สายตาเฟิงลี่เห็นพื้นที่ดินไม่ไกลจากโรงหมอมากนักประกาศขาย พื้นที่ขนาดกว้างพอสมควรหลังบ้านติดกับตีนเขาซึ่งอยู่ไกลออกไปเกือบลี้ ราคาน่าจะแพงน่าดูเพราะอยู่ใกล้ความสะดวกหลายอย่าง
นางเห็นเจ้าของที่ดินกำลังคุยกับคนที่มาซื้อคนหนึ่ง ดูเหมือนเขากำลังโดนต่อราคาอย่างหนักจนหน้าถอดสี พื้นที่ตรงนี้ดูเหมือนจะมีขนาดราว20หมู่ และคนที่ต่อราคาก็ตะโกนเสียงดังว่า
“พื้นที่เป็นดินทราย ทำเกษตรอะไรก็ไม่ได้แล้วจะให้ข้าจ่ายเงิน5ตำลึงต่อหมู่งั้นรึ ฝันไปเถอะ!” พูดจบเขาก็ขับเกวียนจากไปทันทีเลย
“โถ่ ข้าลดให้ท่านถึง2ตำลึงไม่ได้จริงๆ คิดก่อนเถอะ ข้าลดให้ท่านหนึ่งตำลึงต่อหมู่ก็ได้” เสียงเจ้าของที่ดินคนนั้นรีบตะโกนตามหลังคนขับเกวียนคนนั้นไป แต่เหมือนเจ้าคนนั้นไม่ได้สนใจเลยสักนิด
เฟิงลี่คิดว่าราคา3ตำลึงต่อหนึ่งหมู่นี่กดราคามากเกินไปจริงๆ พื้นที่แถวนี้แม้ดินไม่อุดมสมบูรณ์ เป็นที่ดินชั้นเลวแต่ก็อยู่ติดถนนใหญ่และด้านหลังยังเป็นตีนเขาอีก สามารถขึ้นเขาล่าสัตว์ได้นอกฤดูเพาะปลูก
นอกจากนี้ห่างไปด้านหลังทางตีนเขาอีกด้านเหมือนจะมีทะเลสาปเล็กๆอยู่ด้วย ตรงนั้นน่าจะเป็นน้ำตกเล็กๆหรือไม่ก็ตาน้ำผุดเป็นแน่ ดังนั้นเรื่องน้ำก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว
การทำการเกษตร แค่มีน้ำก็ถือว่าชนะแล้ว ดังนั้นเฟิงลี่จึงสนใจอย่างมาก แต่ปัญหาคือนางไม่มีเงินเลยนี่สิ! นั่นทำให้นางถอดใจในเวลาอันรวดเร็ว
เอาเถอะ อย่างไรแม้ชวดที่ผืนนี้ไป แต่ก็ยังรอที่ผืนอื่นได้ อย่างที่ผืนถัดไปซึ่งมีทะเลสาปยื่นเข้าไปพอสมควร หรือพื้นที่ชายเขาด้านขวาซึ่งมีลำธารตัดผ่านก็ตามที ล้วนดีทั้งสิ้น
“เสี่ยวลี่เจ้าดูอะไรอยู่หรือ”
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ” เฟิงลี่ยิ้มให้พี่ชาย
เมื่อพวกนางมาถึงเมืองก็ช่วงบ่ายแล้ว โชคดีที่ตลาดยังไม่วาย แต่เฟิงลี่ไม่ค่อยชอบร้านค้าที่บิดาเคยไปส่งของให้เลย ดังนั้นนางจึงพาพี่ชายเดินไปอีกด้านเพื่อสังเกตท่าทีของร้านอื่น
ขณะที่นางเดินๆอยู่ เด็กก็ล้มลงตรงหน้าและเมื่อนางช่วยเหลือเด็กผู้นั้นขึ้นมาและพาเขาไปส่งมารดา นางก็ได้รับแต้มบุญมา1แต้มทันที นั่นทำให้นางแปลกใจมาก
สุดท้ายเฟิงลี่ก็ไม่ได้ลองอะไร เพราะนางต้องรีบไปขายสัตว์ที่จับมาได้ก่อนฟ้ามืด ไม่เช่นนั้นคงหาเกวียนกลับบ้านไม่ได้
ขณะที่เดินสับสนอยู่นั้น เสียงระบบก็เด้งขึ้นมา
[-ภารกิจ- ทำการค้าขายกับเสี่ยวเอ้อร์ที่กำลังลำบาก รางวัลกรงดักสัตว์ระดับE2อัน แต้มบุญ10 ระวังหากภารกิจล้มเหลวจะเสียแต้มบุญ10]
เฟิงลี่มองเห็นภารกิจแล้วเบิกตาโต นางรีบหันไปมองพี่ชายแล้วกระซิบบอกเขาทันทีโดยอ้างว่าท่านเทพสั่งมา ทำให้ทั้งสองรีบมองหาคนที่ดูท่าทางลำบากอยู่ในตอนนี้ทันที
