“ไมค์คะ...คุณขับรถไม่ไหวหรอกค่ะ”
กรแก้วประคองร่างของเมสันออกมาจากไนต์คลับในสภาพทุลักทุเล
“ให้กรขับไปส่งดีกว่าค่ะ นะคะปลอดภัยกว่า”
“ผมไหว...ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกกร”
คนตัวโตดึงดันและดื้อดึง
“พาผมไปที่รถก็พอ”
“ไมค์คะ...กรเป็นห่วงคุณนะคะ”
“ผมไม่เป็นไร เมาแค่นี้จิ๊บๆ พาผมไปรถหน่อย ผมจำไม่ได้ว่าคันไหน”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้แทบฟังไม่รู้เรื่อง
“ถ้ากรไม่พาไป ผมไปเองก็ได้” เมสันดึงแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุมของกรแก้ว
“กร...กรพาไปก็ได้ค่ะ”
กรแก้วเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่ก็ไม่อาจจะขัดใจเมสันได้ เพราะไม่อยากให้เขาระแคะระคาย
“ขอบคุณครับ”
เมสันหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
กรแก้วส่ายหน้าน้อยๆ จำต้องพาเมสันตรงไปยังรถของเขาที่จอดอยู่ข้างๆ กับรถของหล่อนนั่นเอง
“คุณแน่ใจนะคะไมค์”
“ผมแน่ใจสิ ผมขับได้”
“แล้วถ้าเจอตำรวจล่ะคะ”
“คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจัดการได้ ขอบใจนะที่พาผมมาเลี้ยงเหล้า ไว้เจอกันใหม่”
ชายหนุ่มเปิดประตูรถ และก้าวขึ้นไปนั่ง ใบหน้าหล่อจัดแดงก่ำเอียงมาหากรแก้วอีกครั้ง
“คุณเองก็ขับรถดีๆ นะกร ผมเป็นห่วง”
“ขอบคุณค่ะ”
เมสันยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะดึงประตูรถให้ปิดสนิท ไม่ช้ารถสปอร์ตหรูก็แล่นออกไป
กรแก้วหุบยิ้มที่พยายามปั้นเอาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิดล้นอก
“ถ้ารู้ว่าจะคอแข็งขนาดนี้ วางยานอนหลับไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวก็ดีหรอก บ้าจริงๆ เลย”
ยิ่งคิดกรแก้วก็ยิ่งเต็มไปด้วยความโมโห แล้วนี่กว่าหล่อนจะได้กลับขึ้นมากรุงเทพฯ อีกคงเป็นเดือน กลัวจริงๆ เลยว่าจะถูกแมวขโมยตัวไหนคว้าไปกินเสียก่อน
เสียงฝนเม็ดใหญ่ตกลงกระทบกับหลังคาเรือนพักดังขึ้นเรื่อยๆ และมันก็ทำให้คนที่เพิ่งนอนหลับไปสะดุ้งตื่นขึ้นมา หญิงสาวขยับตัวไปเปิดไฟหัวเตียง และลุกขึ้นนั่ง
“ฝนตกเหรอเนี่ย”
หล่อนพึมพำด้วยความงัวเงีย ขณะก้าวลงจากเตียงเดินไปหยุดที่หน้าต่างบานเล็กที่มีเพียงบานเดียวในห้อง มือเรียวดึงผ้าม่านให้เปิดแยกออก และก็ทำให้เห็นสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
“ตกหนักขนาดนี้...แล้วนี่เราปิดหน้าต่างตึกใหญ่หมดหรือยังนะ”
ความไม่แน่ใจทำให้หล่อนรู้สึกไม่สบายใจนัก ดังนั้นจึงตัดสินใจคว้าร่มและก้าวออกไปจากเรือนพัก มุ่งหน้าเดินฝ่าสายฝนตรงไปยังตึกใหญ่ด้วยความร้อนใจ
และถึงแม้จะมีร่มคันใหญ่อยู่ในมือ แต่เนื้อตัวของลัลดาก็ยังเปียกปอน เพราะสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตานั้นช่างรุนแรงเหลือเกิน
หญิงสาววางร่มคันใหญ่เอาไว้หน้าตึก เปิดประตูเข้าไป และรีบมุ่งหน้าตรงไปยังหน้าต่างบานที่ตัวเองจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าลืมปิดอย่างรวดเร็ว
ไอฝนสาดเข้ามายังไม่มากนัก แต่มันก็ทำให้ผ้าม่านเปียกชุ่ม หญิงสาวรีบดึงบานหน้าต่างให้ปิดสนิทลงทันที จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หล่อนหมุนตัวเดินออกมา และมุ่งหน้าจะออกไปยังหน้าตึก แต่ก็ต้องชะงักงัน เมื่อพบเจอเข้ากับร่างเปียกชุ่มหยาดฝนของเมสันเข้าเสียก่อน หล่อนเผยอปากค้าง เบิกตากว้างอย่างตกใจ
“คุณไมค์...”
