บทที่ 01 คนแพ้ [3]

2279 คำ
บทที่ 01 คนแพ้ [3] “เฝ้าเขาไว้ให้พี่ที ตกลงกับแป้งเสร็จพี่จะรีบกลับมา” ศรุตม์ก้มหน้าลงไปกระซิบเบาๆ อย่างต้องการจะรู้กันสองคน ทว่าการกระทำของเขากลับอยู่ในสายตาของทุกคนบนโต๊ะอาหารตลอดโดยเฉพาะเป็นหนึ่งที่เฝ้ามองทุกอย่างมาตั้งแต่แรก “ก็ได้ค่ะ อย่านานนะคะ ไม่งั้นขวัญจะลุกไปตาม” “โอ้โห ห่วงพี่หรือห่วงไอ้แป้งครับ” “ไม่น่าไว้ใจทั้งคู่นั่นแหละค่ะ” พาขวัญย้ำเบาๆ ศรุตม์หัวเราะเสียงทุ้มก่อนจะขยิบตาแทนการให้สัญญากับพาขวัญแล้วจึงเดินตามปั้นแป้งออกไป คล้อยหลังศรุตม์พาขวัญจึงได้มีโอกาสสบตากับเป็นหนึ่งอีกครั้ง เธอส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อยแล้วทำทีเป็นนั่งเล่นโทรศัพท์ต่อไปเงียบๆ เพื่อนของศรุตม์ชวนคุยบ้างซึ่งเธอก็พูดคุยกับทุกคนอย่างเป็นกันเองจนกระทั่งเห็นว่าเป็นหนึ่งลุกออกจากโต๊ะไปอีกคน สุดท้ายเธอจึงต้องลุกตามทั้งสามคนออกมาทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเดินไปไหนกับบ้าง หรือว่าไปแอบคุยกันอยู่ที่ไหน “น้องขวัญ” “พี่หนึ่ง ขวัญตกใจหมดเลยค่ะ” หัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่ออยู่ๆ เป็นหนึ่งก็ก้าวเข้ามาขวางทาง “แอบตามมาเหมือนกันล่ะสิ” “ค่ะ กลัวว่าจะเกิดเรื่อง นี่พี่แป้งอยู่ไหนเหรอคะ” “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน” “อ้าว” “พี่ไม่ได้ตามแป้งออกมาสักหน่อย” เป็นหนึ่งบอกยิ้มๆ พาขวัญสบสายตากับเขาเล็กน้อยก่อนจะรีบมองหาปั้นแป้งกับศรุตม์เพราะทั้งคู่หายไปนานจนเธอรู้สึกเป็นกังวล หากมองจากตรงนี้ เลยไปไม่ไกลก็เป็นห้องน้ำแล้ว แต่กลับไม่เห็นใครสักคนยืนอยู่ จะคิดว่าต่างคนต่างเข้าห้องน้ำก็ไม่น่าใช่เพราะเจตนาของศรุตม์คือเดินตามปั้นแป้งออกมาตั้งแต่แรก “ขวัญขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ” หมับ! “เดี๋ยวสิขวัญ” “คะ” พาขวัญหันกลับมาถาม ก่อนจะดึงมือออกจากมือของเป็นหนึ่งในทันที “พี่หนึ่งมีอะไรเหรอคะ” “พี่มีเรื่องจะถามน่ะ” “มันจะมากไปแล้วนะไอ้ตาร์” ไม่ทันที่เป็นหนึ่งจะพูดจบ เสียงของปั้นแป้งก็ดังขึ้น พาขวัญเบิกตาโพลงเมื่อน้ำเสียงของปั้นแป้งที่ได้ยินเมื่อครู่ยืนยันว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้วแน่ๆ เธอไม่รีรอที่จะรีบวิ่งออกไป แล้วก็มาทันเห็นว่าปั้นแป้งกำลังผลักหน้าอกของศรุตม์พอดี “มันมากไปตรงไหน ฉันแค่ถามเฉยๆ ว่าทำไมเธอถึงได้อยู่กับเขาทั้งวัน” “ฉันจะอยู่กับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับนาย” “มันจะไม่เกี่ยวได้ยังไงในเมื่อฉันชอบเธอ” “แต่ฉันไม่ได้ชอบนายไง” คำตอบของปั้นแป้งทำเอาพาขวัญรู้สึกใจหายวาบ และคงไม่ต้องถามถึงความรู้สึกของศรุตม์ เพราะตั้งแต่ที่ปั้นแป้งพูดจบ เขาก็ยืนนิ่งราวกับถูกสตัฟฟ์ “ฉันคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วเสียอีกนะไอ้ตาร์” “แต่ฉันรักเธอไปแล้วนี่ เข้าใจไหมว่ามันรักไปแล้ว