บทที่ 01
คนแพ้ [3]
“เฝ้าเขาไว้ให้พี่ที ตกลงกับแป้งเสร็จพี่จะรีบกลับมา” ศรุตม์ก้มหน้าลงไปกระซิบเบาๆ อย่างต้องการจะรู้กันสองคน ทว่าการกระทำของเขากลับอยู่ในสายตาของทุกคนบนโต๊ะอาหารตลอดโดยเฉพาะเป็นหนึ่งที่เฝ้ามองทุกอย่างมาตั้งแต่แรก
“ก็ได้ค่ะ อย่านานนะคะ ไม่งั้นขวัญจะลุกไปตาม”
“โอ้โห ห่วงพี่หรือห่วงไอ้แป้งครับ”
“ไม่น่าไว้ใจทั้งคู่นั่นแหละค่ะ” พาขวัญย้ำเบาๆ ศรุตม์หัวเราะเสียงทุ้มก่อนจะขยิบตาแทนการให้สัญญากับพาขวัญแล้วจึงเดินตามปั้นแป้งออกไป
คล้อยหลังศรุตม์พาขวัญจึงได้มีโอกาสสบตากับเป็นหนึ่งอีกครั้ง เธอส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อยแล้วทำทีเป็นนั่งเล่นโทรศัพท์ต่อไปเงียบๆ เพื่อนของศรุตม์ชวนคุยบ้างซึ่งเธอก็พูดคุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเองจนกระทั่งเห็นว่าเป็นหนึ่งลุกออกจากโต๊ะไปอีกคน สุดท้ายเธอจึงต้องลุกตามทั้งสามคนออกมาทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเดินไปไหนกับบ้าง หรือว่าไปแอบคุยกันอยู่ที่ไหน
“น้องขวัญ”
“พี่หนึ่ง ขวัญตกใจหมดเลยค่ะ” หัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่ออยู่ๆ เป็นหนึ่งก็ก้าวเข้ามาขวางทาง
“แอบตามมาเหมือนกันล่ะสิ”
“ค่ะ กลัวว่าจะเกิดเรื่อง นี่พี่แป้งอยู่ไหนเหรอคะ”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“อ้าว”
“พี่ไม่ได้ตามแป้งออกมาสักหน่อย” เป็นหนึ่งบอกยิ้มๆ
พาขวัญสบสายตากับเขาเล็กน้อยก่อนจะรีบมองหาปั้นแป้งกับศรุตม์เพราะทั้งคู่หายไปนานจนเธอรู้สึกเป็นกังวล หากมองจากตรงนี้ เลยไปไม่ไกลก็เป็นห้องน้ำแล้ว แต่กลับไม่เห็นใครสักคนยืนอยู่ จะคิดว่าต่างคนต่างเข้าห้องน้ำก็ไม่น่าใช่เพราะเจตนาของศรุตม์คือเดินตามปั้นแป้งออกมาตั้งแต่แรก
“ขวัญขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ”
หมับ!
“เดี๋ยวสิขวัญ”
“คะ” พาขวัญหันกลับมาถาม ก่อนจะดึงมือออกจากมือของเป็นหนึ่งในทันที “พี่หนึ่งมีอะไรเหรอคะ”
“พี่มีเรื่องจะถามน่ะ”
“มันจะมากไปแล้วนะไอ้ตาร์”
ไม่ทันที่เป็นหนึ่งจะพูดจบ เสียงของปั้นแป้งก็ดังขึ้น พาขวัญเบิกตาโพลงเมื่อน้ำเสียงของปั้นแป้งที่ได้ยินเมื่อครู่ยืนยันว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้วแน่ๆ เธอไม่รีรอที่จะรีบวิ่งออกไป แล้วก็มาทันเห็นว่าปั้นแป้งกำลังผลักหน้าอกของศรุตม์พอดี
“มันมากไปตรงไหน ฉันแค่ถามเฉยๆ ว่าทำไมเธอถึงได้อยู่กับเขาทั้งวัน”
“ฉันจะอยู่กับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับนาย”
“มันจะไม่เกี่ยวได้ยังไงในเมื่อฉันชอบเธอ”
“แต่ฉันไม่ได้ชอบนายไง”
คำตอบของปั้นแป้งทำเอาพาขวัญรู้สึกใจหายวาบ และคงไม่ต้องถามถึงความรู้สึกของศรุตม์ เพราะตั้งแต่ที่ปั้นแป้งพูดจบ เขาก็ยืนนิ่งราวกับถูกสตัฟฟ์
“ฉันคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วเสียอีกนะไอ้ตาร์”
“แต่ฉันรักเธอไปแล้วนี่ เข้าใจไหมว่ามันรักไปแล้ว เธอจะให้ฉันทำอย่างไร เธอคิดว่าฉันไม่อยากเลิกรักเธอหรือไง”
“นั่นมันปัญหาของนาย ไม่เกี่ยวกับฉัน ปล่อยนะไอ้ตาร์ อย่ามายุ่ง”
เพียะ!
