ความสงบกลับมาเยือนในอีกครั้งหนึ่ง ลู่จื่อถูกองครักษ์ลากไปขังไว้ในอีกกระโจมหนึ่งที่ห่างออกไปไม่ไกลนักที่หวังอ๋องให้คนจัดเตรียมไว้ให้กับองค์หญิงห้า ร่างบางผุดลุกผุดนั่งกระสับกระส่ายไปมาแต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรผู้เป็นเจ้านายได้เลย
ยามซวี* เซี่ยอีอิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เผลอหลับไปในอ้อมกอดของแม่ทัพจอมโหดผู้นั้น บัดนี้ข้างกายของสตรีไม่มีคนหน้าหนาอยู่คอยรบกวนแล้วจึงรีบมองหาเสื้อผ้าเพื่อจะนำมาห่อหุ้มร่างกาย
“จะไปไหนหรือเมียรัก...” เพียงเสียงทุ้มดังชิดที่ริมหู ร่างบางก็สะดุ้งสุดตัว
หมายเหตุ *ยามซวี คือ 19.00 – 21.00 น.
“ว้าย!” องค์หญิงห้าตัวปลิวไปติดที่กายแกร่งอีกครั้งเมื่อเอวคอดกิ่วถูกรั้งให้เข้าหาตัวบุรุษองอาจ ความอบอุ่นแผดเผาให้สตรีตัวสั่นด้วยความร้อนรน แต่ก็รู้สึกดีอย่างน่าประหลาด
“เจ้าหายเหนื่อยแล้วใช่หรือไม่” คำถามที่มีความหมายแอบแฝงทำให้สตรีพยายามขืนร่างกายออกมาแต่ก็ทำสิ่งใดไม่ได้เลย
“ขะ ข้าหิวข้าว…” เซี่ยอีอิ่งยกมือขึ้นลูบท้องเบา ๆ แต่บุรุษนิสัยเสียกลับไม่ได้สนใจว่าโฉมสะคราญจะรู้สึกเช่นไร เขาสนใจแค่ความรู้สึกของตัวเองก่อนผู้อื่นเสมอ ริมฝีปากหยักสวยรีบฉกลงมาที่ซอกคอขาวเนียน จากนั้นก็ฉวยโอกาสดันให้ร่างบางนอนราบลงไปกับเตียงที่มีผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ ข้อมือบอบบางถูกกดไว้เหนือศีรษะ คนตัวเล็กมองเห็นแววตาของคนตัวสูงมีประกายประหลาดด้วยความหวั่นเกรง นางจึงผินใบหน้างามหนีหลบเลี่ยงสายตาที่หื่นกระหายทันที เรือนกายขาวเนียนถูกแสงสว่างของเทียนไขอาบไล้ทำให้องค์หญิงห้ายิ่งดูมีเสน่ห์น่าค้นหา แล้วเจ้าแท่งหยกก็พองขยายขึ้นทันทีพร้อมที่จะเผด็จศึกครั้งต่อไป
“เจ้าหิวข้าวใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นข้าจะมอบตัวเองให้เจ้ากินก่อนดีหรือไม่” คนหน้าหนาพูดออกมาอย่างไม่กระดากอาย เขาเขยิบตัวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับมอบจุมพิตลึกซึ้งให้โฉมสะคราญ ด้วยความที่ยังไม่ชาชินเซี่ยอีอิ่งมีปฏิกิริยาต่อต้านในทันที
“อื้อ! อ่อยอ๊ะ (ปล่อยนะ)” แม้นว่าจะดิ้นขัดขืนไปก็ไร้ผล หัวใจดวงเล็กเต้นแรงสั่นไหว ไม่รู้เป็นเพราะความหวาดกลัวหรือตื่นเต้นที่ถูกย่ำยีกันแน่ ริมฝีปากหยักสวยกดลงบนกลีบปากนุ่มนิ่มของสตรี เขาบดจูบด้วยความเร่าร้อนรุนแรงไม่สามารถยั้งมือได้ ฝ่ามือหนาประคองศีรษะองค์หญิงห้าเอาไว้คอยบังคับทิศทางให้โฉมสะคราญหันไปตามปรารถนา ลิ้นร้อนกวาดต้อนน้ำหวานในโพรงปากอุ่นจนแห้งเหือด ขบเม้มริมฝีปากนุ่มละมุนย่ำยีจนมันเริ่มบวมเจ่อ จากนั้นก็ลากริมฝีปากร้อนลวกแผดเผามาที่ทรวงอกสล้าง