ชายหนุ่มที่กำลังมึนเมาหรี่ตาแคบมองหญิงสาวตรงหน้าไปทั้งตัว ชุดนอนที่เปียกชุ่มลู่ไปตามผิวสาว ทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งได้อย่างถนัดตา เขาแสยะยิ้มหยัน
“มารอฉันเหรอ”
“เอ่อ...ปละ เปล่านะคะ”
หล่อนปฏิเสธด้วยการส่ายหน้าจนเส้นผมยุ่งเหยิง ดวงตากลมโตมีแววตื่นกลัวตลอดเวลา
เมสันขยับเท้าเดินโงนเงนเข้ามาหา “แต่ฉันว่าตัวเองไม่น่าจะเข้าใจผิดนะ เพราะเธอ...” เขาคว้าแขนเรียวเอาไว้ ความเย็นเฉียบจากฝ่ามือใหญ่วิ่งตรงเข้าสู่ร่างสาวอย่างอำมหิต “มันผู้หญิงจอมมารยา!”
ลัลดาตกใจมาก พยายามบิดแขนออกแต่ไม่สำเร็จ “ปล่อย...ปล่อยลัลเถอะค่ะ คุณไมค์”
เขาแสยะยิ้มหยัน ดวงตาน่ากลัวเหลือเกิน ลัลดาตัวสั่นเทา พยายามวิงวอน
“คุณไมค์...ปล่อยแขนลัลเถอะค่ะ ลัลจะกลับห้องนอน”
“ที่มานี่ เพราะมาดักรอฉันไม่ใช่หรือ”
“ปละ...เปล่านะคะ ลัล...ลัลลืมปิดหน้าต่างน่ะค่ะ”
เขาคงไม่เชื่อหล่อน เพราะหัวเราะเยาะหยันซะขนาดนั้น
“ปิดหน้าต่าง...อืม...มันเป็นข้ออ้างที่ฟังเข้าท่าดีนะ” ใบหน้าหล่อจัดแต่แดงก่ำโน้มต่ำลงมาหา กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของเขาแทบจะทำให้หล่อนเมาตามไปด้วยอีกคน หล่อนพยายามเอียงหน้าหนีอย่างสุดความสามารถ
“แต่ไปโกหกเด็กน้อยเถอะ”
“คุณไมค์เมา...ขึ้นไปพักผ่อนเถอะค่ะ ลัล...ก็จะกลับเรือนพักแล้ว ปล่อยแขนลัลนะคะ”
เขาส่ายหน้าน้อยๆ ดวงตาที่เคยมองหล่อนอย่างเลือดเย็นเสมอมาตอนนี้มีแววหื่นกระหายจนน่ากลัว
“ฉันขึ้นห้องไม่ไหว...ช่วยพาไปหน่อยสิ”
“แต่...”
“เธอเป็นคนใช้ที่นี่ ส่วนฉันเป็นเจ้านายใช่ไหม”
หล่อนจำต้องผงกศีรษะรับอย่างไม่มีทางเลือก
“ใช่...ใช่ค่ะ ลัลเป็นคนใช้ของคุณไมค์”
เขาแค่นยิ้มหยัน
“งั้นก็ทำตามที่ฉันสั่ง ฉันเมา ขึ้นห้องไม่ไหว หน้าที่ของเธอคือต้องพาฉันขึ้นไป”