มือสบัดหลุดออกอย่างง่ายดายแล้วรีบเดินออกไปพอดีที่ประตูกำลังจะปิดแต่มันกลับเปิดค้างไว้เพราะเขา เฮียเฟยเปิดประตูรอเธองั้นเหรอ? คำถามสั้นๆดังขึ้นมาในหัวแต่ยังไม่กล้าพอจะถามอะไรเพราะดูท่าทางเขาเหมือนจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอคือใคร ทุกอย่างที่ทำไปน่าจะเป็นมารยาทหรือไม่ก็มีความเป็นสุภาพบุรุษ
"ขอบคุณค่ะเฮียเฟย"
"ไม่เป็นไรครับ แล้วหนูรู้จักเฮียด้วยเหรอถึงเรียกชื่อถูก?"
"เมื่อคืนนี้ไงคะ ที่หนูชนเฮียเฟยจนเกือบล้มตอนเดินออกจากห้องน้ำน่ะค่ะ เฮียก็เลยเดินมาส่งที่โต๊ะเพราะกลัวว่าหนูจะเดินไปชนใครอีก จำได้ไหมคะ?"
"อ๋อเฮียนึกออกแล้ว! นี่หนูจะไปไหนเหรอ?"
"ไม่รู้สิคะ คือพึ่งย้ายมาอยู่แถวนี้ได้เดือนกว่าๆเอง"
"กินข้าวเช้ากับเฮียไหม กินที่ร้านเพื่อนเฮียนะใกล้ๆแค่นี้เอง"
"จะดีเหรอคะ?"
"ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า คิดซะว่าเฮียเลี้ยงลูกค้าดีไหมวันหลังจะได้ไปเที่ยวที่ผับบ่อยๆ"
"ก็ได้ค่ะ" เขายิ้มกว้างให้ด้วยท่าทีไม่เดือดร้อนอะไรแถมยังดูเป็นคนใจดีมากไม่เห็นว่าจะร้ายแบบที่เพื่อนเล่าให้ฟังเลย เธอหันกลับไปมองในร้านแล้วเห็นคนรักกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ไม่มีวี่แววว่าจะเดินตามออกมาหรือหาทางพูดคุยให้เข้าใจกันมากกว่านี้จนดูเหมือนว่าเธอไม่ได้เป็นคนสำคัญอีกต่อไปทั้งที่เรายังคบกัน
ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้
"รอแฟนเหรอ?"
"ไม่ค่ะ เราไปกันเถอะ"
ไอ้เวรนั่นมันไม่ได้มีท่าทีจะสนใจเธอเลยสักนิดเดียวจนอยากจะบอกตรงๆไปเลยว่าผู้ชายแบบนั้นคบกันไปก็เสียเวลาเปล่าเพราะสุดท้ายก็ต้องเลิกลากันไปอยู่ดีแต่จะจบดีหรือจบไม่ดีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เขาปรายตามองคนที่ยังดูอาลัยอาวรณ์ด้วยความไม่ชอบใจแต่ก็ทนไหวเพราะอีกไม่นานแววตาทุกอย่างนั้นจะมองเขาเพียงคนเดียวหรือแม้แต่ร่างกายก็จะเอามากกกอด
เขาเหมาะสมกับเธอที่สุดแล้ว!
ร้านอาหารในเวลานี้คนไม่เยอะมากแล้วยังมีสิทธิพิเศษนั่งโต๊ะในโซนที่สามารถมองได้ทั่วทุกมุมร้านเพราะว่าเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้านที่พนักงานรู้จักดีเนื่องจากว่ามักจะมากินอาหารที่นี่บ่อยๆ ตอนนี้เพื่อนยังนอนหลับไม่ตื่นส่วนเขาก็คือเพื่อนที่แสนดีออกมาหาซื้อกาแฟให้แต่เช้าในร้านที่เธอเป็นคนบอกให้รู้เองแม้ว่าจะไม่ตั้งใจก็ตาม
แบบนี้เรียกพรหมลิขิตได้ไหม?
หรือว่าเขาลิขิตเอง!
"ขอบคุณนะคะ"
"ครับ แล้วทำไมหนูถึงย้ายมาอยู่แถวนี้?"
"พึ่งเรียนจบค่ะเลยออกมาเช่าคอนโดอยู่ที่นี่เพราะใกล้ที่ทำงานดี"
"อ่อ…งั้นเราคงได้เจอกันอีกบ่อยๆใช่ไหม?"