เธอจะให้ฉันทำอย่างไร เธอคิดว่าฉันไม่อยากเลิกรักเธอหรือไง” “นั่นมันปัญหาของนาย ไม่เกี่ยวกับฉัน ปล่อยนะไอ้ตาร์ อย่ามายุ่ง” เพียะ! “พี่แป้งอย่าค่ะ” พาขวัญวิ่งออกไปห้าม พยายามจะดึงศรุตม์ออกมาทางหนึ่ง ส่วนเป็นหนึ่งก็รีบดึงปั้นแป้งออกไปอีกทางหนึ่ง ทว่าสายตาของศรุตม์กลับยังเอาแต่จ้องมองมือของปั้นแป้งที่เป็นหนึ่งจับเอาไว้ด้วยความไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม “พี่ตาร์ใจเย็นๆ นะคะ” “น้องขวัญกลับไปรอพี่ในร้านก่อนแล้วกันครับ” “แต่ว่า...” “ยัยขวัญ ขึ้นรถ เรากลับกับพี่เลยก็แล้วกัน เดี๋ยวให้หนึ่งแวะไปส่ง” “แต่ว่า...” พาขวัญได้แต่อึกอัก พูดได้เพียงแต่ว่าๆ เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่คนที่เธอเป็นห่วงทั้งนั้น “เดี๋ยวฉันไปส่งน้องขวัญเอง” “เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะไอ้ตาร์ นายดื่มไปกี่แก้วแล้ว ถ้าจะเมาก็โทรตามคนขับรถมารับด้วยก็แล้วกัน” “เธอเป็นห่วงฉันด้วยหรือไง” “เปล่า แต่ฉันสงสารคนอื่นที่เขาต้องเดือดร้อนเพราะนาย” “พี่แป้งคะ” “ขึ้นรถยัยขวัญ อื้อออ” สถานการณ์ยิ่งวุ่นวายเมื่อศรุตม์เดินตรงเข้าไปหาปั้นแป้งก่อนจะรั้งใบหน้าของเธอเข้าหาตัวแล้วประกบริมฝีปากลงไปในทันที แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาทีแต่ก็ทำให้ปั้นแป้งโกรธจนหน้าแดง ทันทีที่เธอผลักศรุตม์ออกได้สำเร็จ ฝ่ามือเรียวเล็กก็เงื้อขึ้นกลางอากาศก่อนจะสะบัดใส่หน้าศรุตม์สุดแรงไปอีกรอบ เพียะ! “พอค่ะ ถือว่าขวัญขอเถอะนะคะ แยกย้ายกันกลับก็แล้วกัน พี่หนึ่งคะ ฝากพี่แป้งด้วย” “แล้วขวัญล่ะ” “ไม่ต้องเสือก!” ศรุตม์บอกด้วยความเดือดดาลก่อนจะคว้าข้อมือของพาขวัญแล้วพาเธอเดินกลับเข้าไปในร้านทันที พาขวัญหัวใจจะวายตายเสียให้ได้ หลายอย่างในคืนนี้คือสิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน ศรุตม์โกรธจนหน้าแดงเถือกทั้งที่ปกติแล้วเขาเป็นผู้ชายอารมณ์ดีสุดๆ ไหนจะยังเรื่องที่เขาจูบปั้นแป้งอีกล่ะ โดนตบไปสองฉาดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ สุดท้ายก็ยังเรื่องที่เขาด่าเป็นหนึ่งด้วยคำหยาบคายที่เธอเองก็ไม่คิดว่าจะได้ยินมันกับหู เพราะเขาดูสุภาพในสายตาของเธอมาตลอด ไม่ถึงกับจะคิดว่าเขาพูดคำหยาบไม่เป็นหรอก เพราะในสังคมของเพื่อนก็คงมีบ้าง เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาจะพูดมันกับคนที่เพิ่งจะรู้จักกันต่างหาก “อ้าว หายไปไหนกันมาวะ” เดินกลับมาถึงโต๊ะเพื่อนของศรุตม์ก็รีบหันมาถาม แต่ศรุตม์กลับไม่พูดไม่จา นั่งลงได้ก็กระดกเหล้าจนหมดไปอีกแก้ว ทิ้งความลำบากใจในการตอบคำถามให้เป็นหน้าที่ของพาขวัญ ซึ่งเพียงแค่เธอยิ้มแห้งก็พอจะทำให้ทุกคนเดาสถานการณ์ได้ “เฮ้อ ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียวบนโลกสักหน่อยเว้ย” ในที่นี้คงไม่ได้มีแค่พาขวัญที่รู้ว่าศรุตม์กำลังเป็นทุกข์ใจเรื่องอะไร