เมื่อเดินเข้ามาในห้อง ฉิงชิงชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มคุยจ้อเหมือนเดิม เพราะคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือบุตรหรือไม่ก็บุตรหลานของผู้จัดการ
“ผู้จัดการ นี่คือถั่วงอก มันมีสีขาวน้ำนม กินสดก็ได้ ลวกก็ได้ ผัดต้มก็ได้ เหมือนผักทั่วไปเลยขอรับ เห็นบอกว่าเป็นต้นอ่อนของถั่วเขียว น่าจะใช้เวลาเพาะไม่นาน แต่เพราะรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ทำให้มันมีมูลค่ามากกว่าถั่วเขียวกวนทั่วไป”
ในยุคสมัยนี้ ถั่วเขียวต้ม ถั่วเขียวกวน คนกินกันจนเบื่อ แต่ถั่วเขียวก็เป็นที่นิยมเพราะสามารถนำมาทำขนมได้ ดังนั้นคนจึงปลูกกันมากเพราะให้ผลผลิตเยอะกำไรดี
แต่พอปลูกกันมากราคาก็ตกลงสุดท้ายราคาจึงลดลงจนอยู่ตัวในที่สุด เมล็ดถั่ว1ชั่งมีราคาไม่กี่สิบอีแปะเท่านั้น เทียบไม่ได้แม้กระทั่งข้าวโพดด้วยซ้ำ
“ถั่วเขียวงั้นหรือ?” จงอี้หยวนเอ่ยอย่างแปลกใจปนสนใจ เขาจดจ้องถั่วงอกในจาน ราวกับว่านั่นคือเหยื่อของตน
“ขอรับคุณชายน้อย ในจานนี้คือถั่วงอก ต้นอ่อนของถั่วเขียว” ฉิงชิงเอ่ยอย่างสุภาพนอบน้อมไม่ต่างจากเดิม
“อืม...” จงอี้หยวนไม่รออีกต่อไป เขาหยิบตะเกียบที่มีอยู่คู่เดียวเพราะฉิงชิงเตรียมมาให้ผู้จัดการผู้เดียว ก่อนจะคีบถั่วงอกเข้าปาก เขาส่งเสียงในลำคออย่างพึงพอใจ หลับตาน้อยๆเพื่อลิ้มรสถึงที่สุด
“นี่มันดีมาก” จงอี้หยวนเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ข้าจะไปเอาตะเกียบมาเพิ่ม”ฉิงชิงหายตกใจในการเสียมารยาท ของคนที่เขาเข้าใจว่าเป็นลูกหรือหลานของผู้จัดการ ก็รีบเอ่ยขึ้นมา
“ไม่เป็นไร” ผู้จัดการฉีรีบห้าม ก่อนจะหยิบตะเกียบใต้โต๊ะตนออกมา แล้วเดินมาร่วมวงกับคุณชายด้วย แต่ก่อนที่เขาจะได้คีบอาหาร ตะเกียบของคุณชายก็มาปัดตะเกียบเขาจนหลุดมือ
“คุณชายใหญ่...ทำเช่นนี้แล้วกระผมจะชิมยังไงเล่าขอรับ” ผู้จัดการเอ่ยอย่างจนใจ ส่วนฉิงชิงตัวแข็งค้างไปแล้วเพราะอึ้งในความเสียมารยาทของคุณชายผู้นั้น
“ไปบอกพ่อครัวทำมาเพิ่มสิ หมดนี่ไม่พอให้ข้ายาไส้ด้วยซ้ำ” จงอี้หยวนพูดอย่างดุร้าย แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประปราย
“เรียนคุณชาย ถั่วงอกมีเท่านี้ขอรับ” ฉิงชิงอ้อมแอ้มตอบ พอเขามาคิดดีดี ‘คุณชายใหญ่’ ที่ขนาดผู้จัดการร้านยังต้องยอมลงให้และสุภาพด้วย น่าจะเป็นคนที่เขาคิด
นี่มันโชคของสองพี่น้องนั่นแท้ๆ ดูเหมือนคุณชายใหญ่จะชอบถั่วงอกมาก เขาได้แต่ดีใจแทนทั้งคู่
“หมดแล้ว?” จงอี้หยวนขมวดคิ้วมุ่น
“ขะ...ขอรับ แต่ว่า...เด็กที่นำมาบอกว่าต้องการขายวิธีทำขอรับ”
“โอ้ เป็นคนตระกูลใด ฉลาดไม่เบา” จงอี้หยวนยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกาย รู้สึกสนใจเด็กที่ว่าขึ้นมา
“เป็นเด็กชาวบ้านธรรมดาขอรับ เห็นผู้เป็นพี่ชายบอกว่าน้องสาวของเขาเป็นคนคิดทำขึ้นมาเอง และที่บ้านเขาก็กินกันเป็นประจำ” ฉิงชิงรายงาน
“ไปเชิญพวกเขามาที่นี่” ผู้จัดการที่เข้าใจเจตนาของเจ้านาย รีบเอ่ยปากบอกฉิงชิงทันที
เสี่ยวเอ้อร์ตัวน้อยๆเดินตัวสั่นไปห้องที่ห่างออกไปไม่มากและเชิญเด็กทั้งสองมาในทันที
เฟิงลี่มีรอยยิ้มน้อยๆ นางเดินตามฉิงชิงมาอย่างสงบและสุภาพ ขณะที่ซ่งเฟิงประหม่าเล็กน้อย เมื่อเดินเข้ามาในห้องทั้งสองก็ถูกผู้จัดการและจงอี้หยวนจ้องตาไม่กระพริบ
“เอาล่ะ คุณหนู เจ้าจะขายสูตรทำถั่วงอกเท่าใด” จงอี้หยวนเปิดปากในทันที
เฟิงลี่มองผู้จัดการที่ยืนอยู่เบื้องหลังเด็กหนุ่ม และมองไปที่เด็กหนุ่มก่อนจะมองจานอาหารที่พล่องไปส่วนใหญ่แล้ว จึงมีรอยยิ้มประดับใบหน้าขึ้นมา
“ถั่วงอกนี้ใช้เวลาทำแค่3-5วันแล้วแต่สภาพอากาศ วิธีทำก็ไม่ยาก ท่านยอมจ่ายจริงๆหรือเจ้าคะ” เฟิงลี่ยิ้มน้อยๆ คนในโลกนี้ไม่รู้จักถั่วงอกกันจริงๆ เพราะวิถีความเป็นอยู่ยังล้าสมัยอยู่มาก
แถมคนในโลกนี้ยังนิยมปลูกถั่วเขียวกันมาก เพราะพวกเขาใช้ถั่วเขียวในการทำขนมหวาน ดังนั้นถั่วเขียวจึงไม่ค่อยมีราคา
ในชาติแรกของนางเคยได้ยินว่า ตระกูลจงมีพื้นที่มาก และมีพื้นที่ที่ปลูกถั่วเขียวเพื่อส่งไปร้านขนมของตระกูลจงด้วย ดังนั้นหากพวกเขาสร้างมูลค่าเพิ่มได้ มีหรือจะไม่เอา
คนผู้นี้คงเป็นคุณชายน้อยตระกูลจงกระมัง ดูจากที่เสี่ยวเอ้อร์และผู้จัดการร้านให้เขาออกหน้าเจรจาธุรกิจ
“ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสิทธิ์ของคุณหนู ถ้าให้เลือกระหว่างทดลองทำด้วยตนเองกับซื้อวิธีทำจากคุณหนู ข้าขอเลือกซื้อดีกว่าเพราะข้าไม่ค่อยมีเวลา”
มันไม่ใช่แค่นั้น ในบ้านตระกูลจงจะมีการทดสอบอยู่ทุกๆปี เหล่าคุณหนูคุณชายจะถูกทดสอบและจงอี้หยวนเคยโดนบททดสอบที่ต้องปลูกถั่วเขียวจนออกผลหนึ่งแปลง แต่เขาจำได้ว่าต้นอ่อนถั่วเขียวไม่ได้เป็นสีขาวเช่นนี้...นี่ต้องใช้วิธีพิเศษแน่นอน
“100ตำลึง” ทันทีที่เฟิงลี่เอ่ยปาก ซ่งเฟิงก็กระตุกชายแขนเสื้อนาง
“เสี่ยวลี่” ซ่งเฟิงเอ่ยปรามน้องสาว ก่อนจะมองคนในห้องอย่างระแวดระวัง
“ได้! ตกลง!”จงอี้หยวนตอบตกลงอย่างผิดคาด กระทั่งผู้จัดการฉียังต้องปาดเหงื่ออย่างเสียดายเงิน แต่เขารู้ดีว่านายน้อยน่าจะมองเห็นโอกาสบางอย่าง ถึงได้ตกลงซื้อสูตรในราคาแพงเช่นนี้
หากถามว่าแพงหรือไม่ ต้องบอกว่าราคาถูกกว่าสูตรอาหารทั่วไปด้วยซ้ำ แต่หากคิดว่าเป็นเพียงความคิดของเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ราคาร้อยตำลึงคือแพงมาก
“ก่อนอื่นข้าขอพูดก่อน ระยะเวลา3วันและ5วันนั้นดูไม่แตกต่างกันมาก แต่กับพืชแล้วแตกต่างมาก ถ้าต้องการให้มันงดงามเทียบเท่ากันจะทำได้หรือไม่?” จงอี้หยวนเริ่มเอ่ยคำถามของตนขึ้นมาทันที
“ได้แน่นอนเจ้าค่ะ” เฟิงลี่ยิ้มหวาน ก่อนจะเริ่มถ่ายทอดวิธีทำถั่วงอกหลังจากรับตั๋วเงินมาแล้ว แน่นอนว่านางบอกวิธีเลี้ยงในภาชนะที่เหมาะสมให้ด้วย พวกเขาจะได้ควบคุมขนาดมันให้เท่ากันได้
เจ้าถั่วงอกตัวน้อยให้รางวัลเฟิงลี่อย่างงดงาม นางพอใจกับผลประกอบการวันนี้อย่างมาก จึงเดินซื้อพับผ้ากลับไปฝากมารดาสองพับ เพื่อให้มารดาตัดเสื้อใหม่ให้คนในครอบครัว
มีเงินแล้วก็ต้องใช้หน่อย ไม่เช่นนั้นจะมีไปเพื่ออะไรเล่า ลำพังเงินที่ขายผักก็ได้มาสามตำลึงกว่าๆ นางจึงใช้เงินส่วนนี้ก็ได้ผ้าเนื้อธรรมดามาสองพับแล้ว
นอกจากนี้ทางฉิงชิง เมื่อได้ยินว่าพวกนางยังมีผักอีกก็บอกว่าจะส่งรถเกวียนไปรับด้วยตนเอง ขอเพียงพวกนางฝากคนมาบอก
แน่นอนว่าเฟิงลี่จะต้องไปบอกด้วยตนเอง แต่อย่างนี้พวกนางก็ไม่ต้องแบกผักให้หนักกายอีกแล้ว