ตอนที่ 5 มีคนเสียอาการ

3683 คำ
​ ตอนที่ 5 มีคนเสียอาการ พอต่างฝ่ายต่างช่วยกันทำจนเสร็จ ผมกับคุณนนท์ก็ผลัดกันเข้าไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ ผมออกมาในชุดเดิมเพราะไม่ได้เลอะอะไรเท่าไร แต่คุณนนท์ที่เสื้อเลอะออกมาพร้อมเสื้อชุดนอนผ้าซาติน เสื้อเป็นสายเดี่ยวเอวลอย กางเกงเอวยางยืดขาสั้น พอคุณนนท์ใส่แล้วดูน่ารักจนใจไม่ค่อยดีเท่าไร “พอดีอีกชุดเป็นชุดใส่กลับน่ะครับ ส่วนชุดที่เตรียมมาใส่นอนกับมิสเตอร์พีมีแค่ชุดนี้” คุณนนท์อธิบาย ได้ยินแบบนั้นแล้วก็นึกอิจฉาตัวเองในร่างมิสเตอร์พีขึ้นมา ดูแต่ละอย่างที่คุณนนท์ในร่างน้องกระต่ายเตรียมไว้ให้สิ “ครับ” “แล้วคุณพลคงไม่ถือสาใช่ไหมครับ ที่นนท์ใส่ชุดผู้หญิง ปกตินนท์ชอบใส่ชุดผู้หญิงน่ะ” “อ่อ ไม่ครับ เอาที่คุณนนท์ชอบเลย” การได้มาเจอคุณนนท์ในวันนี้เหมือนผมได้มาทำความรู้จักคุณนนท์ใหม่เลย มันเหมือนคุณนนท์ในที่ทำงานที่ผมรู้จักเป็นคนละคนกับคุณนนท์คนนี้โดยสิ้นเชิง แล้วแต่ละอย่างที่ผมได้รับรู้เพิ่มเกี่ยวกับคุณนนท์ ก็มีแต่อะไรน่าสนใจทั้งนั้นเลยเนี่ยสิ “แล้ว เราจะอยู่ที่นี่กันถึงกี่โมงเหรอครับ” “ก็มิสเตอร์พีบอกว่าเช้าไม่ใช่เหรอครับ นี่นนท์ก็เตรียมของมาแบบที่ถ้าเช้าแล้วก็ไปทำงานต่อได้เลย” คุณนนท์อธิบาย จะบอกว่าผมก็ทำแบบคุณนนท์นั่นแหละ แต่ประเด็นคือเราไม่ได้จะทำอะไรกันแล้ว แล้วเราจะอยู่ต่อทำไมล่ะ “อ่า ครับ แล้วเราจะทำอะไรต่อเหรอ” “แล้วคุณพลอยากทำอะไรกับนนท์ต่อล่ะครับ” ร่างบางเดินมานั่งลงข้าง ๆ ผม พออาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ กลิ่นกายคุณนนท์ยิ่งหอมจนทำผมเคลิ้ม แล้วยิ่งอยู่ในชุดสีขาวแบบนี้ยิ่งทำให้ตัวคุณนนท์เหมือนกับจะเรืองแสงได้อยู่แล้ว ผมนี่ตาพร่าไปหมดแล้วเนี่ย “เอ่อ” แล้วยิ่งคำถามของคุณนนท์อีก พอคุณนนท์ขยับตัวมาชิด แล้วถามด้วยใบหน้าซุกซนแบบนั้นมันก็ทำให้ผมไปต่อไม่ถูก สมองคิดอะไรดี ๆ ไม่ค่อยได้ การจะต้องอยู่ในห้องกับคนที่โคตรน่ารัก แถมยังเพิ่งจะทำอะไรแบบนั้นด้วยกันไปมันควรจะทำกิจกรรมอะไรกันต่อเหรอ “ตกลงคุณพลอยากทำอะไรต่อครับ นนท์ตามใจคุณพล” “งั้น ดูหนังกันก็ได้ครับ” “โอเคครับ งั้นดูหนังเนอะ” คุณนนท์ขำออกมาเบา ๆ กับท่าทางของผมแล้วเดินไปเปิดหนังดู ระหว่างที่เรานั่งดูหนังกัน ตาผมมันก็ไม่ได้โฟกัสกับหนังเท่าที่ควรเท่าไร คงเพราะคนข้าง ๆ เนี่ยแหละที่ทำสติผมหลุดบ่อย ๆ เดี๋ยวตาผมมันก็เหล่ไปมองเรียวขาขาวผ่องเรียวยาวบ้าง บางทีก็เผลอเหล่มองหัวไหล่บางของคุณนนท์บ้าง บางทีหนักสุดผมก็แอบมองหน้าของคุณนนท์ แล้วสมองมันก็มีแต่คำว่าน่ารัก