ขณะเดียวกันเสี่ยวเอ้อร์จากร้านจงเหมิน ซึ่งเป็นเหลาอาหารขนาดใหญ่ของเมืองกำลังปวดหัวอย่างหนัก เมื่ออยู่ๆก็มีแขกจากเมืองหลวงมาเยี่ยมเยือนและสั่งเมนูหนูไปมากมาย แต่เพราะพ่อครัวไม่ชำนาญเมนูหนู จึงคำนวนปริมาณหนูที่ต้องใช้ผิด ทำให้พวกเขาเกิดวิกฤติขึ้นมาทันที
“ฉิงชิง เจ้าต้องหาหนูกลับมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นข้าต้องไล่เจ้าออก ข้าไม่อยากทำเช่นนี้เลยแต่แขกเหล่านี้ล้วนเป็นแขกคนสำคัญของเจ้านาย เจ้าต้องทำให้ได้ไม่ว่ายังไง ไม่ว่าจะต้องไปล่าหนูมาเองก็ตามที” คนผู้นี้คือผู้จัดการเหลาอาหารจงเหมิน ฉีชุนเหยา เป็นคนที่เด็ดขาดพูดคำไหนคำนั้น ฉิงชิงจึงหวาดกลัวมาก
ขณะที่เขาเดินสับสนอยู่ในตลาด เขาก็มองเห็นเด็กน้อยที่ช่วยเหลือเด็กน้อยที่ล้มตรงหน้าพวกเขา เขาเพียงสนใจนิสัยใจคอที่ดีงามของพวกเขา แต่ก็รีบละสายตาอย่างรวดเร็วเพราะเขาเองก็ยุ่ง
ฉิงชิงเดินไปถึงท้ายตลาดแต่ก็ไม่พบเห็นหนูสักตัวเดียว อย่าว่าแต่หนูตายเลย หนูเป็นก็ไม่มีเลยสักตัวเดียว เขาเดินกลับร้านด้วยความสิ้นหวังและคิดว่าชีวิตของตนเองจบสิ้นลงแล้ว
แต่อยู่ๆเขาก็ถูกเด็กสองคนขวางหน้า พวกเขามองหน้ากันก่อนจะหันมายิ้มแย้มให้ฉิงชิง เขาจำได้ว่าเด็กสองคนนี้เป็นเด็กดีที่เขาแอบชื่นชมก่อนหน้านี้นี่นา
“พี่ชาย ท่านเป็นเสี่ยวเอ้อร์รึเปล่า? ท่านลำบากอะไรหรือไม่?” คำถามของเด็กทั้งสองแปลกมาก แต่ฉิงชิงก็ไม่คิดอะไรเพราะเขายังสวมเครื่องแบบเสี่ยวเอ้อร์อยู่เลย
“อ้อ ข้ากำลังตามหาวัตถุดิบไปให้พ่อครัวน่ะ พวกเจ้ามีอะไรมาขายรึ?” ต้องบอกว่าเขาโดนชาวบ้านดักเพื่อขายวัตถุดิบบ่อยมาก ดังนั้นเขาจึงคุ้นชินเป็นอย่างดี
“พี่ชาย พวกเรามีกระต่ายตัวหนึ่ง” ฉิงชิงมองไปที่เอวของเด็กผู้ชายมีกระต่ายตัวสีเทาขนาดใหญ่พอตัว แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการทำให้เขาผิดหวังอย่างมาก
“น้องชาย วันนี้ข้าไม่ได้ตามหากระต่าย เอาไว้คราวหน้าเจ้ามาหาข้าที่ร้านจงเหมินสิ แต่คราวนี้ข้าต้องขอโทษจริงๆ” ฉือชิงปฏิเสธอย่างสุภาพ แน่นอนว่าเขาชื่นชอบเด็กมีน้ำใจทั้งสองคน เขาจึงคิดช่วยเหลือพวกเขาเล็กน้อยด้วยการรับซื้อวัตถุดิบจากพวกเขา แต่ต้องเป็นวันอื่นนั่นล่ะนะ
“พี่ชาย ร้านจงเหมินของท่านใหญ่โต ท่านต้องการซื้อหนูของพวกเราหรือไม่”
“น้องสาวร้านจงเหมินของพวกเราใหญ่โต แต่ไม่สามารถซื้อวัตถุดิบไปตุนมากๆได้หรอก กระต่ายตัวนี้ก็ตายมาแล้วไม่ใช่ของสด ดังนั้น...หืม?” ฉิงชิงชะงัก ก่อนจะพยายามนึกว่าตนเองพลาดอะไรไป
“น่าเสียดาย หนูของข้ายังเป็นๆอยู่เลย แต่ถ้าพี่ชายจะซื้อวันพรุ่งนี้พวกเราก็จะยอมสละเวลามาในวันพรุ่งนี้แล้วกัน กลับบ้านกันเถอะพี่ใหญ่” เฟิงลี่คิดว่าเสี่ยวเอ้อร์คนนี้เป็นคนดี และนางต้องการทำธุรกิจกับคนเช่นนี้ ดังนั้นนางจึงตั้งใจจะรอให้ถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยนำมาขายให้เขาแทน อาจจะต้องมาเช้าๆกว่านี้