“อือ...ท่านแม่ทัพ ข้าหิวข้าวจริง ๆ นะเจ้าคะ” เซี่ยอีอิ่งไม่กล้าใช้คำราชาศัพท์เพราะเคยได้ยินพวกองครักษ์คุยกันว่าชินอ๋องผู้นี้ไม่ชื่นชอบบรรดาศักดิ์อ๋องสักเท่าไรนักเลยกลัวว่าจะทำให้ชายผู้นี้โกรธเคืองขึ้นมา
“เจ้ากำลังกินข้าอยู่มิใช่หรืออย่างไร รับรองว่าอิ่มท้องแน่นอน” คนตัวโตยกยิ้ม และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกเขินอายจนหน้าแดงก่ำ พวกเขามีสัมพันธ์กันเพียงครั้งเดียวแต่ดูเหมือนว่าจะสนิทสนมกันเร็วเกินไป
“ไม่เอาแบบนี้นะเจ้าคะ” โฉมสะคราญพยายามต่อรอง แต่บุรุษองอาจรู้ทัน เขาเห็นว่านางเริ่มหมดเรี่ยวแรงแล้วจึงเงยหน้าที่กำลังดื่มด่ำกับซาลาเปาก้อนโตตรงหน้าขึ้นแม้ว่าใจอยากจะดูดกินให้มากกว่านี้ก็ตาม
“เจ้ามีสิทธิ์ต่อรองด้วยหรือ” หวังหย่วนเหอแสยะยิ้ม อาศัยจังหวะที่เซี่ยอีอิ่งไม่ระวังตัวแทรกตัวเข้ามาที่กลางหว่างขา จากนั้นก็รีบนำเจ้าแท่งหยกที่ขยายใหญ่ถูไถไปที่กึ่งกลางกายสตรี ความเสียดเสียวเล่นงานโฉมสะคราญจนนางต้องนิ่วหน้าเพราะยังรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อย
“ทะ ท่านแม่ทัพ ยะ อย่าเพิ่งนะ อะ อะ อาาาา” ร่างบางแผดเสียงครางออกมาโดยที่ไม่สามารถห้ามตนเองได้ ร่างสูงถูกความเสียวจู่โจมเช่นกัน เขาพยายามกัดริมฝีปากเพื่อระบายอารมณ์แต่ก็ไม่สามารถหักห้ามได้
“ให้ตายเถิด เหตุใดของเจ้ายังคงรัดแน่นเช่นนี้” แม้ว่าบุรุษจะบ่นออกมาแต่สะโพกสอบกลับโยกย้ายไม่หยุดหย่อน มีแต่รีบเร่งจังหวะสอดประสานให้รวดเร็วและรุนแรงมากยิ่งขึ้น เสียงครางขององค์หญิงห้าดังเล็ดลอดออกมากระทั่งพวกทหารที่เฝ้าหน้ากระโจมแม่ทัพใหญ่ยังเกิดอารมณ์ พวกเขาพยายามยกมือขึ้นมาอุดหูเอาไว้เพื่อห้ามไม่ให้ตนเองคิดจินตนาการ สะโพกสอบกระแทกกระทั้นร่องสาวอย่างไม่ปรานี เร่งรีดน้ำรักออกมาอย่างเร่งด่วนเหตุเพราะว่าเขาก็เริ่มหิวข้าวแล้วเช่นกัน
“อะ อะ อา อ้า!!” ครั้งนี้บุรุษองอาจไม่รีรอสตรี เขานำพาตนเองไปถึงฝั่งสวรรค์ก่อน จากนั้นก็ค่อยทาบตัวลงทับโฉมสะคราญ ฝากจุมพิตไว้ที่หน้าผากเปียกชื้นของนางแล้วค่อยเอ่ยออกมาว่า
“เจ้าหิวข้าวแล้ว เช่นนั้นพวกเราไปกินข้าวกันเถิด” คำพูดที่ดูเหมือนว่าใส่ใจนั้นทำให้องค์หญิงห้ารู้สึกแปลกประหลาดในใจ แต่นางก็พยายามรีบสลัดความคิดนั้นออกอย่างเร็วไว