น่ารัก น่ารักวิ่งเต็มไปหมด ผมน่าจะหลงคุณนนท์แล้วจริง ๆ ผมสลัดความคิดบ้า ๆ ออกจากหัว พยายามบอกตัวเองว่าผมคงจะโสดมานาน แล้วก็ห่างจากเรื่องอย่างว่ามานาน พอมาเจอคนน่ารัก ๆ แล้วได้มาทำอะไรแบบนี้ด้วยกันเลยหวั่นไหว แต่มันก็แค่ความต้องการทางร่างกาย ผมควรตั้งสติแล้วอย่าไปคิดอะไรมาก แต่มันก็ยากเหลือเกิน เพราะพอหันกลับไปมองคุณนนท์ใหม่ ความตั้งใจของผมก็พังทลายลงทุกที เรานั่งดูหนัง จากนั้นก็คุยกัน กินข้าวเย็น ฟังเพลง หากิจกรรมอะไรที่พอจะทำได้ในห้องทำด้วยกันจนดึก จากการนัดเพื่อมีเซ็กซ์เปลี่ยนมาเป็นการนัดมานอนเล่นในห้องกับเพื่อนร่วมงานแบบนี้มันก็แปลกดี แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อสักนิด เพราะคุณนนท์เวอร์ชันไม่ได้อยู่ในที่ทำงานโคตรจะน่ารักเลย พูดเก่ง สดใส แถมยังเซ็กซี่มาก ๆ ด้วย “คุณพลง่วงรึยังครับ” พอเริ่มดึก เพื่อนร่วมงานตัวน้อยที่นอนตาแป๋วมองผมอยู่ก็ถามขึ้น จริง ๆ ปกติเวลานี้ผมก็นอนได้แล้วแหละ แต่วันนี้ที่นอนไม่หลับเพราะแค่นึกว่าต้องนอนข้าง ๆ คุณนนท์ผมก็รู้สึกใจไม่ค่อยดี ผมไม่ได้กลัวว่าคุณนนท์จะทำอะไรหรอก แต่กลัวใจตัวเองมากกว่า ยิ่งวันนี้ผมยิ่งสติน้อย ๆ อยู่ “คุณนนท์นอนก่อนเลยครับ ผมยังไม่ง่วง” ผมตัดสินใจบอกออกไปแบบนั้น อย่างน้อยถ้าคุณนนท์นอนก่อน ผมจะได้หายใจคล่องขึ้น แล้วคุณนนท์ก็จะได้ไม่เห็นท่าทางเลิ่กลั่กเวลาจะนอนของผม “ปกติคุณพลนอนดึกเหรอครับ” “ก็ ประมาณนั้นครับ” “ดีจัง นอนดึกแล้วหน้าไม่เห็นโทรมเลยครับ” คุณนนท์เท้าแขนลงกับเตียงแล้วโน้มหน้ามามองหน้าผมใกล้ ๆ เหมือนกำลังสำรวจว่าหน้าผมมันไม่โทรมจริง ๆ “เอ่อ” “จริง ๆ นะครับ หน้าคุณพลดูเด็กมากเลย” คุณนนท์ขยับมาใกล้ขึ้นจนใบหน้าแทบจะเฉียด ๆ กับแก้มผมแล้ว แล้วด้วยความที่ช่วงนี้ผมยิ่งใจสั่นกับคุณนนท์อยู่แล้วเลยยิ่งรู้สึกเกร็งเข้าไปใหญ่ “ไม่เท่าคุณนนท์หรอกครับ คุณนนท์ดูเด็กกว่าผมเยอะ” “จริงเหรอครับ” “ครับ” “ไม่น่า ทำไมมิสเตอร์พีถึงถามว่าคุณกระต่ายบรรลุนิติภาวะแล้วใช่ไหม” คุณนนท์พูดขำ ๆ ยิ่งคุณนนท์พูดมาแบบนี้ผมยิ่งอาย ผมเผลอทำอะไรมึน ๆ ตอนเป็นมิสเตอร์พีไปเยอะเหมือนกันนะเนี่ย “เหอะ ๆ” “เอาเป็นว่าถ้าคุณพลยังไม่นอน งั้นนนท์นอนก่อนก็ได้” คุณนนท์สรุป นับว่าคุณนนท์ยังปรานีผม เพราะพอเห็นผมทำตัวไม่ถูกก็หาทางออกให้ด้วยการขอตัวนอนก่อน จะบอกว่านั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องการเลย ตอนนี้ผมสู้สายตาคุณนนท์ไม่ไหวแล้ว ขอให้ผมได้พักยกหน่อยก็ดี “ครับ คุณนนท์นอนก่อนเลย” แม้ตกลงกันแล้วว่าคุณนนท์จะนอน แต่คุณนนท์ก็ยังไม่ยอมนอนสักที