แต่น่าจะมีแค่เธอที่ดูกังวลมากที่สุดเพราะจนถึงตอนนี้ ศรุตม์ก็ยังเอาแต่ดื่ม ไม่พูดไม่จา ไม่ตอบคำถามใดๆ กับใครอีกเลย ล่วงเลยเวลาไปจนเกือบจะเที่ยงคืนทุกคนจึงตกลงแยกย้ายกันกลับ โชคดีที่ได้เพื่อนๆ ของศรุตม์ช่วยกันแบกร่างไร้สติแต่ยังมีน้ำหนักมาที่รถที่ตอนนี้พาขวัญต้องสลับตำแหน่งมาทำหน้าที่คนขับแทนเจ้าของรถเสียแล้ว “ขอบคุณมากนะคะ” “ไม่เป็นไรครับ ฝากด้วยนะครับน้องขวัญ” เพราะคิดว่าเธอทำงานกับเขามานานจึงไม่มีใครถามอะไรมากมาย ประกอบกับที่พาขวัญคิดเอาเองว่าเดี๋ยวแยกย้ายกับคนอื่นๆ ได้เธอจะโทรหายาหยีเพื่อสอบถามเรื่องที่อยู่ของศรุตม์กับศรัณย์ หรือไม่ก็อาจจะแวะไปส่งเขาที่คอนโดของศรัณย์ก่อนแล้วเธอค่อยเรียกแท็กซี่กลับคอนโดของตัวเองก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตื้ดดด แต่ไม่ได้เตรียมแผนสำรองเผื่อยาหยีไม่รับโทรศัพท์เอาไว้น่ะสิ! “หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” จะโทรถามปั้นแป้งที่คิดว่าเธอน่าจะรู้ที่อยู่ของศรุตม์ก็ไม่น่าจะใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไรในเวลาอย่างนี้เสียด้วย สุดท้ายเมื่อไม่รู้ว่าจะโทรหาใคร ไม่รู้ว่าจะพาคนเมาที่ตอนนี้หลับอยู่ที่เบาะหลังไปพักที่ไหน เธอจึงต้องพาเขากลับคอนโดของตัวเอง “พี่ตาร์คะ” “เพราะฉันรักเธอไงไอ้แป้ง!” คนเมาตะโกนใส่หน้าเพราะไม่มีสติ พาขวัญทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ แล้วพยายามแบกคนตัวสูงเข้าไปในลิฟต์ กว่าจะกลับถึงห้องก็เกือบพากันล้มกลางทางอยู่หลายครั้ง ทุลักทุเลแบบที่เธอเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอจะต้องรับบทหญิงแกร่งแบกผู้ชายเมาเพราะอกหักกลับมาพักรักษาใจที่ห้องของตัวเองอย่างนี้ ตุ้บ! ทิ้งร่างคนตัวโตลงบนที่นอนก่อนที่ตัวเองจะหมดแรง “ไอ้แป้ง” “ป่านนี้พี่แป้งหลับฝันดีไปแล้วมั้งคะ” พาขวัญบ่นกระปอดกระแปดพลางยกเท้าของศรุตม์ขึ้นบนที่นอนทีละข้างๆ เดินย้อนกลับไปเปิดแอร์ ก่อนจะเดินย้อนกลับมาดึงผ้าห่มผืนเล็กห่มให้เขาสักหน่อย เสร็จแล้วจึงยืนกอดอกมองสภาพคนอกหักแล้วถอนหายใจทิ้ง เห็นแล้วเธอก็นึกจนปัญญาจะช่วย ปัญหาที่เกิดขึ้นจะว่ามันมีอะไรก็เหมือนจะมี แต่หากจะคิดว่าไม่มีอะไรเลยก็ได้อีกเหมือนกัน เพราะหากศรุตม์ไม่วู่วามแล้วทำอะไรล่วงเกินปั้นแป้งอย่างนั้น เรื่องราวมันอาจไม่ลุกลามบานปลายมาขนาดนี้ก็ได้ หมับ! “ไอ้แป้ง/อื้อออ” สองตาของพาขวัญเบิกโพลงเมื่อไม่ทันระวังตัวว่าศรุตม์จะมือไว เธอเพียงแค่ตั้งใจจะเอื้ออมือไปแตะที่แก้มของเขาบริเวณที่เห็นว่ามันขึ้นรอยนิ้วชัดเจน แต่ข้อมือข้างนั้นของเธอกลับถูกเขากระชากไปอย่างรวดเร็วจนเธอล้มตัวลงไปทับเขาทั้งตัว หนำซ้ำยังถูกเขารั้งต้นคอเข้าหา ริมฝีปากที่ทาบตามมาในเวลาเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง ริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ถูกเม้มเบาๆ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนควบคุมอะไรไม่ได้อีกเลย ไม่รู้ว่าสติหล่นหายไปตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ศรุตม์หยุดไปเอง พาขวัญตัวแข็งทื่อ กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะรีบดันตัวเองขึ้นมามองอีกฝ่ายที่ผล็อยหลับไปดื้อๆ ไม่น่าจะรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นต้นเหตุทำให้หัวใจของดวงเล็กๆ ของเธอที่ไม่เคยหวั่นไหวกับผู้ชายคนไหนเต้นโครมครามขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย “บ้าจริง!” พาขวัญก่นด่าตัวเองพลางยกมือขึ้นมาถูริมฝีปาก ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนเพราะคืนนี้เธอคงต้องเสียสละเตียงให้เขาอย่างไม่มีทางเลือก ตุ้บ! “โอ๊ย!” เพราะความรีบร้อนผสมกับความสับสนและเขินอายทำให้เธอไม่ทันระวัง สะดุดพรมที่พื้นจนล้มลงมา หน้าผากกระแทกกับมุมโต๊ะตัวเล็กข้างเตียงพอดี แม้แต่การร้องโวยวายเสียงดังก็ยังทำไม่ได้ ต้องกลั้นมันเอาไว้เพราะกลัวว่าคนเมาจะตกใจตื่น ตั้งสติได้ก็ค่อยๆ ประคองตัวเองขึ้นอย่างระมัดระวัง แอบหันมองไปคนเมาที่ยังคงหลับอยู่เพราะกลัวว่าเขาจะเห็นว่าเธอสะดุดล้มหัวกระแทกมุมโต๊ะ ยื่นมือไปโบกไปมาตรงหน้าเขาอีกครั้งเพื่อเช็กความมั่นใจว่าเขาหลับไปแล้วจริงๆ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ขยับหรือหยีตาใดๆ เธอจึงลอบถอนหายใจออกมา “ฝันดีค่ะคุณศรัณย์” บอกลาเขาแล้วเดินไปปิดไฟ ก่อนจะพาตัวเองออกมานอนข้างนอกเงียบๆ ประเมินด้วยสายตาแล้วหากเธอให้เขานอนที่โซฟา ช่วงขาของเขาน่าจะยาวเลยความยาวของโซฟาไปพอสมควร จะให้เขานอนที่พื้นก็ไม่ได้เพราะใจไม่กล้าพอ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ อีกอย่างการนอนที่โซฟาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเธอ เพราะบางครั้งที่เธอนอนดูซีรีส์แล้วเผลอที่โซฟาก็มีอยู่บ่อยๆ ตุ้บ! แต่ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านในห้องอีกครั้ง พาขวัญรีบวิ่งเข้าไปดูเพราะเสียงที่ดังเมื่อครู่มันเหมือนจะเป็นเสียงคนตกเตียง ซึ่งในเวลานี้มันจะเป็นใครไปได้นอกจากศรุตม์ ภาพที่เห็นไม่ได้ต่างจากที่เธอคิดเอาไว้สักเท่าไร ดูจากลักษณะแล้วไม่น่าจะใช่การนอนละเมอตกลงมา แต่เหมือนเป็นการพยายามตะเกียกตะกายลงมาด้วยตัวเองเสียมากกว่า เพียงแต่พอลงมาแล้วดันทรงตัวไม่ไหว พาขวัญถึงกับยกมือขึ้นมากุมขมับเมื่อพอจะคาดเดาเหตุผลที่เขาพายามจะลงจากเตียงได้ทันที แต่ทำได้แค่เตรียมรับมือ ยังไม่ทันจะได้เตรียมอะไรสักอย่างเขาก็ส่งสัญญาณความพร้อมออกมาด้วยการยกมือขึ้นทาบอก ไม่นะ เขากำลังจะอ้วกใส่พรมของเธอ! “อ้วก” ไม่ทันแล้ว ศรุตม์โก่งคออ้วกเสียงดัง แม้จะหลับตาแต่เสียงที่ได้ยินก็ยืนยันชัดเจนเลยว่าคืนนี้เธอต้องรับบทแม่บ้านทำความสะอาดห้องอย่างแน่นอน กลิ่นคลุ้งขนาดนี้จะนอนไปได้อย่างไร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม