‘ระบบ ตอนนี้เป็นช่วงไหนแล้ว’
[ตอบโฮสต์ วันที่สามเดือนสอง เป็นต้นใบไม้ผลิ ของรัชศกเจิ้นจงที่6]
‘ปีเดียว...ไม่สิ ไม่ถึงปีสินะ’ นับตั้งแต่ตัวนางในโลกนี้ถูกฆ่า ก็เป็นเวลาไม่ถึงปีที่นางไปอาศัยอยู่ในอีกโลกหนึ่ง และกลับมาโลกนี้อีกครั้งในร่างของเฟิงลี่สินะ
หญิงสาวหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน เหนื่อยล้าที่หัวใจ ซึ่งหนักหน่วงและอึดอัดไปหมด นางไม่อาจระบายความรู้สึกนี้กับใครได้ ไม่อาจบอกพ่อแม่ของเฟิงลี่ตัวจริงได้ว่า ลูกสาวของพวกเขาตายไปแล้ว และนางเป็นเพียงผู้มาอาศัยร่างนี้
ขณะเดียวกัน นางก็ไม่อาจฝืนลืมความทรงจำในอดีตได้ มันยังติดค้างอยู่ในความทรงจำเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน นางยังไม่ลืมใบหน้าของคนทุกคนในสองภพก่อนหน้า...ขณะเดียวกัน นางกลับเริ่มรับความรู้สึกของครอบครัวของเฟิงลี่เข้ามาอย่างเห็นแก่ตัว
“ลี่เอ๋อร์ หลับแล้วหรือลูก” เสียงกระซิบเบาๆ ทำให้เฟิงลี่ลืมตาขึ้น พอมองเห็นดวงตาอาทรของมารดา น้ำตาของนางก็เอ่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จนต้องกระพริบตาปริบๆบังคับไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
ชาติแรกนางก็มีมารดา มารดาที่รักนางมาก ดูแลนางอย่างดีไม่ต่างกัน
“นี่เข็มเงินที่ลูกต้องการ นี่ถังน้ำสะอาดและผ้า แม่จะไปยืมเทียนจากบ้านข้างๆมาก่อน แต่บ้านเราไม่มีเทียนแล้วก็ตะเกียงน้ำมันด้วย รอสักพักนะลูกรัก” พูดจบนางตี้จิงหรุยก็เดินออกไปทันที
ร่างผอมบางของมารดา ทำให้เฟิงลี่รู้สึกเศร้าใจ แต่ก็รีบตัดใจและเรียกระบบทันที
‘ระบบ ทำยังไงถึงจะนำน้ำวิเศษออกมาได้’
[โฮสต์แค่ต้องคิดว่าจะนำน้ำวิเศษออกมาจากช่องเก็บของผ่านมือข้างไหนข้างหนึ่ง ให้คิดว่าโฮสต์หยิบของออกมา นั่นจะทำให้โฮสต์ถือของที่ออกมาจากช่องเก็บของได้ ขณะเดียวกันวิธีนำของเข้าระบบเก็บของก็ใช้วิธีเดียวกัน แค่โฮสต์คิดนำของที่ถือเข้าไปในระบบก็พอ]
[แน่นอนว่าเมื่อโฮสต์มีแแต้มบุญมากๆและซื้อระบบช่วยเหลือบางอย่าง ต่อไปโฮสต์จะสามารถนำของที่อยู่ในระยะรอบๆกายเข้าช่องเก็บของโดยไม่ต้องแตะต้องได้]
‘แต่ตอนนี้ต้องนึกว่าเอาออกมาแล้วอยู่ในมือก่อนสินะ’ ว่าแล้วเฟิงลี่ก็เรียกน้ำวิเศษออกมาทันที ก่อนจะชะงักไป
-น้ำวิเศษ: มีฤทธิ์เป็นยาวิเศษเมื่อดื่มกิน ทำความสะอาด แช่อาหารจะกลายเป็นของวิเศษ ผสมกับน้ำธรรมดารดพืชผัก พืชผักจะเติบโตได้เร็วไม่มีสัตว์และแมลงรบกวนทนทานต่อทุกสภาพอากาศและเพิ่มผลผลิต ให้สัตว์ดื่มสัตว์จะมีความเชื่องมากขึ้นและเติบโตได้เร็ว
