ตอนที่5. ก็พอมีฝีมือด้านนี้บ้าง

1258 คำ
คราวนี้คิมหันต์หัวเราะเบาๆ “พี่ก็พอมีฝีมือด้านนี้บ้าง ก็เลยมาช่วยสอนศิลปะเด็ก” “จะอวดว่ามีความสามารถเยอะ” เธอเบ้ปากใส่เขา “เปล่าครับ แค่น้องมุกไม่รู้ว่าพี่มีอะไรดีต่างหาก” พราวมุกทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าเขาจะเถียงเธอด้วยประโยคนี้ เล่นเอาเธอไปต่อไม่ถูก แต่พอนึกได้ว่าตัวเองถือจานขนมจีนอยู่ก็รีบพูดขึ้น “ส่งตีนไก่มาให้มุกเดี๋ยวนี้นะ” “ตีนไก่? อ้อ...เดี๋ยวพี่ตักให้” เขายิ้มขำท่าทางเอาแต่ใจของเธอแล้วตักตีนไก่ในหม้อใส่จานขนมจีนของพราวมุก “มะเขือไม่กิน เอาเลือดไก่ด้วย” ไหนๆ ก็มีคนบริการแล้ว ก็ขอใช้งานหน่อยเถอะ “อย่าเลือกกิน” “ก็ไม่ชอบนี่ มันนิ่มๆอ่ะ เร็วๆ เอาเครื่องในด้วย หิวแล้ว” “ได้แล้วๆ ไปนั่งตรงโน้นไป เดี๋ยวพี่เอาน้ำดื่มไปให้” “มุกไม่ดื่มน้ำเย็นนะ” “ทราบแล้วคุณหนู” พูดออกไปแล้วคิมหันต์ก็นึกแปลกใจตัวเอง ปกติเขาไม่ใช่คนชอบพูดจาหยอกล้อกับใคร ถึงจะมีเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกันประมาณหนึ่งแต่ก็ไม่เคยพูดจาแบบนี้ หรือเขาเห็นพราวมุกเป็นเหมือนน้องสาว แต่...ในใจก็บอกว่าไม่ใช่ ถ้าจะเรียกว่า ‘น้องสาว’ เขากลับใช้คำนี้กับพลอยดาวได้สนิทใจมากกว่า เขาโคลงศีรษะเล็กน้อย เดินไปหยิบขวดน้ำดื่มสองขวดแล้วตรงไปทางโต๊ะม้าหินที่พราวมุกนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “ขอบคุณค่ะ” ยังไงเขาก็มีน้ำใจหยิบน้ำมาให้ ไม่ขอบคุณก็เสียมารยาทไปหน่อย พราวมุกบอกกับตัวเองอย่างนั้น คิมหันต์แค่พยักหน้ารับแล้วเปิดขวดน้ำให้เธอ เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วตั้งท่าจะกินขนมจีน “เดี๋ยว!” “ครับ?” มือที่จับช้อนอยู่ชะงักไปทันที “มีอะไรเหรอครับน้องมุก” “นายจะนั่งกินตรงนี้เหรอ” “แล้วจะให้พี่ไปนั่งที่ไหน?” “ที่ว่างเยอะแยะไป ทำไมต้องนั่งโต๊ะเดียวกัน” “แล้วทำไมนั่งโต๊ะเดียวกันไม่ได้” “ก็...” เหตุผลคือไม่อยากเห็นหน้า แต่จะพูดออกไปได้ไหมล่ะ “กินเถอะ อีกครึ่งชั่วโมงก็ได้เวลาสอนเด็กๆ แล้ว ยังไงเราก็ทำงานด้วยกันอยู่ดี” พราวมุกทำตาโตแล้วนึกขึ้นได้ เธอต้องเป็นล่ามภาษามือคู่กับวิทยากรที่มาสอนเด็กๆ วาดรูป เธอพูดอะไรไม่ออก เอาเถอะ รับงานมาแล้วนี่จะทำไงได้เล่า พราวมุกก้มหน้ากินขนมจีนในจานของตัวเองพลางใช้ปลายนิ้วไถหน้าจอมือถือ อ่านข้อความต่างๆ ทำเป็นไม่สนใจผู้ชายที่นั่งฝั่งตรงข้าม ซึ่งดูอารมณ์ไม่ดีนักที่เห็นเธอสนใจมือถือนั้นมากกว่าเขา และที่สำคัญ ทำไมเขาต้องหงุดหงิดด้วยก็ไม่รู้ “พอกินได้ไหมครับ น้องมุก-ครูคิม” ครูเอ็มเข้ามาทักทั้งสองคน “อร่อยเลยค่ะ” พราวมุกยิ้มกว้าง และจานที่ว่างเปล่าก็ยืนยันได้ว่าอร่อยจริงๆ “อีกสักสิบนาทีพอจะเตรียมตัวกันทันไหมครับ เด็กๆ ตื่นเต้นจะได้เรียนศิลปะกับครูคิมแล้ว” คิมหันต์สบตากับพราวมุกเล็กน้อย ไม่ได้ยินหญิงสาวแย้งอะไรเขาก็พยักหน้ารับ ครูเอ็มยิ้มให้แล้วขอตัวไปรวมเด็กๆ ชายหนุ่มเป็นครูอาสาสอนศิลปะเด็กหลายครั้งแล้ว แต่เพิ่งได้ทำงานกับพราวมุกครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะรับมือกับลูกสาวอาจารย์ที่ปรึกษายังไงดี “เคยสอนเด็กที่พิการทางการได้ยินมาหรือเปล่า” พราวมุกถามพลางเก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วหยิบสมุดบันทึกออกมา ยังไงเธอก็ยังชอบจดอะไรต่อมิอะไรด้วยปากกาและกระดาษแบบนี้ “เคยครับ แต่คู่กับล่ามคนอื่น” “ดีค่ะ” พราวมุกเงยหน้าสบตากับเขาด้วยท่าทีจริงจัง “ถ้างั้นคงไม่มีอะไรยาก นายพูดช้าๆ ชัดๆ เพราะเด็กบางคนสามารถอ่านปากได้ เวลาพูด พูดที่ละประโยค ฉันจะใช้ภาษามือสอนควบไปพร้อมกัน แต่จะทำได้ช้ากว่าที่นายพูด” “เข้าใจแล้ว” “โอเค. งั้นเราไปลุยกันเลย!” ‘ลุยกับอะไร’ คิมหันต์กลั้นหัวเราะ ฝาแฝดคู่นี้เหมือนกันแค่หน้าตาสินะ นิสัยตรงข้ามกันเลย เขามองหญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เธอก้มๆเงยๆ เก็บของใส่กระเป๋าที่วางอยู่ข้างตัวแล้วเดินไปที่ห้องเวิร์คช้อป คิมหันต์เดินตามหลังแล้วขมวดคิ้ว เธอสวมเสื้อเชิ้ตผ้าลูกไม้สีครีมเรียบง่ายแต่กระโปรงพรีท ยาวเหนือเข่าเล็กน้อย ถึงจะไม่ได้สั้นอะไรนัก แต่เวลาเธอเคลื่อนไหวมันทำให้คนมองใจสั่นลุ้นระทึกว่าจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น ตอนยืนสอนคงไม่เป็นอะไร แต่ตอนที่ให้เด็กๆ นั่งวาดรูป ต้องก้มๆ เงยๆ ดูภาพกับเด็กๆ เขาเกรงว่า... “น้องมุก” “คะ” เธอหันมาตามเสียงเรียก “น้องมุกมีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนหรือเปล่า” “ทำไมคะ” เธอทำหน้างงแล้วก้มมองตัวเอง “ทุกทีเลิกงานแล้วมุกก็มาแบบนี้ ไม่เห็นเป็นอะไรนี่” “เอ่อ...เสื้อคลุมล่ะ ไม่มีเหรอ” “ใส่ทำไมคะ ร้อนจะตาย นี่ก็เสื้อแขนยาวแสนสุภาพแล้ว” คิมหันต์อึกอักครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจถอดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวนอกที่สวมอยู่ออกแล้วยื่นให้เธอ “ทำไมคะ กระโปรงมุกเลอะเหรอ” เธอเอี้ยวมองด้านหลัง วันนี้ไม่ใช่วันมามากนี่นะ จะเลอะอะไรได้ล่ะ เห็นเธอไม่ยอมรับ เขาก็หงุดหงิด เดินเข้าไปใกล้เอาเสื้อของเขาผูกเอวเธอไว้ อย่างน้อยก็ช่วยปิดด้านหลัง ขายิ่งขาวๆ เขาไม่อยากให้ใครเห็นขาสวยๆ ของเธอ ว้อย! หงุดหงิดจริง! พราวมุกตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ เธอตกใจที่จู่ๆ เขาก็ทำเหมือนโอบเธอแต่แล้วเขาก็แค่เอาเสื้อเชิ้ตมาผูกเอวไว้ คราวนี้ถึงเขาไม่พูดอะไร เธอก็พอใจความคิดของเขาแล้ว กระโปรงของเธอไม่ได้สั้นมากอะไรนัก แต่อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับการทำกิจกรรมที่ต้องก้มๆ เงยๆ ลุกๆ นั่งๆ นั้นแหละ “ขอบคุณค่ะ... เด็กๆ รออยู่ เราไปกันเถอะค่ะ” “ครับ” คิมหันต์มองร่างเล็กที่เดินนำหน้าไปก่อน เสื้อของเขาอยู่บนเอวของเธอ แม้เธอจะหันขวับไปอย่างรวดเร็วแต่เขาก็ทันได้เห็นแก้มเนียนแดงระเรื่อ อืม...ผู้หญิงคนนี้ก็เขินอายเป็นอยู่เหมือนกันเหรอ แถมเวลาแก้มแดงก็น่ารักไม่น้อย แย่แล้วคิมหันต์ อย่าบอกนะว่าตกหลุมรักลูกสาวอาจารย์ที่ปรึกษาเข้าให้แล้ว. ....... เสื้อเชิ้ตลายสก็อตแขนยาวตัวใหญ่แขวนอยู่ในห้อง พราวมุกนั่งมองอยู่นานด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เสื้อตัวนี้คือเสื้อที่คิมหันต์ใช้ผูกเอวให้เธอ ถึงมันจะไม่ได้เลอะเทอะ แต่ก็เหมือนเธอใช้มันแล้วจะส่งคืนไปแบบนั้นก็ยังไงอยู่ แม้เขาไม่ติดใจอะไร แต่เธอคิดและคิดมากด้วยจนต้องขอเอากลับมาซักแล้วส่งคืนวันหลัง ซึ่งหมายความว่าเธอต้องเจอเขาอีก แต่ดูแล้วยังไงเธอก็ต้องเจอเขาอีกนั้นแหละ เพราะงานอาสาที่เธอรับปากครูเอ็มไว้ และเธอทำคอนเทนต์ในช่องยูทูปของตัวเองที่เกี่ยวกับผู้พิการทางการได้ยิน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม