หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วสิงหนาทก็เดินกลับมายังห้องของหญิงสาวอีกครั้ง แล้วก็พบว่าร่างอรชรกำลังนั่งรออยู่บนเตียงแล้ว และทันทีที่เขาหย่อนสะโพกนั่งลงข้างๆ เธอ
เปรี้ยง!
“ว้ายยย!”
เสียงหวานร้องด้วยความตกใจพร้อมกับพุ่งตัวเข้าหาคนข้างๆอย่างอัตโนมัติ ร่างอรชรสั่นระริกซุกซบใบหน้าไว้กับอกกว้างแข็งแกร่งแช่ไว้นิ่งระหว่างที่ฟ้ายังคำรามต่ออีกหลายวินาที
“อีกนานไหมคะ กว่าฟ้าจะหยุดร้อง”
คนถูกถามยกมือขึ้นมาลูบศีรษะเล็กของคนในอ้อมกอดเบาๆ อย่างลืมตัว พลางก้มมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้ทำตัวเหมือนเด็กน้อยขี้กลัวด้วยความรู้สึกเอ็นดู
“ร้องแบบนี้ก็คงจะทั้งคืนนั่นแหละ”
“ทั้งคืนเลยเหรอคะ แล้วแบบนี้ฉันจะนอนหลับได้ยังไง”
“นอนไม่หลับก็ทำอย่างอื่น”
“ทำอะไรคะ”รินนาราถามด้วยความไม่เข้าใจ
“แล้วคิดว่าผู้ชายกับผู้หญิงเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองในบรรยากาศเป็นใจแบบนี้เขาทำอะไรกันล่ะ”
สิงหนาทไม่ตอบ หากแต่แกล้งถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนที่จะหลุดหัวเราะหึๆ ในลำคอเมื่อร่างอรชรดีดตัวออกจากอ้อมกอดของเขาแล้วกระโจนขึ้นไปบนเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมปิดหัวไว้อย่างมิดชิด
รินนาราอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองหลุดถามอะไรออกไป แต่แล้ววินาทีต่อมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็ทำให้เธอต้องดีดตัวลุกขึ้นมาพุ่งหาเขาอีกครั้ง
เปรี้ยง!
“กรี๊ด! ฉันกลัวแล้ว ฉันสัญญาว่าจะนอนหลับให้ได้แต่อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
รินนารากรีดร้องพร้อมขอร้องเขาด้วยน้ำเสียงสั่น เพราะเธอตระหนักได้ว่าเวลานี้สิ่งที่น่ากลัวกว่าสิงห์ก็คือเสียงฟ้าคำราม
ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาเบาๆ จากนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆเป็นการตัดสินใจทรมานตัวเองโดยการล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับดึงร่างบางที่สั่นระริกนั้นมาไว้ในอ้อมกอด
‘ถ้าไอ้มิ่งได้มาเห็นเราในสภาพนี้คงได้หัวเราะเราเป็นแน่’
ยิ่งคิดสิงหนาทก็ยิ่งรู้สึกสับสนในการกระทำของตัวเองที่ดูเหมือนจะสวนทางกับความตั้งใจในทีแรก แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ต้องขบกรามแน่นเมื่อร่างกายของเขาตึงเครียดขึ้นมาอย่างกะทันหันราวกับกำลังโดนเปลวไฟแผดเผาจนรุ่มร้อนไปทั่วทุกอณูรูขุมขน โดยต้นเหตุทั้งหมดทั้งมวนนั้นน่าจะเกิดจากกลิ่นหอมๆ และเนื้อนุ่มนิ่มของคนในอ้อมกอดตอนนี้
เมื่อความอดทนของเขาสิ้นสุดลง ชายหนุ่มจับร่างอรชรพลิกให้นอนหงาย ก่อนที่จะพลิกร่างหนาขึ้นมาประกบใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาปิดทับริมฝีปากเรียวสวยสีหวานเย้ายวนอย่างรวดเร็วไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูด หรือต่อต้านเขาใดใด
ปากร้อนๆ บดเบียดปากสวยอย่างร้อนแรง ก่อนจะดันลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวานจากโพรงปากหอมละมุนด้วยความช่ำชอง สัมผัสร้อนแรงดูดดื่มจากชายหนุ่มส่งผลให้ร่างอรชรที่ไม่เคยอิงแอบกับชายใดมาก่อนนอนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ด้วยความเกร็ง
เมื่อดูดดื่มความหอมหวานจะปากสวยจนพอใจ ปากร้อนๆ ก็ถอนออกแล้วเลื่อนลงมาตามปลายคางมน ขบเม้มเบาๆ ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาหยอกเหย้าซอกคอขาวหอมกรุ่นด้วยความหลงใหล
ตอนแรกสิงหนาทตั้งใจแค่จะแลกเปลี่ยนจูบ ทว่าพอได้สัมผัสความหอมหวานละมุนจากกลีบปากนุ่มบวกกับกลิ่นหอมกรุ่นจากเรือนกายสาว กลับถูกความปรารถนาที่ครอบงำจนเขารู้สึกปวดหนึบไปทั่วร่างกาย
“คิดว่าคืนนี้จะนอนหลับไหม”
เสียงทุ้มแหบพร่าที่กระซิบถามอยู่ข้างใบหูเล็ก ประโยคแฝงความนัยอะไรบางอย่าง ทำให้หญิงสาวรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วทุกอณูรูขุมขน แต่กระนั้นเธอยังมีสติมากพอที่จะตอบออกไปอย่างชาญฉลาด
“นอนหลับค่ะ และจะหลับตอนนี้เลย”
สิ้นเสียงหวาน สิงหนาทก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เพราะนั่นเป็นการปฏิเสธจากหญิงสาว ทำให้ต้องยุติสิ่งที่กำลังจะทำทันที และดูเหมือนมันจะยากเสียเหลือเกินกับการบังคับตัวเองให้หยุดการกระทำทุกอย่างเอาตอนนี้
“คุณมันเป็นผู้หญิงร้ายกาจที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา”
เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าพึมพำกับซอกคอหอมกรุ่นเบาๆ ก่อนที่จะตัดใจพลิกตัวนอนลงข้างๆ เธออย่างแสนเสียดาย รินนาราหลุดอมยิ้มเอ็นดูคนตัวใหญ่ที่กำลังโดนไฟปรารถนาแผดเผาจนหน้าแดงก่ำลามไปถึงลำคอ ขณะที่ความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อเกิดขึ้นน้อยๆ เมื่อค้นพบว่าแก่นแท้ของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
หญิงสาวพลิกตัวนอนตะแคงพลางเบียดเข้ามาโอบกอดร่างหนาแล้วซุกซบใบหน้ากับอกกว้างด้วยความรู้สึกอบอุ่น ต่างจากอีกฝ่ายที่ร้อนจนเหงื่อแตก แต่ก็ทำได้เพียงอดทนต่อไฟปรารถนาเพื่อที่จะไม่หากหาญน้ำใจคนตัวเล็กที่ไม่เต็มใจ
………………………………………….
รินนาราเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะพบว่าภายในห้องสว่างแล้ว และตอนนี้เธอกำลังซุกซบอกกว้างแข็งแกร่งของเขาอยู่ ใบหน้างดงามร้อนซ่านขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดถึงจุมพิตร้อนแรงปนอ่อนหวานเมื่อคืนของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโจรลักพาตัว เพราะการกระทำของเขาเมื่อคืนมันทำให้เธอเกิดความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้นั่นเอง
“ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาๆ ขณะที่ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดอยู่ที่พวงแก้มงามอย่างจงใจ ส่งผลให้คนตัวเล็กที่เข้าใจว่าอีกฝ่ายยังหลับอยู่ต้องรีบดันร่างหนาออกห่างอย่างอัตโนมัติ
“ค่ะ”
หญิงสาวตอบสั้นๆ พร้อมกับพยายามแกะมือใหญ่ที่รั้งเอวคอดเธอไว้ แต่นอกจากเขาจะไม่ยอมปล่อยแล้วยังแกล้งกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิมพร้อมกับถูไถปลายจมูกโด่งๆ ลงมาตามพวงแก้มเนียนนุ่มอย่างอดใจไม่ไหว
“เมื่อคืนเรียกร้องจะอยู่ในอ้อมกอดผม แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยากผลักไสนักล่ะ”
“ก็เมื่อคืนฉันกลัวนี่”
“เมื่อคืนกลัวก็เลยเข้าหา แต่พอเช้ามาหายกลัวผมก็หมดประโยชน์สินะ”
“ก็…ฉัน…”
รินนาราคิดหาเหตุผลแก้ตัว แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก ยิ่งได้สบตาคู่คมก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น จนเธอรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ก็…ฉัน…อะไร? ฉันขอบคุณ หรือฉันอยากตอบแทนสำหรับการนอนเป็นเพื่อนเมื่อคืนดี”
สิงหนาทขยับใบหน้าหล่อเหลามาใกล้ๆ ใบหน้างดงาม ระหว่างรอคำตอบ มุมปากหยักได้รูปยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เช่นเดียวกับสายตาแพรวพราวที่กวาดมองดวงหน้างดงามอย่างหื่นกระหายไม่คิดจะปิดบัง รินนารากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รับรู้ถึงเสน่ห์อันร้ายกาจของเขา เธอเชื่อเหลือเกินว่าหากอยู่ใกล้ชิดเขาแบบนี้ไปนานๆ สักวันก็ต้องใจอ่อนยอมเป็นของเขาอย่างแน่นอน แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะได้โต้ตอบอะไร เสียงร้องเรียกจากลูกน้องคนสนิทก็ดังขึ้นเสียก่อน
“นายสิงห์ครับ! นายสิงห์!”
‘บ้าชิบ! จะมาเรียกอะไรตอนนี้วะ!’
สิงหนาทจำใจผละออกจากร่างอรชรพร้อมสบถในใจอย่างหัวเสีย นึกอยากจะหักคอคนมาขัดจังหวะตอนนี้เสียเหลือเกิน ส่วนคนตัวเล็กนั้นลอบพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกโล่งอกเหมือนสวรรค์มาโปรดได้ทันเวลา รินนาราหลุดอมยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคนตัวใหญ่ยับยุ่งขณะที่เดินออกจากห้องไป
“มีอะไร ถึงได้มาเรียกแต่เช้าวะไอ้มิ่ง”
สิงหนาทเดินลงมาเปิดประตูชั้นล่าง พร้อมกับเอ่ยถามลูกน้องด้วยน้ำเสียงห้วนจัด ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งบ่งบอกชัดว่าเขาไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ ทว่าคนถูกถามกลับไม่สนใจอารมณ์กรุ่นๆ ของผู้เป็นนายเพราะมีเรื่องสำคัญจะแจ้ง
“เมื่อคืนน้ำป่าพัดสวนส้มไปบางส่วนครับนาย”
คำรายงานของลูกน้องทำให้สิงหนาทต้องขมวดคิ้วยุ่งทันที เพราะตั้งแต่เขาเข้ามาบริหารงานในไร่ และแบ่งพื้นที่เป็นสัดเป็นส่วน ไว้ปลูกผลไม้หลากหลายชนิด ก็ไม่เคยจะมีเรื่องน้ำป่าสร้างความเสียหายให้สักที
“เป็นไปได้ยังไง ปกติน้ำขึ้นไปไม่ถึงสวนส้มนี่”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับนาย ปีนี้ดูเหมือนน้ำจะใหญ่กว่าทุกปีครับ”
“อืม เตรียมตัวแล้วกัน วันนี้ฉันจะเข้าไปดูความเสียหายสักหน่อย”
“ครับนาย”
มิ่งรับคำสั่ง แล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม เพื่อไปปฏิบัติตามคำสั่งในลำดับถัดไป