เมื่อเห็นข้อความนี้นางก็ต้องแปลกใจ ก่อนจะหันไปมองในช่องเก็บของแล้วจ้องมองไปยังคอนแทคเลนส์ตรวจสอบระดับE
-คอนแทคเลนส์ตรวจสอบระดับE: ใช้สวมใส่ไม่ระคายเคืองเป็นแบบถาวรสามารถอัพเกรดได้ จะสามารถตรวจสอบสถานะทั่วๆไปของสิ่งของที่มองเห็นได้ ระดับE สามารถตรวจสอบได้แค่สิ่งของทั่วไป บอกรายละเอียดแค่พื้นฐาน
เห็นอย่างนั้นเฟิงลี่ก็ยิ้มขึ้นมาทันที นางรีบนำคอนแทคเลนส์ออกมาสวม ซึ่งนางเคยสวมคอนแทคเลนส์มาบ้างเลยสามารถใช้ได้ง่ายๆ แต่ที่น่าแปลกคือคอนแทคเลนส์เหมือนกลืนหายไปกับตาเลย
เมื่อสวมแล้วเธอสามารถมองเห็นรายละเอียดรอบด้านได้จริงๆ
[โต๊ะไม้ธรรมดา:ทำจากไม้เฟิง มีความชื้นเล็กน้อย ขาไม่เท่ากัน] เมื่อมองไปที่โต๊ะไม้ก็จะเห็นเป็นอย่างนี้
[หลังคามุงหญ้าฟาง: ทำจากฟางเมื่อฤดูกาลเก็บเกี่ยวสองปีที่แล้วถักทออย่างแน่นหนาพอสมควร มีสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่] เฟิงลี่ขนลุกทันทีเมื่อมองเห็นคำอธิบายของหลังคา
[โฮสต์สามารถตั้งค่าให้ใช้การเพ่งจิตสนใจเพื่อดูข้อมูลได้ เพียงแค่คิด]เสียงเสี่ยวเฉินเหมือนมาช่วยเหลือนางจริงๆ เฟิงลี่รีบคิดตามและก็ได้ผล เธอสามารถมองรอบด้านได้ปกติแล้ว
“เฮ่อ! ตกใจหมด” คนไม่ชินเทคโนโลยีขั้นสูงถอนหายใจออกมา ก่อนจะรีบเทถังน้ำเล็กๆในมือใส่ถังใหญ่ที่มารดาเตรียมมาทันที แน่นอนว่านางแอบจิบน้ำวิเศษแบบเพียวๆ ทำให้หายใจได้ดีขึ้น และไม่รู้สึกเหนื่อยหอบมากเท่าเมื่อครู่แล้ว
“เป็นของดีจริงๆนะ ในร้านค้าระบบก็ราคาแค่1แต้ม ต่อ1ลิตรเอง”
[น้ำวิเศษเป็นของใช้ประจำวันที่ทางระบบเตรียมไว้ให้โฮสต์อยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีราคาไม่แพง เนื่องจากโฮสต์ต้องทำงานหนักจึงต้องรักษาสุขภาพโฮสต์ให้ดี]
เฟิงลี่ยิ้มแหยกับคำพูดของเสี่ยวเฉิน นางรีบเก็บถังน้ำวิเศษที่เหลือเข้าช่องเก็บของทันที พอดีกับที่มารดากลับมา
“ลี่เอ๋อร์ ลุกขึ้นทำไมลูก เจ้านอนลงเถอะ แม่ทำเองได้” มารดารีบปรี่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ในมือมีเทียนไขเล่มเล็กๆซึ่งแทบจะหมดอยู่แล้ว น้ำตาเทียนกองกันจนเป็นขนาดใหญ่ตรงฐาน และไส้เทียนก็โผล่พ้นฐานที่ว่าขึ้นมาเล็กน้อย
“ท่านแม่ นั่งลงเถอะ แล้วก็จุดเทียน ลูกจะช่วยเจาะเอาหนองออกมาให้ท่าน ต่อไปถ้าท่านโดนเข็มทิ่ม ท่านต้องบีบเลือดเสียออกมาก่อนทุกครั้งนะเจ้าคะท่านแม่ ไม่เช่นนั้นหากท่านปล่อยเอาไว้ อาจจะต้องตัดมือทิ้งเลยนะเจ้าคะ”