“น้องสาวเจ้าบอกว่าเจ้ามีหนูตัวเป็นๆงั้นหรือ เอา! ข้าเอาทั้งหมดที่เจ้ามี เจ้ามีมากเพียงใด”
“พี่ชายข้ามีเพียงสามตัวเท่านั้น” เฟิงลี่แปลกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไป แต่ก็คิดได้ว่าหนูเป็นที่ต้องการมาก ดังนั้นร้านใหญ่ร้านดังเช่นร้านจงเหมินน่าจะต้องการมากเช่นกัน ดังนั้นจึงเปลี่ยนท่าทีผิดจากตอนแรกที่พวกเขาเสนอขายกระต่าย
“เหรอ...น่าเสียดาย แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย เอาล่ะ ข้าจะซื้อกระต่ายของพวกเจ้าด้วยแล้วกัน ราคาตลาดของหนูเป็นจะอยู่ที่ขนาด ตามข้ามาสิ ข้าจะชั่งหนูของพวกเจ้า” ฉิงชิงเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
เฟิงลี่และซ่งเฟิงเดินตามเสี่ยวเอ้อร์ร้านจงเหมินไป พวกเขารู้สึกทึ่งมากที่ตนเองสามารถขายวัตถุดิบให้ร้านจงเหมินได้ ต้องเข้าใจก่อนว่าร้านจงเหมินเป็นเหลาอาหารขนาดใหญ่ แถมชื่อเสียงของตระกูลจงยังโด่งดังมาก
ชาติแรกของนางเฟิงลี่ได้ยินชื่อเสียงของตระกูลจง พวกเขาดังมากในเมืองหลวงเปิดร้านเกี่ยวกับอาหารหลายอย่าง และไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้
แปลว่านางอยู่ในแคว้นต้าจงสินะ ความจริงเฟิงลี่ก็พอจะรู้ตั้งแต่ตอนที่เจอกับคู่หมั้นเก่าแล้ว แต่นางก็ไม่คิดจะยืนยันด้วยการถามคนอื่น เพราะตัวนางไม่สนใจว่าตัวเองจะอยู่ที่ใด ขอเพียงนางทำภารกิจได้เรื่อยๆ และทำให้ชีวิตตัวเอง ดี~ ก็เพียงพอแล้ว
“เอาล่ะ ข้าจะนำวัตถุดิบไปชั่งก่อน พวกเจ้ารอสักครู่” ฉิงชิงเดินเข้าหลังร้านอย่างอารมณ์ดี รับตะกร้าใส่หนูและกระต่ายมา ก่อนจะเดินหายเข้าไปในหลังร้าน
ไม่นานเขาก็เดินออกมาพร้อมกับถุงเงินผ้าเนื้อธรรมดาถุงหนึ่ง พร้อมกับใบหน้ายิ้มแป้น เพราะเขาโดนผู้จัดการชม แม้หนูจะจำนวนน้อย แต่ก็แก้ขัดได้พอดี ทำให้แขกพิเศษพึงพอใจมาก
“แม่หนูน้อย ถ้าพวกเจ้ามีหนูอีกก็นำมาขายที่ร้านเราได้ จำนวนไม่จำกัดเลยนะ” ฉิงชิงย้ำครั้งสุดท้าย ก่อนจะบอกลาเด็กทั้งสอง
เมื่อออกมาจากร้านเฟิงลี่ก็ยังอึ้งไม่หาย นางไม่คิดว่าราคาหนูจะแพงขนาดนี้ หนูหนึ่งตัวถ้าเป็นตัวขนาดไม่เกิน4เหลียง(50กรัมต่อ1เหลียง)จะมีราคาตัวละ5ตำลึง หากมีขนาดตัวเกิน4เหลียงแต่ไม่ถึง1จิน จะมีราคาตัวละ8ตำลึง และถ้าขนาดตัวเกิน1จิน ราคาจะเพิ่มขึ้น2ตำลึงทุกๆ2เหลียง
หนูที่พวกนางนำมามีขนาด1จิน2เหลียงตัวหนึ่ง 1จินตัวหนึ่ง และ1จิน6เหลียงตัวหนึ่ง จึงได้เงินจากหนูมาทั้งสิ้น23ตำลึงกับอีก100อีแปะค่ากระต่าย
เฟิงลี่ดีใจอย่างมาก นางแวะซื้อข้าวแดงไปเพิ่มหนึ่งชั่ง แล้วจึงกลับบ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านนางก็เริ่มคิดว่าจะนำหนูไปขายเพิ่ม หรือจะเลี้ยงเองดีหรือไม่ คิดไปคิดมา ธุรกิจนี้ก็ดีอย่างมากนางควรจับก่อนในช่วงนี้แล้วค่อยทำอย่างอื่นต่อไป
เลี้ยงหนูงั้นหรือ? ไม่หรอกนางจะสั่งต้าฟางจับหนูให้เกลี้ยงเลย ฮ่าๆๆๆ