“ว้าย! นังพัดชามันหนีไปแล้ว รีบจับมันเอาไว้เร็ว” ดวงดาวร้องเสียงหลง พัดชาก็วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนมาที่ลิฟต์ที่เปิดออกพอดี
เธอถลาเข้าไปในลิฟต์ ในอ้อมแขนของใครคนหนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงแหบโหย
“ชะ... ช่วยด้วย” เธอพูดเช่นนั้นเขาเลยรีบปิดประตูลิฟต์ทำให้คนทั้งสามที่วิ่งตามมาก่นด่าอยู่หน้าลิฟต์
“ลิฟต์ขึ้นแถมยังไปชั้นยี่สิบอีก จะทำยังไงกันดี” ดาราโวยวาย
“วิ่งขึ้นบันไดตามมันไป”
“จะบ้าเหรอคะคุณแม่ หนูไม่เอาหรอกคะ ถ้าลงบันไดยังพอทน แต่นี่วิ่งขึ้นนะคะ ดาใส่รองเท้าส้นสูง ให้พี่นรินทร์นั่นแหละวิ่งขึ้นไป”
“จะบ้าเหรอ รอลิฟต์สิ ดูว่ากดชั้นไหนค่อยตามไป”
“ตามไปจะรู้ไหมว่าห้องไหน โอ๊ย! เพราะแกสองคนไม่ดูมันให้ดี ๆ มันหนีไปแล้วเห็นไหม” ดวงดาวโมโหนัก
“คุณแม่นั่นแหละ มัวแต่คุยโทรศัพท์เปิดประตูออกไปไม่ดูตาม้าตาเรือ มันหนีไปเลยเห็นไหมคะ” ดาราโมโหใส่มารดาบ้าง โทษว่าเป็นเพราะมารดา
“ก็ใครจะไปรู้ว่ามันจะมีแรงวิ่งก็เห็นมันนอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่บนเตียงขนาดนั้น”
“หยุดทะเลาะกันสักที รีบตามมันไปดีกว่า ลิฟต์จอดที่ชั้นยี่สิบ เราก็เคาะมันทุกห้องบอกว่าน้องสาวโดนวางยามาช่วยเพราะมีคนพาขึ้นไปชั้นนั้นก็สิ้นเรื่อง” นรินทร์ฉลาดเป็นกรด ทำให้สองแม่ลูกหยุดทะเลาะกัน พยักหน้าให้แผนการของนรินทร์และรีบขึ้นลิฟต์ตามไปยังชั้นยี่สิบ
“พัด” ปริญเรียกหญิงสาวในอ้อมแขนเอาไว้ เขารู้จักเธอดีเชียวล่ะ เธอน่ะเหลนรหัสของเขา ส่วนเขาน่ะเหรอปู่รหัสที่ตามจีบเธอตั้งแต่ปีหนึ่งไง แต่เธอปฏิเสธเขาอย่างสุภาพว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว เขาเลยต้องถอย
“พะ... พี่ปริญ พี่ปริญจริง ๆ หรือหนูฝันไป” เธอเอ่ยถามเขา ดวงตาปรือเยิ้ม กอดเขาเอาไว้แน่น
“ไปโดนอะไรมา” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“หนูโดนวางยา ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย” เธอกอดเขาเอาไว้แนบอก
ปริญคิดว่าคนพวกนั้นที่ตามมาคงต้องตามขึ้นมาชั้นยี่สิบแน่ ๆ เขากดลิฟต์ชั้นถัดไปเพื่อออกจากลิฟต์ โดยไม่ถึงชั้นยี่สิบ ก่อนที่จะดูลิฟต์ทั้งสี่ของคอนโดฯ ก็เห็นว่ามีลิฟต์ตัวหนึ่งกำลังขึ้น
ปริญญาจึงเข้าลิฟต์ตัวที่ว่างพอดีแล้วกดลงไปชั้นล่าง เขามีคอนโดฯ ชั้นบนสุดของที่นี่ กับคอนโดชั้นสอง
ชั้นบนสุดเอาไว้พักผ่อนเป็นส่วนตัว ส่วนชั้นสองนั้นเป็นชั้นที่เขาให้คนเช่า และคนเช่าก็เพิ่งย้ายออกไป คอนโดฯ ชั้นสองมีข้อดีคือคนที่มาเช่าไม่ต้องเดินไกล ไม่ต้องขึ้นลิฟต์ ไม่ต้องรอลิฟต์ เดินขึ้นลงได้เลย ตอนเปิดโครงการใหม่ ๆ เขาจึงเหมามาทั้งหมด เพราะเพื่อนของเขาเป็นเจ้าของคอนโดฯ ที่นี่ ทำเลดี ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ห้างสรรพสินค้า ใกล้โรงพยาบาล เดินทางสะดวกค่อนข้างมาก