เฟิงลี่ที่เสียงดีขึ้นมากโข รีบเอ่ยปรามมารดาของนางในชาตินี้ทันที
“แม่เข้าใจแล้ว แม่จะระวังนะ”มารดารีบเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ เฟิงลี่มองอาการนั้นอย่างขบขัน ก่อนจะเริ่มลงมือ
“อ๊ะ” เมื่อนางจิ้มเข็มลงไปก็รีบบีบหนองออกมาจนเลือดสีดำไหลตามออกมาจนหมด จากนั้นก็หยิบผ้าสะอาดชุบน้ำผสมน้ำวิเศษมาเช็ด จากนั้นก็ทำอีกหลายๆครั้ง กระทั่งหมดทุกจุดที่บวมแดง
“เอาล่ะท่านแม่ นอกจากนี้เวลาที่เป็นแผลเล็กๆ ท่านต้องรีบล้างแผลให้สะอาดและพันแผลเอาไว้ ไม่งั้นแมลงหวี่จะมาตอมจนแผลเน่าเข้าใจมั้ยเจ้าคะ”
“แม่ไม่ได้เป็นแผลเสียหน่อย” มารดาเอียงคออย่างสงสัย
“แผลของท่านพ่อต่างหาก ท่านพ่อได้แผลมา ก็ต้องให้ท่านแม่ช่วยดูแลให้ เหมือนที่ข้าดูแลมือของท่านไงเจ้าคะ” เฟิงลี่เอ่ยยิ้มๆ
“จริงหรือ? พ่อเจ้าได้รับบาดเจ็บเมื่อใด แม่ไม่เห็นรู้” ตี้จิงหรุยเอ่ยอย่างแปลกใจ
“ข้าได้กลิ่นเหม็นคาวเลือด คาดว่าท่านพ่อน่าจะบาดเจ็บเล็กน้อยเมื่อวาน ปกติแล้วพวกสมุนไพรล้ำค่ามักมีสัตว์ร้ายดูแล การที่ท่านพ่อไล่สัตว์ร้ายไปแล้วนำโสมกลับมา น่าจะได้รับบาดเจ็บมาไม่มากก็น้อย”
“ต่อไปแม่จะคอยดูพ่อเจ้า จะไม่ปล่อยให้พ่อเจ้าต้องได้ตัดแขนตัดขาเพราะแผลเล็กน้อยเด็ดขาด”
“ดีเจ้าค่ะ ท่านแม่...เมื่อข้าหายดีแล้วข้าจะรีบทำยาสมานแผล และยาห้ามเลือดไว้ให้พวกท่านใช้นะเจ้าคะ จะได้รักษาแผลได้ง่ายๆ” เฟิงลี่เอ่ยอย่างใจดี
ความจริงนางเคยทำยาสมานแผลเมื่อชาติแรก เพราะคู่หมั้นชั่วร้ายของนางเป็นบุตรทหาร นางจึงเป็นห่วงเขาและได้ไปร่ำเรียนทำยาสมานแผล และยาห้ามเลือดง่ายๆ เพื่อทำเป็นของขวัญให้เขา ต้องขอบคุณความกระตือรือร้นครั้งนั้นที่ทำให้นางมีความรู้นี้
“ยาพวกนั้น ไม่ใช่ว่าแพงเป็นตำลึงเลยหรอกหรือ บ้านเราไม่มีเงินพอซื้อสมุนไพรพวกนั้นมาทำยาพวกนั้นหรอกนะลูก ท่านน้าเล็กของเจ้ากำลังเตรียมสอบระดับภาค ดังนั้น...” ตี้จิงหรุยมีสีหน้าปูเลี่ยน ทำหน้าไม่ถูก ทั้งเอ็นดูบุตรสาวที่ตั้งใจทำยาให้บิดามารดา ทั้งรู้สึกผิดหากจะแบ่งเงินไปทำอะไรพวกนั้น
“ท่านแม่ เราแยกบ้านออกมาแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ” เฟิงลี่เอ่ยถาม เอียงคออย่างสงสัย
“เฮ่อ! ลี่เอ๋อร์เอ้ย ถึงอย่างไรเราก็ต้องช่วยเหลือญาติพี่น้อง...ซ้ำร้ายหากไม่ยอมมอบสิ่งที่ท่านยายเจ้าต้องการให้นาง พวกเราจะไร้ที่ซุกหัวนอนเสียก่อนจะได้เห็นพวกเจ้าเติบโตมีครอบครัว ระเหเร่ร่อนอยู่ข้างถนน ความลำบากของการไม่มีบ้านนั้นหนักหนา พ่อและแม่ไม่อาจเสี่ยงได้...ทั้งหมดนี้พ่อเจ้าก็ทำเพื่อเจ้าทั้งนั้น”