“พี่แป้งอย่าค่ะ” พาขวัญวิ่งออกไปห้าม พยายามจะดึงศรุตม์ออกมาทางหนึ่ง ส่วนเป็นหนึ่งก็รีบดึงปั้นแป้งออกไปอีกทางหนึ่ง ทว่าสายตาของศรุตม์กลับยังเอาแต่จ้องมองมือของปั้นแป้งที่เป็นหนึ่งจับเอาไว้ด้วยความไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม
“พี่ตาร์ใจเย็นๆ นะคะ”
“น้องขวัญกลับไปรอพี่ในร้านก่อนแล้วกันครับ”
“แต่ว่า...”
“ยัยขวัญ ขึ้นรถ เรากลับกับพี่เลยก็แล้วกัน เดี๋ยวให้หนึ่งแวะไปส่ง”
“แต่ว่า...” พาขวัญได้แต่อึกอัก พูดได้เพียงแต่ว่าๆ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่คนที่เธอเป็นห่วงทั้งนั้น
“เดี๋ยวฉันไปส่งน้องขวัญเอง”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะไอ้ตาร์ นายดื่มไปกี่แก้วแล้ว ถ้าจะเมาก็โทรตามคนขับรถมารับด้วยก็แล้วกัน”
“เธอเป็นห่วงฉันด้วยหรือไง”
“เปล่า แต่ฉันสงสารคนอื่นที่เขาต้องเดือดร้อนเพราะนาย”
“พี่แป้งคะ”
“ขึ้นรถยัยขวัญ อื้อออ”
สถานการณ์ยิ่งวุ่นวายเมื่อศรุตม์เดินตรงเข้าไปหาปั้นแป้งก่อนจะรั้งใบหน้าของเธอเข้าหาตัวแล้วประกบริมฝีปากลงไปในทันที
แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีแต่ก็ทำให้ปั้นแป้งโกรธจนหน้าแดง ทันทีที่เธอผลักศรุตม์ออกได้สำเร็จ ฝ่ามือเรียวเล็กก็เงื้อขึ้นกลางอากาศก่อนจะสะบัดใส่หน้าศรุตม์สุดแรงไปอีกรอบ
เพียะ!
“พอค่ะ ถือว่าขวัญขอเถอะนะคะ แยกย้ายกันกลับก็แล้วกัน พี่หนึ่งคะ ฝากพี่แป้งด้วย”
“แล้วขวัญล่ะ”
“ไม่ต้องเสือก!” ศรุตม์บอกด้วยความเดือดดาลก่อนจะคว้าข้อมือของพาขวัญแล้วพาเธอเดินกลับเข้าไปในร้านทันที
พาขวัญหัวใจจะวายตายเสียให้ได้ หลายอย่างในคืนนี้คือสิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน ศรุตม์โกรธจนหน้าแดงเถือกทั้งที่ปกติแล้วเขาเป็นผู้ชายอารมณ์ดีสุดๆ ไหนจะยังเรื่องที่เขาจูบปั้นแป้งอีกล่ะ โดนตบไปสองฉาดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ สุดท้ายก็ยังเรื่องที่เขาด่าเป็นหนึ่งด้วยคำหยาบคายที่เธอเองก็ไม่คิดว่าจะได้ยินมันกับหู เพราะเขาดูสุภาพในสายตาของเธอมาตลอด ไม่ถึงกับจะคิดว่าเขาพูดคำหยาบไม่เป็นหรอก เพราะในสังคมของเพื่อนก็คงมีบ้าง เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาจะพูดมันกับคนที่เพิ่งจะรู้จักกันต่างหาก
“อ้าว หายไปไหนกันมาวะ”
เดินกลับมาถึงโต๊ะเพื่อนของศรุตม์ก็รีบหันมาถาม แต่ศรุตม์กลับไม่พูดไม่จา นั่งลงได้ก็กระดกเหล้าจนหมดไปอีกแก้ว ทิ้งความลำบากใจในการตอบคำถามให้เป็นหน้าที่ของพาขวัญ ซึ่งเพียงแค่เธอยิ้มแห้งก็พอจะทำให้ทุกคนเดาสถานการณ์ได้
“เฮ้อ ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวบนโลกสักหน่อยเว้ย”
ในที่นี้คงไม่ได้มีแค่พาขวัญที่รู้ว่าศรุตม์กำลังเป็นทุกข์ใจเรื่องอะไร แต่น่าจะมีแค่เธอที่ดูกังวลมากที่สุดเพราะจนถึงตอนนี้ ศรุตม์ก็ยังเอาแต่ดื่ม ไม่พูดไม่จา ไม่ตอบคำถามใดๆ กับใครอีกเลย
ล่วงเลยเวลาไปจนเกือบจะเที่ยงคืนทุกคนจึงตกลงแยกย้ายกันกลับ โชคดีที่ได้เพื่อนๆ ของศรุตม์ช่วยกันแบกร่างไร้สติแต่ยังมีน้ำหนักมาที่รถที่ตอนนี้พาขวัญต้องสลับตำแหน่งมาทำหน้าที่คนขับแทนเจ้าของรถเสียแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ฝากด้วยนะครับน้องขวัญ”
เพราะคิดว่าเธอทำงานกับเขามานานจึงไม่มีใครถามอะไรมากมาย ประกอบกับที่พาขวัญคิดเอาเองว่าเดี๋ยวแยกย้ายกับคนอื่นๆ ได้เธอจะโทรหายาหยีเพื่อสอบถามเรื่องที่อยู่ของศรุตม์กับศรัณย์ หรือไม่ก็อาจจะแวะไปส่งเขาที่คอนโดของศรัณย์ก่อนแล้วเธอค่อยเรียกแท็กซี่กลับคอนโดของตัวเองก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ตื้ดดด
แต่ไม่ได้เตรียมแผนสำรองเผื่อยาหยีไม่รับโทรศัพท์เอาไว้น่ะสิ!
“หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
จะโทรถามปั้นแป้งที่คิดว่าเธอน่าจะรู้ที่อยู่ของศรุตม์ก็ไม่น่าจะใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไรในเวลาอย่างนี้เสียด้วย สุดท้ายเมื่อไม่รู้ว่าจะโทรหาใคร ไม่รู้ว่าจะพาคนเมาที่ตอนนี้หลับอยู่ที่เบาะหลังไปพักที่ไหน เธอจึงต้องพาเขากลับคอนโดของตัวเอง
“พี่ตาร์คะ”
“เพราะฉันรักเธอไงไอ้แป้ง!”
คนเมาตะโกนใส่หน้าเพราะไม่มีสติ พาขวัญทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ แล้วพยายามแบกคนตัวสูงเข้าไปในลิฟต์ กว่าจะกลับถึงห้องก็เกือบพากันล้มกลางทางอยู่หลายครั้ง ทุลักทุเลแบบที่เธอเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอจะต้องรับบทหญิงแกร่งแบกผู้ชายเมาเพราะอกหักกลับมาพักรักษาใจที่ห้องของตัวเองอย่างนี้
ตุ้บ!
ทิ้งร่างคนตัวโตลงบนที่นอนก่อนที่ตัวเองจะหมดแรง
“ไอ้แป้ง”
“ป่านนี้พี่แป้งหลับฝันดีไปแล้วมั้งคะ”
พาขวัญบ่นกระปอดกระแปดพลางยกเท้าของศรุตม์ขึ้นบนที่นอนทีละข้างๆ เดินย้อนกลับไปเปิดแอร์ ก่อนจะเดินย้อนกลับมาดึงผ้าห่มผืนเล็กห่มให้เขาสักหน่อย เสร็จแล้วจึงยืนกอดอกมองสภาพคนอกหักแล้วถอนหายใจทิ้ง
เห็นแล้วเธอก็นึกจนปัญญาจะช่วย ปัญหาที่เกิดขึ้นจะว่ามันมีอะไรก็เหมือนจะมี แต่หากจะคิดว่าไม่มีอะไรเลยก็ได้อีกเหมือนกัน เพราะหากศรุตม์ไม่วู่วามแล้วทำอะไรล่วงเกินปั้นแป้งอย่างนั้น เรื่องราวมันอาจไม่ลุกลามบานปลายมาขนาดนี้ก็ได้
หมับ!