“อดทนหน่อย” เขาปรามน้องรหัสที่พยายามจะถอดเสื้อผ้าของเขาออกจากกาย
“นี่ในลิฟต์นะ” เขาดึงเธอมากอดแนบอก ให้ใบหน้าของเธอซุกอยู่กับอกของเขาเพื่อไม่ให้เธอเสียหายไปมากกว่านี้
“ถึงแล้วใจเย็น ๆ “ ลิฟต์ที่ลงมาก็ทันใจพอสมควร ไม่นานก็ถึงชั้นสอง เขาพาเธอเข้าห้องพักโดยด่วน โชคดีที่เขามีคีย์การ์ดห้องชั้นสองเพราะเคลียร์ห้องกับคนเช่าที่เพิ่งออกไปก่อนหน้านี้ กำลังจะขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นยี่สิบอยู่พอดี
เขามักทำอะไรเอง จัดการทุกอย่างเอง เริ่มสร้างทรัพย์สินเอง ไม่อาศัยเงินบิดามารดามากนัก แม้พวกท่านจะร่ำรวยพร้อมให้เงินเขา แต่เขาก็อยากยืนได้ด้วยลำแข้ง จึงเริ่มต้นทำธุรกิจเล็ก ๆ ไปก่อน ซื้อขายที่ดิน ซื้อขายบ้านและคอนโด รีโนเวทและเริ่มสร้างรีสอร์ทเป็นของส่วนตัว
พอเข้ามาในห้อง เขาก็โดนเธอปลดเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจากตัว
“ใจเย็นก่อนคนสวย” ปริญร้องห้ามแต่ไม่ทัน และทุกอย่างก็ต้องเลยตามเลย บทรักเร่าร้อนเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขาก็หมดแรงคาเตียงกว้าง โดยมีเธอนอนแนบอยู่ในอ้อมแขน
ช่วงสายของอีกวัน พัดชากะพริบตาตื่นด้วยความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปหมดทั้งร่างกาย เธอขยับตัวแทบไม่ได้ พอขยับก็เจ็บ แต่ร่างที่เปลือยเปล่าและใครบางคนที่นอนอยู่เคียงข้างทำให้เธอต้องเผลอกรีดร้องออกมา
“กรี๊ด อุ๊บ!” มือหนาปิดปากของเธอเอาไว้ และผู้ชายที่ขึ้นคร่อมทับเธออยู่ก็คือปู่รหัสของเธอ เขาคือปริญ วรจักร รุ่นพี่หนุ่มหล่อที่ทำให้สาว ๆ ในมหาวิทยาลัยใจละลายมานักต่อนักแล้ว เขาเรียนจบแล้ว และเธอก็ไม่ได้ข่าวเขาอีกเลย
จำได้ว่าตอนเธอขึ้นปีหนึ่งเขาตามจีบเธออยู่พักใหญ่ แต่เธอปฏิเสธเขาไปเพราะว่ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว
พอคิดถึงคู่หมั้นของตัวเองก็ทำเอาพัดชาถึงกับหน้าหมองลงไปถนัดตา
“ไม่กรี๊ดแล้วใช่ไหม” เขาเห็นท่าทีสงบของเธอ จึงเอ่ยถาม เธอก็รีบพยักหน้ารับในทันที
“หนูมาอยู่กับพี่ที่นี่ได้ยังไง แล้วยังอยู่ในสภาพนี้อีก” เธอเอ่ยถามอย่างมึนงง
“ลองคิดดูดี ๆ สิ” เขาพูดเสียงนุ่ม มองเธอด้วยสายตาเอ็นดู ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่เดือนกี่ปีเขาก็ยังรักเธอเสมอ รักมั่นคงที่มีให้เธอไม่เคยเปลี่ยน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาหวั่นไหวได้เท่าเธอ