เฟิงลี่ได้ฟังแล้วก็รู้สึกอึดอัด จึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก เพียงยิ้มนิดๆและปล่อยให้มารดาลูบหัวและสั่งสอนนางเรื่องความกตัญญูต่อไป
แน่นอนว่านางแทบเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพราะตอนนี้นางกำลังสนใจกดรับรางวัลภารกิจแรกที่จบสิ้นไปแล้ว
[-ภารกิจ- สอนปฐมพยาบาลอย่างถูกวิธีแก่นางตี้จิงหรุย รางวัล เข็มปักผ้ารุ่นทันสมัยระดับE(อัพเกรดได้) ตำราเรียนรู้ลายปักผ้า แต้มบุญ1 (สำเร็จ)]
[ท่านได้รับ เข็มปักผ้ารุ่นทันสมัยระดับE(อัพเกรดได้) ตำราเรียนรู้ลายปักผ้า แต้มบุญ1]
เฟิงลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเรียกช่องเก็บของออกมา ในนั้นมีเข็มปักผ้ารุ่นทันสมัยระดับEซึ่งสามารถปักผ้าได้รวดเร็วขึ้น50% สามารถปักผ้าได้งดงามขึ้น50% และลายปักที่ออกมาจะมีแรงดึงดูดมากขึ้น20%
เฟิงลี่ยังจำได้ ในชาติแรกของนาง มีศิลปินมากมายกำเนิดขึ้นบนแผ่นดินเนื่องจากชายแดนค่อนข้างสงบสุข บ้านเมืองจึงรุ่งเรืองไปในทางอื่น
รวมถึงหญิงผู้หนึ่งซึ่งกลายเป็นตำนานของหญิงสาวและเป็นตัวอย่างของหญิงผู้อื่นในแผ่นดิน หญิงผู้นั้นมีชื่อว่าเตียนซิ่น เป็นหญิงสาวที่สามารถตัดเสื้อผ้าได้งดงามอย่างยิ่ง
ชุดของเตียนซิ่นนั้นหายากอย่างมาก นางถูกยกย่องให้เป็นหญิงฝีมืองามอันดับหนึ่ง และมีรายได้อย่างล้นหลามจากการขายเสื้อผ้า รวมถึงเครื่องประดับที่นางออกแบบเอง
หากว่า...เฟิงลี่มองไปทางตำราเรียนรู้ลายปักผ้า ก่อนจะอ่านข้อมูลของมัน ตำรานี้เป็นตำราเหมือนกับตำราเรียนรู้การปฐมพยาบาลที่นางเรียนเมื่อครู่ แต่ที่ต่างคือ มันเป็นตำราจริงๆเลยที่จับต้องได้
เฟิงลี่รู้ว่าอะไรที่แตกต่าง สิ่งที่แตกต่างคือ มันไม่ใช่(เครื่องมือ) อย่างที่ตำราปฐมพยาบาลวงเล็บไว้ นางเลยแอบเอาออกมาไว้ข้างกาย จากนั้นค่อยหาโอกาสมอบให้มารดา พร้อมกับเข็มปักผ้าก็ย่อมได้
หากถามว่าทำไมนางถึงไม่ทำเอง เพราะเฟิงลี่ปักผ้าเก่งอยู่แล้ว พูดไปแล้วก็เขิน เพราะมารดาชาติแรกของนางเป็นยอดหญิงงามแห่งยุค ท่านแม่จึงสอนศิลปะต่างๆให้นางจนครบ
“เอาล่ะ นี่ก็เกือบเย็นแล้ว อีกหน่อยพี่ใหญ่เจ้าและพ่อเจ้าก็น่าจะกลับมา แม่ไปหาผักแถบนี้มาผัดไว้ก่อน ลูกก็นอนพักสักหน่อยเถอะเจ้าเพิ่งฟื้นไข้ ประเดี๋ยวจะไข้กลับอีก”