“เจ้าค่ะ...” เซี่ยอีอิ่งตอบรับเสียงแผ่วเบา จากนั้นร่างสูงก็ลุกออกไป องครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างนอกคล้ายฟังความเคลื่อนไหวภายในอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่เคลื่อนไหวมาใกล้ที่ประตูทางเข้ากระโจมจึงรีบส่งเสียงออกไปในทันที
“ท่านแม่ทัพให้ตั้งสำรับใหม่เลยหรือไม่ขอรับ” ราวกับรู้ใจผู้เป็นเจ้านาย ซือหยางรีบเอ่ยเอาใจทันที
“อืม...แล้วก็ให้เตรียมอ่างอาบน้ำด้วย” แม่ทัพใหญ่เอ่ยเพียงเท่านั้นก็เดินกลับไปกลางห้อง ดึงกางเกงที่พาดอยู่บนราวไม้นำมาสวมจนเรียบร้อย เซี่ยอีอิ่งรีบลุกขึ้นมาจากเตียงทันที พยายามมองหาเสื้อผ้าที่ตกอยู่บนพื้นแล้วรีบนำเสื้อคลุมมาห่อหุ้มร่างกายไว้ นางมองบุรุษด้วยแววตาไม่ไว้วางใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดคำใดออกมาอีกนอกจากเดินมานั่งจิบชาร้อนเงียบ ๆ ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ทำเหมือนกับว่านางไม่ได้มีตัวตนอยู่ตรงนี้
สักพักหนึ่งทหารรับใช้ก็หอบหิ้วน้ำร้อนกับน้ำเย็นเข้ามาเติมลงอ่างน้ำใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหลังเตียงนอน พร้อมกับสำรับอาหารที่ถูกยกเข้ามาจัดเตรียมบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
“ออกไปให้หมด” เมื่อจัดสำรับเสร็จ อ่างอาบน้ำถูกเติมจนเต็ม เสียงทุ้มที่แฝงด้วยความเด็ดขาดก็เอ่ยออกมา ไม่มีทหารนายใดกล้ามองโฉมสะคราญที่นั่งขดตัวอยู่บนเตียงเลยแม้แต่ผู้เดียวเพราะเกรงว่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ควักลูกตาทิ้ง
“เจ้าหิวข้าวมิใช่หรือ รีบมากินให้อิ่มท้องแล้วค่อยมาปรนนิบัติข้าอาบน้ำ” ร่างสูงพูดขึ้น แม้จะมีใบหน้าเรียบเฉยแต่แววตาคมเข้มมองโฉมสะคราญที่นั่งขดตัวอยู่บนเตียงด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ยากที่จะหยั่งรู้ความคิดของเขาในยามนี้ได้ ร่างบางรีบกระชับเสื้อคลุมเข้าหากันแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว นางรีบลุกออกมาแล้วเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม สายตาจดจ้องที่อาหารบนโต๊ะไม้ตัวกลม