"ถ้าเจอที่ผับเนี่ยหนูไม่รู้จะกล้าทักไหม"
"ทักได้เลยเฮียไม่ถือหรอก"
"เฮียเฟยมากินข้าวกับหนูแบบนี้จะมีปัญหากับใครไหมคะ?"
"สบายใจได้ครับเพราะว่าเฮียโสดสนิทแล้วชาตินี้ก็ไม่น่าจะมีใครเอาหรอก"
"จริงเหรอคะ?"
"จริงสิ! คนคุยสักคนยังไม่มีเลย"
"หน้าตาแบบเฮียเฟยไม่น่าโสดนะคะ"
"งั้นคงเป็นคำสาปของคนเทาๆแบบเฮียมั้งครับ ใครๆก็ชอบคิดว่ามีเมียจนตอนนี้อายุล่อเข้าเลขสามแล้วยังจีบใครไม่ติดเลย"
"โสดก็ดีออก"
"แต่เฮียอยากมีแฟนนะ" เขาพูดไม่ดังมากแต่มั่นใจว่าเธอได้ยินชัดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อนจนดูเหมือนว่าพูดเล่นมากกว่าจริงจังทั้งที่มันคือความจริง มารียิ้มกว้างตามในจังหวะนั้นก็มีเสียงข้อความจากโทรศัพท์เธอดังขึ้น รอยยิ้มที่มีค่อยหายไปแทนที่ด้วยความเหนื่อยล้าอยู่ชั่วครู่ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงไม่สนใจจะตอบข้อความ
ทะเลาะหนักขนาดนี้เลิกกันเลยสิ
กลับไปบอกเลิกมันวันนี้เถอะ
เขาดูแลเธอเอง!
"ปรกติชวนคนมากินด้วยแบบนี้บ่อยไหมคะ?"
"ไม่เคย"
"แล้วทำไมถึงชวนหนูละ?"
"เพราะหน้าตาอมทุกข์มั้งเลยอยากให้รู้สึกดีขึ้น"
"สีหน้าหนูแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"เฮียพูดถูกสินะ"
"ก็…ค่ะ คือหนูมีปัญหาเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย"
"อืม ระบายได้นะเฮียไม่บอกใครหรอกเพราะอีกแป๊ปหนึ่งจะกลับไปนอนแล้ว"
"แค่นี้หนูก็เกรงใจแล้วค่ะ" เสียงข้อความดังอีกครั้งจากคนรักแต่เธอยังไม่พร้อมจะพูดคุยตอนนี้ แล้วก็ไม่พร้อมจะลืมตาเงยหน้ามองความเป็นจริงถึงปัญหาทั้งหมดด้วยเพราะถึงตอนนั้นคงเจ็บมากแน่นอน
หลังจากกินอาหารเช้าแล้วเฮียเฟยก็ยังอุตส่าห์ขับรถไปส่งที่หน้าคอนโดแล้วเพียงก้าวขาเดินเข้าไปก็เจอแฟนกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ด้วยอารมณ์ดีไม่ทุกข์ร้อนที่เราทะเลาะกัน มันคล้ายกับว่าเขารู้ว่าสุดท้ายเธอจะกลับมาหา! เธอเลือกจะเดินผ่านเลยไปเงียบๆเพราะไม่รู้ว่าจะพูดคุยอะไรดีแต่เขากลับรีบวิ่งตามเข้ามาในลิฟท์โดยที่เราสองคนไม่พูดคุยกัน
ความเงียบคือคำตอบชัดเจนที่สุด
กลิ่นความเจ็บลอยมาแล้วไง!
ประตูลิฟท์เปิดออกแล้วเดินออกมาโดยที่มีคนรักเดินตามจนมาถึงภายในห้องแล้วเรายังไม่พูดคุยกันสักคำ เธอโกรธที่เขาด้อยค่าความรักไม่หยุดแล้วยังยัดเยียดความคิดนอกใจให้ไม่หยุดในระยะสองเดือนมานี้จนน่ากลัวว่าสิ่งที่เขากำลังกลัวคือสิ่งที่เขากำลังทำอยู่
เขาแสดงออกเหมือนว่าเธอผิดมาก
แล้วเธอผิดอะไร?
หรือแค่กลบเกลือนความผิดตัวเอง?