ใบหน้าน่ารักยังจ้องมองที่หน้าผม แล้วทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่ จนผมทนไม่ไหว ตัดสินใจถามออกไป “ทำไมเหรอครับ” “จริง ๆ นนท์คิดมาว่าอยากจะนอนกอดกับมิสเตอร์พีทั้งคืน มิสเตอร์พีคิดยังไงครับ” คุณนนท์ถาม คำถามของคุณนนท์ทำเอาผมไปไม่ถูกอีกครั้ง อันที่จริงผมก็คิดเรื่องนี้มาเหมือนกัน ผมอยากจะนอนกอดคุณกระต่ายทั้งคืน แต่ตอนนี้น้องกระต่ายของผมดันกลายเป็นเพื่อนร่วมงานแล้วเนี่ยสิ “แล้ว คุณนนท์จะให้ผมช่วยยังไงเหรอครับ” “ถ้าไม่รบกวน คุณพลเป็นมิสเตอร์พีให้นนท์หน่อยสิครับ อย่างน้อยก็จนกว่านนท์จะหลับ” คำขอของคุณนนท์ทำให้ผมใจเต้นแรงจนแทบระเบิด แม้จะแอบรู้อยู่แล้วว่าคุณนนท์อาจจะขอแบบนี้ แต่พอคุณนนท์พูดขึ้นมาจริง ๆ มันก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี ฟังดูไม่ได้ยากกับการขอให้นอนกอด แต่สำหรับคนที่กำลังว้าวุ่นอยู่แบบผมมันยากมาก ๆ ผมจะกอดคุณนนท์ยังไงไม่ให้ใจสั่น แล้วจะกอดยังไงไม่ให้คุณนนท์ได้ยินเสียงหัวใจว่ามันเต้นแรงขนาดไหน “อ่า ถ้าคุณพลไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ งั้นนนท์นอนเลยก็ได้” พอเห็นว่าผมไม่ยอมตอบ คุณนนท์เลยสรุปแบบนั้น น้ำเสียงเศร้า ๆ กับใบหน้าหงอย ๆ ของคุณนนท์ทำเอาใจผมอ่อนยวบ อยากจะโพล่งออกไปว่ากอดครับ ผมกอดได้ แต่คิดไปคิดมาก็คิดว่าอย่าดีกว่า เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยคุณนนท์ก็จะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงหัวใจของผมที่มันเต้นแรงจนอาจจะทำให้คุณนนท์นอนไม่หลับ “งั้นก็ฝันดีครับคุณนนท์” “ครับ ฝันดีนะครับมิสเตอร์พี รีบนอนด้วยนะครับ หรือถ้านอนไม่หลับ จะปลุกนนท์ขึ้นมาเล่นเป็นเพื่อนก็ได้นะ” คุณนนท์พูดติดตลกก่อนจะนอนลง ผมจึงเดินไปปิดไฟให้ แล้วเหลือแต่ไฟที่โคมไฟตรงหัวเตียง ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอของคุณนนท์ ผมเดาว่าคุณนนท์คงหลับแล้ว คราวนี้ก็เหลือแต่ผม ผมลอบมองคนที่นอนหลับอยู่ข้างผมเป็นพัก ๆ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเสียสมดุล เหมือนตอนนี้ผมจะแพ้คุณนนท์แบบมาก ๆ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากับไอ้เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะต้องหวั่นไหวอะไรเยอะแยะ ผมพยายามบอกตัวเองอีกครั้งว่าผมมันก็แค่คนแก่ขี้เหงา ที่หวั่นไหวกับเด็กน่ารักไปเรื่อย ผมต้องดึงสติกลับมา แล้วย้ำกับตัวเองว่าความน่ารักของคุณนนท์มันก็แค่ภาพลวงตา “เฮ้อ” เมื่อคืนกว่าผมจะหลับได้ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า