‘โครกกกกครากกก’ พลันกระเพาะที่ขาดแคลนอาหารก็ส่งเสียงประท้วงออกมา เซี่ยอีอิ่งเผลอกลืนน้ำลายลงลำคอเสียงดัง การกระทำนี้เองก็ทำให้บุรุษองอาจยกยิ้มน้อย ๆ ออกมาด้วยท่าทีที่ดูผ่อนคลายไร้ความตึงเครียด เขาดันชามใส่ข้าวร้อน ๆ ไปทางสตรีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม แล้วก็หยิบตะเกียบคีบเนื้อผัดรวมกับผักใส่ในชามให้อย่างเอาใจ องค์หญิงห้ายังรู้สึกหวาดระแวงเพราะปกติแม่ทัพใหญ่ผู้นี้มักชอบบีบบังคับนางอยู่เสมอ เหตุใดพอได้ร่วมหอกันเพียงแค่ครั้งสองครั้งเขาถึงได้ปฏิบัติกับนางเปลี่ยนไปจากหลังมือเป็นหน้ามือเช่นนี้
“เจ้าไม่กินหรือ” หวังหย่วนเหอพูดด้วยถ้อยคำที่ธรรมดาแต่กลับมีเสน่ห์อย่างมหาศาล ชายหนุ่มยกชามข้าวขึ้นมาพุ้ยเข้าปากด้วยความรวดเร็ว แม้จะดูผิดวิสัยพวกอ๋องโดยทั่วไปแต่ก็ดูไม่น่ารังเกียจสักเท่าไรนัก
“ขะ ข้าจะกินข้าวแล้วนะเจ้าคะ” สตรีหยิบตะเกียบขึ้นมาบ้างจากนั้นก็ค่อย ๆ กินข้าวด้วยความเรียบร้อยเนื่องจากนางเกิดในตระกูลสูงศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงแห่งฮวาเป๋ย ไม่ว่าจะเวลากิน เวลานอน เวลาเดินก็มักจะมีความสง่างามอยู่เสมอ ชินอ๋องเหล่ตามองแล้วก็ยิ้มบางเบาโดยที่ไม่พูดสิ่งใดอีก จนเมื่อปล่อยให้โฉมสะคราญกินอาหารเรียบร้อย คนที่มีนิสัยเผด็จการก็หวนกลับมาอีกครั้ง
“กินเสร็จแล้วใช่หรือไม่...” น้ำเสียงนั้นแปรเปลี่ยนไป จากที่เคยพูดจาหวานหู บัดนี้เขากำลังจ้องหน้านางเขม็ง
“ข้ายังไม่อิ่มเจ้าค่ะ” เหมือนว่าจะล่วงรู้ความคิดที่แอบแฝง เซี่ยอีอิ่งจึงคีบผัดผักเข้าปากอย่างรวดเร็ว แต่คนที่มีความอดทนต่ำไม่อยากรออีกต่อไป เขาลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินเข้ามากระชากสตรีขึ้นส่งผลทำให้ร่างบางตัวปลิวติดไปตามมือของบุรุษองอาจ เขาลากนางไปที่หลังฉากกั้นแล้วก็ดึงกระชากเสื้อคลุมตัวออก
“ว้าย! นี่ท่าน ปล่อยข้าลงนะ” โฉมสะคราญพยายามจะวิ่งหนีออกมาแต่นางกลับถูกอุ้มขึ้นมาแล้วก็ถูกโยนลงไปในอ่างอาบน้ำไม้ที่มีขนาดใหญ่สามารถลงไปแช่น้ำได้ถึงสามคน ทั้งตัวที่เปลือยเปล่าเปียกน้ำไปหมด ผมที่ถูกมัดรวบเอาไว้ก็แผ่สยายออกมาคลอเคลียที่กรอบหน้าความงดงามนั้นยิ่งทำให้องค์หญิงห้าดูงามล่มเมืองมากขึ้นไปอีก
“เมื่อกินอิ่มแล้วก็ควรรีบทำหน้าที่ปรนนิบัติข้าต่อ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร” แววตาคมเข้มส่องประกายร้ายกาจ แม้ว่าอยากทำดีกับนาง แต่คนที่มีนิสัยแปรปรวนก็ห้ามความโกรธเกรี้ยวที่มีต่อสตรีผู้นี้ไม่ไหว ‘ไม่อยากเป็นเมียข้าดี ๆ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เป็นสาวรับใช้อุ่นเตียงให้ข้าไปเถิด’