มารดาเอ่ยแค่นั้นก่อนจะหันหลังเดินออกไปอย่างว่องไว มารดาของนางดูเหมือนจะเป็นคนคล่องแคล่ว ใบหน้ามารดางดงามอย่างมาก แม้จะด้อยกว่ามารดาในชาติแรก แต่ก็ถือว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง
แต่ฝีมือการปักเย็บของมารดาไม่ค่อยดีนัก หากมองจากถุงเงินที่มารดาปักทิ้งเอาไว้ เรียกได้ว่าฝีมือชาวบ้านโดยแท้
เฟิงลี่พยายามทบทวนความทรงจำว่าตนเองอยู่บริเวณไหนของแคว้น แต่ก็นึกไม่ออกว่าหมู่บ้านอยู่แถวไหน เพราะปกตินางก็ไม่ได้ออกจากหมู่บ้านไปไกลนัก
หมู่บ้านของนางอยู่กลางหุบเขา มีพื้นที่ลุ่มให้ปลูกพืชอยู่จำนวนไม่น้อยคนส่วนมากจึงมักทำไร่ทำสวน มีส่วนน้อยที่ขึ้นเขาหาของป่าเช่นบ้านนาง
บ้านนางแยกบ้านออกมาได้สามปี หลังจากท่านตาเสียชีวิต ผู้ใหญ่บ้านอนุมัติที่ดินเปล่าตีนเขาขนาดราวหนึ่งหมู่(166.5ตารางวาหรือ 1งานกับอีก66.5ตารางวา) ช่วงแรกๆที่แยกบ้านพวกนางลำบากมาก ต้องนอนในกระต๊อบเล็กๆ
หลังจากนั้นท่านพ่อก็เริ่มขายสัตว์ที่ล่าและได้จ้างชาวบ้านช่วยสร้างบ้านดินหลังนี้ขึ้นมา บ้านนี้เป็นบ้านดินผสมไม้ ใช้โครงไม้แล้วใช้ดินโปะปิดรูต่างๆ มีช่องประตูหน้าต่าง มีสองห้องนอน หนึ่งห้องนอก และห้องเก็บฟืน
โชคดีที่มีลำธารเล็กๆไหลผ่าน บ่งบอกว่าบ้านอยู่ต้นน้ำ ทำให้พวกนางไม่เคยขาดแคลนน้ำกิน เวลาหิวก็ไปหาปลา หากุ้งแถบลำธารได้บ้างไม่ได้บ้าง
แต่เมื่อท่านยายรู้ว่าบิดาเริ่มขายสัตว์ที่ล่ามาได้เอง ท่านก็มากล่าวอ้างเรื่องการเก็บส่วย เรื่องการจ่ายเงินให้ทางการต่างๆนาๆเพื่อยึดเอาของๆบ้านเล็กไป ช่วงหลังๆถึงขนาดกักตัวท่านพ่อแล้วแยกของที่ขายแลกเงินได้ออกไป ก่อนท่านพ่อจะกลับถึงบ้านด้วยซ้ำ
เพราะอย่างนั้นสองปีมานี้ พวกนางเลยยิ่งอัตคัตมากขึ้นไปอีก ไม่มีเงินให้ใช้แม้แต่อีแปะเดียว เวลาเจ็บป่วยก็ต้องไปขอความเห็นใจจากท่านยาย ทำให้ถูกนำไปโพนทะนาว่าเป็นบ้านเล็กแยกตัวออกมาแล้วยังต้องไปขอเงินจากบ้านใหญ่
ซึ่งความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเลย แต่ชาวบ้านมักจะฟังคนเสียงดังมากกว่า ดังนั้นบ้านนางจึงไม่เป็นที่ต้อนรับเท่าใด
ท่านแม่เดินไปไหนก็ถูกว่ากล่าวกระทบกระทั่ง บิดานางก็ไม่อาจเข้าสังคมได้ สุดท้ายพวกนางก็แก้ตัวไม่ได้เลย ในบ้านมีเพียงพี่ชายนางที่กล้าเอ่ยปากเถียงคนอื่น แต่ใครจะไปเชื่อคำพูดเด็กๆกันล่ะ?
เฟิงลี่คิดว่า หากนางทำงานของระบบไปได้สักพัก จะขอให้มารดาและบิดาพาย้ายไปอยู่ในเมือง นางเชื่อว่าตัวเองทำได้!!
ไม่ว่าอย่างไร นางก็ตัดสินใจแล้ว ชีวิตใหม่นี้...ซ่งเฟิงลี่จะทำให้ดีที่สุด