พอตื่นมาก็พบว่าคุณนนท์อาบน้ำเสร็จแล้ว กำลังนั่งทาครีมอยู่หน้ากระจก ผมว่าผมตื่นเช้าแล้วนะ แต่คุณนนท์ตื่นเช้ากว่าผมอีกเหรอเนี่ย “มอร์นิงครับคุณพล” “ครับ” ผมยิ้มทักทายคุณนนท์แล้วเข้าไปอาบน้ำบ้าง พอออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าคุณนนท์ยังนั่งทาครีมอยู่เหมือนเดิม ผมก็เพิ่งรู้ว่าคนเราต้องใช้เวลาทาครีมนานขนาดนี้ แต่ก็ไม่แปลกหรอก ถ้านับไอ้จำนวนขวดบนโต๊ะนั่นแล้วมันก็ควรจะนานแหละ “คุณพลเอาของที่จะไปทำงานมาพร้อมไหมครับ หรือจะต้องกลับไปที่บ้านก่อน” “เอามาพร้อมแล้วครับ ไปทำงานได้เลย” “อ่า แสดงว่ากะจะมาทำกันถึงเช้าเหมือนที่นัดกันจริงด้วย” คุณนนท์ว่าขำ ๆ พอโดนจับได้ผมก็เกาหัวเก้อ ๆ แล้วเดินไปแต่งตัว ผมกับคุณนนท์ต่างคนต่างแต่งตัวของตนเองจนคุณนนท์เป็นฝ่ายเสร็จก่อน จึงเดินมาหาผมแล้วช่วยผมใส่เน็กไท ในตอนแรกผมก็กะจะทำเอง แต่พอเจอยิ้มน่ารัก ๆ ของคุณนนท์ก็ไม่อยากจะขัดอะไรคุณนนท์เท่าไร “เรียบร้อยครับ” คุณนนท์ช่วยผมใส่เน็กไทจนเสร็จ แล้วถอยหลังออกมามองผม เหมือนประเมินว่าตอนนี้ผมเรียบร้อยทั้งตัวรึยัง พอเห็นว่าเรียบร้อยแล้วก็ยิ้มพอใจ “ปกติเวลานนท์นัด ก็ทำกันให้เสร็จแล้วแยกย้ายกลับ ไม่เคยค้างกับใครเลย เพิ่งรู้ว่าค้างด้วยกันแล้วตื่นมาเจอกันมันจะเป็นความรู้สึกแบบนี้ แบบนี้เราดูเหมือนสามีภรรยากันเลยนะครับ” คุณนนท์พูดขำ ๆ แต่คำพูดที่ดูไม่คิดอะไรของคุณนนท์กลับทำคนฟังอย่างผมใจเต้นแรง สมองดันเผลอคิดตามที่คุณนนท์พูด เราสองคนเหมือนสามีภรรยากันจริง ๆ นั่นแหละ แต่มันก็แค่เหมือน เพราะในความเป็นจริงคนไม่เข้าสังคม จีบใครก็ไม่เป็นแบบผมคงไม่มีปัญญาหาแฟนน่ารักได้เท่าคุณนนท์ “เราไปทำงานกันดีกว่าครับ คุณสามี” พอบอกว่าเหมือน คุณนนท์ก็สวมบทบาทต่อด้วยการเกาะแขนผมแล้วชวนผมไปทำงาน แม้จะแกล้งทำเล่น ๆ แต่ก็ทำเอาคนแก่กว่าแต่แสนอ่อนหัดอย่างผมหลุดยิ้มตาม คุณนนท์ทำให้เช้านี้ของผมมันโคตรสดใสเลยเถอะ หลังเช็กเอาต์ เราสองคนก็แยกย้ายกันไปทำงานด้วยรถของใครของมัน ก่อนลากันคุณนนท์ยังแกล้งพูดเล่นว่าเสียดายไม่น่าเอารถมา ถ้าไปรถผมคงให้ฟีลสามีภรรยามากกว่าเดิม เรียกได้ว่าคุณนนท์ต่อยหมัดฮุก น็อกหัวใจของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าชนิดที่กะไม่ให้ผมฟื้น กว่าจะกลับมามีสติได้ก็ตอนแยกกัน เรากลับมาเจอกันอีกครั้งในที่ทำงาน คุณนนท์ในที่ทำงานยังเป็นคุณนนท์คนเดิมที่ผมเคยรู้จัก คุณนนท์ยังดูเรียบร้อยเหมือนเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือสายตาที่ผมใช้มองคุณนนท์ ไม่รู้ว่าเพราะไปรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณนนท์มารึเปล่า ทำให้ผมรู้สึกว่ามองคุณนนท์แล้วเหมือนคุณนนท์น่ารักกว่าทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นตอนที่คุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น หรือตอนที่นั่งทำงานแล้วทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ยิ่งไปกว่าความน่ารักคือความเซ็กซี่ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าไปเอาฟิลเตอร์นี้มาจากไหน ทำไมเอามันมาใช้มองคุณนนท์ได้ ปกติเวลาคุณนนท์เดินไปไหนมาไหนผมก็จะรู้สึกว่าปกติ แต่เดี๋ยวนี้ตาผมมันดันเผลอมองบั้นท้ายคุณนนท์บ่อย ๆ แล้วพอได้มองผมถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าคุณนนท์ใส่กางเกงที่เน้นสัดส่วนค่อนข้างมาก แล้วบั้นท้ายของคุณนนท์ก็ไม่ธรรมดาเลย จริง ๆ คุณนนท์ก็แอบเซ็กซี่อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วนี่ เพียงแต่ผมไม่เคยได้สังเกต “คุณพลครับ” ระหว่างที่ผมกำลังทำงานไป คิดเรื่องของคุณนนท์ไป คุณนนท์ก็เดินมาหาผมที่โต๊ะ พอมาอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้แล้วมันยิ่งตอกย้ำว่าคุณนนท์เหมือนเดิมทุกวันจริง ๆ แต่ที่ไม่เหมือนก็คือความคิดของผมที่มีต่อคุณนนท์เนี่ยแหละ มันไม่บริสุทธิ์อีกแล้ว “ครับ?” “รายละเอียดไฟลต์บินครับ” “ขอบคุณครับ” พอคุณนนท์เอางานให้ผมเสร็จก็เดินกลับโต๊ะไป ระหว่างที่คุณนนท์เดิน ผมก็เผลอมองก้นคุณนนท์อีกครั้งจนต้องเคาะหัวเรียกสติตัวเองกลับมา พอสติกลับมาผมก็จัดการเปิดดูเอกสารที่คุณนนท์ให้มา มันคือรายละเอียดเกี่ยวกับโพรเจกต์ใหม่ที่ผมดูแล โดยผมต้องไปเซอร์เวย์ก่อนในสัปดาห์หน้า ซึ่งผู้ช่วยของผมในโพรเจกต์นี้ก็คือคุณนนท์นี่แหละ เดี๋ยวนะ นั่นก็หมายความว่าอาทิตย์หน้าผมจะต้องไปเชียงใหม่กับคุณนนท์สิ พอนึกถึงข้อนี้ขึ้นมาใจผมก็อยู่ไม่สุขอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ผมเองก็เคยไปต่างจังหวัดกับคุณนนท์มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทำไมครั้งนี้มันตื่นเต้นกว่าทุกครั้งเนี่ย แล้วครั้งนี้ผมจะเผลอทำอะไรให้คุณนนท์จับพิรุธได้ว่าใจผมมันไม่บริสุทธิ์แล้วรึเปล่านะ แย่ละ ผมทำงานไปก็นั่งคิดเรื่องคุณนนท์ไปด้วยจนผมทนความว้าวุ่นไม่ไหว ผมยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองตอนนี้เป็นอะไรกันแน่ แล้วผมก็ยังไม่คิดจะหาคำตอบด้วย เพราะตอนนี้ผมมีเรื่องที่ผมสงสัยมากกว่า ผมอยากรู้ว่าคุณนนท์มีแฟนรึยัง การที่คุณนนท์นัดทำอะไรแบบนั้นได้ ทำให้ผมเดาเอาเองว่าคุณนนท์น่าจะยังโสด แต่มันก็ไม่แน่ สมัยนี้บางคู่ที่เปิดให้สามารถทำเรื่องแบบนี้กับคนอื่นได้ก็มี ผมเลยอยากจะรู้เพื่อความแน่ใจ ผมจัดการทักไลน์บิ๊กไป ที่เลือกจะทักช่วงนี้เพราะตอนนี้บิ๊กน่าจะตอบได้ ถ้ารอพักเที่ยงบิ๊กคงยุ่ง และผมคงจะว้าวุ่นมากตอนรอคำตอบจากบิ๊ก พล : บิ๊ก ถามอะไรหน่อยสิ พล : คุณนนท์เขามีแฟนหรือคนคุยรึยัง (มีคนฝากถามนะ) ผมทักแล้วถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยให้ครบ แถมยังทำตัวมีพิรุธด้วยการร้อนตัว รีบบอกบิ๊กว่าคนอื่นฝากถาม พอมาอ่านย้อนดูถึงได้รู้ว่าพิมพ์ไปแบบนี้น่าสงสัยกว่าถามเฉย ๆ อีก บิ๊ก : แน่ะ มีคนจะจีบพี่นนท์เหรอ บิ๊ก : ใครอะ นอกจากบิ๊กจะตอบไม่ตรงคำถาม บิ๊กยังถามเรื่องอื่นที่ผมไม่ได้เตรียมการแถไว้อีก พล : บอกไม่ได้ ตกลงมีรึยัง บิ๊ก : อยากรู้ พล : ตกลงพี่จะได้คำตอบรึเปล่า บิ๊ก : อะ ๆ ๆ ๆ เข้าเรื่อง ๆ บิ๊ก : คือเอาจริงนะ บิ๊กไม่รู้เลยพี่พล พี่นนท์ไม่ค่อยเล่าเรื่องความรักเลย พล : อ่า บิ๊ก : แต่เดี๋ยวบิ๊กถามให้ บิ๊กก็อยากรู้ พล : ดี งั้นมาบอกพี่ด้วย บิ๊ก : ได้ครับ พล : ขอบใจมาก สรุปว่าการถามบิ๊กที่ดูจะสนิทกับคุณนนท์ที่สุด ก็ดูจะไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร แต่ก็ยังดีที่บิ๊กบอกว่าจะไปถามให้ เดี๋ยวผมก็คงได้คำตอบ แต่ระหว่างรอคำตอบเนี่ยสิ ผมอกแตกตายพอดี ผมนั่งทำงานไปจนถึงเวลาพักเที่ยง ผมกินข้าวบนออฟฟิศเพราะไม่ชอบลงไปกินที่โรงอาหารให้มันวุ่นวาย ผมชอบห่อข้าวมาเอง หรือถ้าไม่ได้ห่อมาก็สั่งที่โรงอาหารใส่ห่อมากินบนนี้แบบวันนี้มากกว่า ระหว่างที่ผมกำลังนั่งกินข้าวเงียบ ๆ คนเดียว เพราะทุกคนลงไปกินข้าวกันหมด คุณนนท์ก็เดินกลับเข้ามาในออฟฟิศ พร้อมถุงผลไม้ กับน้ำสตรอว์เบอร์รีปั่น แล้วเดินมาหาผมที่โต๊ะ “นนท์นั่งด้วยได้ไหมครับ” “เชิญครับ” ผมขยับที่ให้คุณนนท์วางของด้วย ออกจะตกใจนิดหน่อย ไม่คิดว่าคุณนนท์จะมานั่งด้วยแบบนี้ “คุณพลกินข้าวคนเดียวอีกแล้ว ไม่เหงาเหรอครับ” คุณนนท์ถาม พลางจิ้มผลไม้ขึ้นมากิน คุณนนท์ดูปกติมากเวลาคุยกับผม ผิดกับผมตอนนี้ที่โคตรจะลนเวลาเจอคุณนนท์ “ไม่เหงาครับ สงบดี” “อ่า งั้นนนท์ควรกลับที่ไหมครับ เดี๋ยวจะทำลายความสงบของคุณเอา” “ไม่เป็นไรครับ ๆ นั่งได้ ๆ” ผมรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ความสงบอะไรไม่อยากได้ทั้งนั้นแหละตอนนี้ “คิก พักนี้คุณพลดูตลกจัง ตั้งแต่เจอกันเมื่อวาน คุณพลก็ชอบทำตัวน่ารัก” “ตกลงผมตลกหรือน่ารักครับ” “ตลกครับ แต่ตลกแบบน่ารักไง” คุณนนท์ยิ้มตาหยีแล้วจิ้มผลไม้กิน ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าคุณนนท์ไม่ควรมาชมใครพร่ำเพรื่อแบบนี้ โดยเฉพาะคนที่คุณนนท์ไปปล่อยดาเมจใส่ไว้ เพราะคนคนนั้นจะหวั่นไหวเอา “เหอะ ๆ ครับ” เราสองคนนั่งกินข้าวไป คุยกันไป โดยส่วนใหญ่คุณนนท์เป็นคนชวนคุย ผมเพิ่งรู้ว่าคุณนนท์นอกจากจะหน้าตาน่ารัก ยังพูดจาอะไรก็ดูน่ารัก ดูมีอารมณ์ขัน และมีเสน่ห์มาก ๆ ผิดกับผมที่ภายนอกใคร ๆ ก็มองว่าดูดี แต่พอพูดคุยด้วยแล้วโคตรจะจืดชืด พอกินเสร็จ คุณนนท์กับผมก็ลุกขึ้นเอาขยะไปทิ้งและไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาที่โต๊ะผมก็พบว่าคุณนนท์มานั่งอยู่บนเก้าอี้ของผม คุณนนท์ก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น แล้วยังหันเก้าอี้มาทางผม แล้วส่งนิ้วเรียวมาเขี่ย ๆ ตรงพุงผมเล่น “คุณนนท์” ถึงจะรู้แล้วว่าคุณนนท์ค่อนข้างจะซุกซน แต่ผมก็ไม่คิดว่าคุณนนท์จะกล้ามาเขี่ยหน้าท้องผมในที่ทำงานแบบนี้ “คิก ล้อเล่นครับ ทำหน้าตาตื่นเชียว” “ผมแค่ตกใจน่ะครับ” “ตกใจทำไมครับ นนท์ไม่กล้าเล่นซนกับคุณพลเหมือนเมื่อวานหรอก ห้องรวมคนเยอะแยะ ไว้คุณพลย้ายไปอยู่ห้องส่วนตัว อันนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย” คุณนนท์ลุกขึ้นยืนแล้วขยับเข้าใกล้จนใบหน้าเกือบชิดกับผม ตอนพูดคำว่าน่าสนใจ ดวงตาของคุณนนท์ดูซุกซนมาก ๆ จนผมคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงจะอันตรายแน่ ๆ เลยพยายามหาทางออก “คุณนนท์มีอะไรอีกรึเปล่าครับ พอดีผมจะทำงานต่อ” “ไม่แล้วครับ นนท์แค่จะมาตอบที่คุณพลสงสัย” “ผมสงสัย?” “ก็คุณพลไปถามบิ๊กไม่ใช่เหรอครับ ว่านนท์มีแฟนหรือคนคุยรึยัง” “อึก” ผมเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ทันทีที่ได้ยินคำพูดจากปากคุณนนท์ การจะไปถามมาให้ของบิ๊กมันไม่ใช่การหลอกถามมา แต่เป็นการถามพร้อมบอกว่าเป็นผมถามมาแบบนี้เลยเหรอ ถามผิดคนจริง ๆ “เรื่องแค่นี้เอง คุณพลถามนนท์ตรง ๆ ก็ได้นะครับ ไปถามบิ๊ก บิ๊กจะรู้อะไร” “ผม...” “นนท์ยังไม่มีแฟนครับ คนคุยก็ยังไม่มี คนมาจีบยังไม่มีเลย...” “...” “...ถามทำไมเหรอครับ หรือคุณพลสนใจนนท์” ---------------------------------------------------------- เรื่องนี้จะบอกว่านายเอกเราค่อนข้างจะออกสาวจริงจังเลยนะคะ แล้วก็ชอบแต่งตัวชุดผู้หญิงน่ารักๆด้วย​ อ่านไปแล้วอาจจะรู้สึกว่าทำไมคุณพระเอกของเราหงิมจัง ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลยค่ะ อย่างที่เห็นเลย แฮร่ ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ จากนี้ก็เจอกันยากๆ #รักร้ายของกระต่ายแสนซน ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม