต่อทั้งหมด ตอนนี้ท่านเพียงแค่ทำหน้าที่รับฟังรายงานผลต่างๆเท่านั้นเอง ท่านมั่นใจในฝีมือการบริหารงานของลูกชาย ถึงมันจะดูเลือดร้อน โมโหง่ายไปสักนิด แต่ระดับฝีมือการนำพาให้ธุรกิจระดับแนวหน้าทั้งหมดในตระกูลยมดิสรณ์ ให้เข้าสู่ยุคทอง เขาต้องยอมยกนิ้วให้กับมันเลยทีเดียว...
มารตรีที่นั่งฟังอย่างสงบ หญิงสาวกำลังหาโอกาสเอ่ยลา เมื่อนี่ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ตัวเองต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
“พอสะสางปัญหาเสร็จเร็ว ก็เลยหาโอกาสพักสมองเสียเลย...” แต่การพักผ่อนสมองของเขานั้นก็คือการตามสืบเรื่องที่ดินผืนหนึ่งทางภูเก็ต ที่เขาดันไปได้ยินบทสนทนาของเจ้าหล่อนกับใครสักคนหนึ่ง ว่าต้องการจะซื้อที่ดินผืนนั้นกลับคืนมาให้ได้ และมันก็ดันไปเข้าทางเขาเข้าพอดี เมื่อที่ดินผืนดังกล่าว มันเป็นที่ดินติดกับโรงแรมที่เขาต้องการจะกว้านซื้อ มาเพื่อขยายพื้นที่ทำเกี่ยวกับสปอร์ตเพิ่ม เขาจึงไม่รอช้า รีบส่งคนให้ไปเสนอราคาซื้อที่ดินดังกล่าวตัดหน้าเจ้าหล่อนมาเสียเลย ไม่รู้ถ้าแม่นี่รู้เรื่องนี้เข้า จะรู้สึกเช่นไร เมื่อเขาไม่มีทางขายที่ดินผืนนั้นคืนให้แม่ผู้หญิงร้อยมารยาอยู่แล้ว
ความคิดอย่างสะใจของขคราชต้องหยุดชะงัก เมื่อท่านเจ้าสัวราพบอกกล่าวสิ่งที่ท่านต้องการจะทำ...
“ป๋าจะไม่อยู่สักสองเดือน มีนัดกับไอ้เกลอทั้งหลาย เที่ยวนี้พวกป๋ากะว่าจะไปทัวร์รอบโลกกันสักหน่อย แกมีอะไรก็ติดต่อผ่านทางโจอี้มันได้เลยแล้วกัน ป๋าให้มันอยู่รับเรื่องแทนป๋าที่เมืองไทย ไม่ได้ตามป๋าไปด้วยหรอก รอบนี้อยากเที่ยวกันตามประสาคนแก่ๆสักหน่อย...” ขคราชเลิกคิ้วเข้ม พอป๋าเขายกกิจการทุกอย่างให้เขาเป็นคนดูแลทั้งหมด ท่านก็หาเรื่องออกตระเวนเที่ยวเดือนเว้นเดือนก็ว่าได้
“ป๋าจะไปเที่ยวตะลอนตอนอายุ70นี่นะ...” ขคราชส่ายหน้า แต่ไม่คิดขัด ป๋าเขาอยากทำอะไรก็ปล่อยตามใจ ถือเป็นความสุขของตัวท่านไป
“จะไหวเหรอ...” คำปรามาสของบุตรชายเรียกสายตาดุของอดีตพญามังกรให้มองขุ่นเขียว
“ป๋ายังแตะปีบดังอยู่น่า แกอย่ามาเที่ยวดูถูกคนแก่อย่างป๋าไปหน่อยเลย แล้วจะหาว่าไม่เตือน หรือว่าไงหนูรตรี...” ท้ายประโยคท่านเจ้าสัวผู้ใจดีหันไปถามหลานสาวคนโปรด เมื่อท่านเห็นว่าหญิงสาวคนเดียวไม่ยอมพูดยอมจาเอาแต่นั่งก้มหน้างุดมันลูกเดียว นับตั้งแต่ไอ้ลูกชายตัวแสบของเขาเดินเข้ามานั่นแหละ ท่านเจ้าสัวจึงแค่อยากชวนคุย เพื่อที่หญิงสาวจะได้รู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง ไม่ใช่เอาแต่นั่งตัวเกร็งอยู่แบบนั้น นี่ก็อีกคน ไม่รู้จะต้องไปกลัวอะไรนักหนากับไอ้ตัวแสบของเขามันก็เป็นคนไม่ต่างจากใครๆ ไม่รู้จะต้องไปกลัวมันทำไม แต่ประโยคคำถามของท่านก็เล่นเอาขคราชถึงกับหงุดหงิดขึ้นมาอีกจนได้ และมารตรีเองก็ถึงกับอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบรับหรือปฏิเสธออกไปดี
“เอ่อ...นี่ก็ใกล้ได้เวลาเรียนแล้ว งั้นหนูขอตัวกลับก่อนดีกว่านะคะคุณลุง เดี๋ยวรถติดจะไปไม่ทันสอบ วิชาสุดท้ายแล้วด้วย หนูไม่อยากพลาดน่ะค่ะ...” เมื่อไม่รู้จะตอบท่านว่าอะไร หญิงสาวจึงเอ่ยขอตัวกลับ หญิงสาวรู้สึกอึดอัดกับสายตาเหยียดหยามของชายหนุ่มด้านข้าง และรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาเสียเลยเมื่อได้อยู่ใกล้ๆกับเขาแบบนี้
“อ้าวตายจริง ลุงก็มัวแต่คุยจนลืมไปเลยว่าวันนี้หนูรตรีมีสอบ งั้นลุงขออวยพรให้หนูสอบผ่านฉลุยก็แล้วกันนะ แล้วก็ขับรถดีๆด้วยล่ะ ลุงเป็นห่วง...” ผู้อาวุโสระบายยิ้มก่อนจะอวยพรให้หญิงสาวโชคดี
ทำให้คนได้ยินถึงกับหูผึ่งขึ้นมา เริ่มขยับตัวขึ้นเล็กน้อย เมื่อสายตาคมดุเป็นนิสัยก้มมองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง คิ้วคมเข้มก็ขมวดเข้าหากันจนดูยุ่งเหยิง นี่ก็เกือบจะแปดโมงเข้าไปแล้ว ทำไมเจ้าหล่อนถึงไม่แหกปากบอกให้มันเร็วกว่านี้วะว่าวันนี้มีสอบ เขาจะได้ไม่หาเรื่องมานั่งคุยกับป๋าเป็นนานสองนานแบบนี้ การจราจรช่วงนี้ก็ยิ่งติดๆอยู่ด้วย แล้วยิ่งเจ้าหล่อนขับรถไอ้สับปะรังเคคันนั้นด้วยแล้ว เขารับรองได้เลย คงไม่เกินเที่ยงนั่นแหละกว่ามารตรีจะขับไปถึงมหาวิทยาลัย...
“ขอบคุณมากค่ะ งั้นหนูขอตัวลาเลยแล้วกันนะคะ...”
มารตรียกมือขึ้นไหว้ลาประมุขยมดิสรณ์โดยไม่ลืมหันไปไหว้คนด้านข้างด้วย พอลาเสร็จหญิงสาวจึงรีบลุกและก้าวเดินออกไปจากห้องนั้นด้วยความรู้สึกโล่งใจ เธอรีบสาวเท้าเดินตรงไปยังรถมินิคู่ใจของตัวเอง โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครบางคนเผ่นพรวดเดินตามเธอออกมาติดๆเช่นกัน
********************************