“ไอ้แป้ง/อื้อออ”
สองตาของพาขวัญเบิกโพลงเมื่อไม่ทันระวังตัวว่าศรุตม์จะมือไว เธอเพียงแค่ตั้งใจจะเอื้ออมือไปแตะที่แก้มของเขาบริเวณที่เห็นว่ามันขึ้นรอยนิ้วชัดเจน แต่ข้อมือข้างนั้นของเธอกลับถูกเขากระชากไปอย่างรวดเร็วจนเธอล้มตัวลงไปทับเขาทั้งตัว หนำซ้ำยังถูกเขารั้งต้นคอเข้าหา ริมฝีปากที่ทาบตามมาในเวลาเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง ริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ถูกเม้มเบาๆ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนควบคุมอะไรไม่ได้อีกเลย ไม่รู้ว่าสติหล่นหายไปตั้งแต่ตอนไหน
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ศรุตม์หยุดไปเอง พาขวัญตัวแข็งทื่อ กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะรีบดันตัวเองขึ้นมามองอีกฝ่ายที่ผล็อยหลับไปดื้อๆ ไม่น่าจะรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นต้นเหตุทำให้หัวใจของดวงเล็กๆ ของเธอที่ไม่เคยหวั่นไหวกับผู้ชายคนไหนเต้นโครมครามขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
“บ้าจริง!” พาขวัญก่นด่าตัวเองพลางยกมือขึ้นมาถูริมฝีปาก ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนเพราะคืนนี้เธอคงต้องเสียสละเตียงให้เขาอย่างไม่มีทางเลือก
ตุ้บ!
“โอ๊ย!”
เพราะความรีบร้อนผสมกับความสับสนและเขินอายทำให้เธอไม่ทันระวัง สะดุดพรมที่พื้นจนล้มลงมา หน้าผากกระแทกกับมุมโต๊ะตัวเล็กข้างเตียงพอดี
แม้แต่การร้องโวยวายเสียงดังก็ยังทำไม่ได้ ต้องกลั้นมันเอาไว้เพราะกลัวว่าคนเมาจะตกใจตื่น
ตั้งสติได้ก็ค่อยๆ ประคองตัวเองขึ้นอย่างระมัดระวัง แอบหันมองไปคนเมาที่ยังคงหลับอยู่เพราะกลัวว่าเขาจะเห็นว่าเธอสะดุดล้มหัวกระแทกมุมโต๊ะ ยื่นมือไปโบกไปมาตรงหน้าเขาอีกครั้งเพื่อเช็กความมั่นใจว่าเขาหลับไปแล้วจริงๆ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ขยับหรือหยีตาใดๆ เธอจึงลอบถอนหายใจออกมา
“ฝันดีค่ะคุณศรัณย์” บอกลาเขาแล้วเดินไปปิดไฟ ก่อนจะพาตัวเองออกมานอนข้างนอกเงียบๆ
ประเมินด้วยสายตาแล้วหากเธอให้เขานอนที่โซฟา ช่วงขาของเขาน่าจะยาวเลยความยาวของโซฟาไปพอสมควร จะให้เขานอนที่พื้นก็ไม่ได้เพราะใจไม่กล้าพอ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ อีกอย่างการนอนที่โซฟาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเธอ เพราะบางครั้งที่เธอนอนดูซีรีส์แล้วเผลอที่โซฟาก็มีอยู่บ่อยๆ
ตุ้บ!
แต่ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านในห้องอีกครั้ง
พาขวัญรีบวิ่งเข้าไปดูเพราะเสียงที่ดังเมื่อครู่มันเหมือนจะเป็นเสียงคนตกเตียง ซึ่งในเวลานี้มันจะเป็นใครไปได้นอกจากศรุตม์
ภาพที่เห็นไม่ได้ต่างจากที่เธอคิดเอาไว้สักเท่าไร ดูจากลักษณะแล้วไม่น่าจะใช่การนอนละเมอตกลงมา แต่เหมือนเป็นการพยายามตะเกียกตะกายลงมาด้วยตัวเองเสียมากกว่า เพียงแต่พอลงมาแล้วดันทรงตัวไม่ไหว
พาขวัญถึงกับยกมือขึ้นมากุมขมับเมื่อพอจะคาดเดาเหตุผลที่เขาพายามจะลงจากเตียงได้ทันที แต่ทำได้แค่เตรียมรับมือ ยังไม่ทันจะได้เตรียมอะไรสักอย่างเขาก็ส่งสัญญาณความพร้อมออกมาด้วยการยกมือขึ้นทาบอก
ไม่นะ เขากำลังจะอ้วกใส่พรมของเธอ!
“อ้วก”
ไม่ทันแล้ว ศรุตม์โก่งคออ้วกเสียงดัง แม้จะหลับตาแต่เสียงที่ได้ยินก็ยืนยันชัดเจนเลยว่าคืนนี้เธอต้องรับบทแม่บ้านทำความสะอาดห้องอย่างแน่นอน กลิ่นคลุ้งขนาดนี้จะนอนไปได้อย่างไร