“ข้าเคยพบจางฟางหรง” เขาพูด “ท่าทางเขาไม่เหมือนคนที่จะชอบอ่านตำราพิชัยยุทธ แต่ข้าเชื่อความคิดอ่านในจดหมายของเขามาก”
“อย่างนั้นหรือ?” นางเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ข้ากังวลใจมาตลอดว่าจะอธิบายท่านอย่างไร”
“ข้าเป็นคนมีเหตุผล”
“เช่นนั้น...” นางอ้าปากแต่ยังพูดได้เพียงสองคำ เขาก็ยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน ครู่หนึ่งแม่นมเหมยกุ้ยเข้ามาพร้อมหญิงรับใช้ที่นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้จางฟางซินผลัดเปลี่ยน แม่นมเหมยกุ้ยพยักหน้าให้บ่าวรับใช้ออกไปก่อน เมื่อเหลือเพียงสามคนนางจึงเอ่ยขึ้น
“แม่นางได้สติดีแล้ว ข้าจึงจัดเตรียมเสื้อผ้ามาให้”
“ขอบคุณแม่นมเหมยกุ้ยมากเจ้าค่ะ” นางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หลายวันมานี้ท่านลำบากเพราะข้าแท้ๆ ข้าวของเครื่องใช้ของข้าอยู่ในรถม้า”
“ในรถม้ามีของสำคัญใดหรือไม่ ข้าส่งคนออกไปดูไม่พบสิ่งใด พวกโจรคงขโมยไปหมดแล้ว”
จางฟางซินส่ายหน้าไปมา “นอกจากเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวแล้วไม่มีสิ่งอื่นเจ้าค่ะ โจรกลุ่มนั้นคงปล้นเสียเทียวแล้ว”
‘ตัวข้าสำคัญที่สุดแล้ว’ นางไม่ได้พูดสิ่งที่คิดออกไป เกรงว่าเขาจะเห็นว่านางเป็นคนชอบเยินยอตัวเอง
ยังไม่ทันพูดอะไรต่อเด็กรับใช้ประคองถ้วยยาเข้ามา หญิงสาวยิ้มค้าง ดวงตาจ้องมองหลัวหลิวหยางเป็นเชิงถาม นี่นางต้องดื่มยาอีกแล้วหรือ? ปกตินางเป็นคนแข็งแรงจนน้องชายหยอกล้อว่านางแข็งแรงเหมือนวัว ร้อยวันพันปีจะเจ็บป่วยสักครั้ง หากไม่นับข้อเท้าของนางที่เจ็บหนัก นางคิดว่าตัวเองแข็งแรงดีแล้วจริงๆ
หลัวหลิวหยางรับถ้วยถือด้วยมือข้างเดียวแล้วช่วยพยุงนางขึ้น ยกถ้วยยาขึ้นจ่อริมฝีปากที่ยังมีร่องรอยบาดแผล ดวงตาของนางฉายความไม่พอใจชัดเจน แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็น บังคับให้นางค่อยๆ จิบยาอย่างยากลำบาก รสขมเฝือดคอทำให้นางแตะหลังมือที่จับถ้วยยาเป็นเชิงบอกให้เขาหยุดก่อน นางประคองถ้วยยาด้วยตนเอง ยาขมร้ายกาจแล้วยังให้นางจิบที่ละนิดนี่มันช่างชั่วช้าเหลือเกิน นางรับถ้วยยามาแล้วกระดกดื่มรวดเดียวหมดชาม แม้กิริยาไม่น่ามองนัก แต่นางเลือกจะตายดาบเดียวดีกว่าถูกทรมานด้วยการจิบยาที่ละนิดเช่นนี้
แม่นมเหมยกุ้ยลอบมองสีหน้าของหลัวหลิวหยาง แม้เขาจะไม่แสดงอาการใด แต่นางสัมผัสได้ว่าสตรีผู้นี้เป็นคนพิเศษจริงๆ แม้ท่านแม่ทัพจะอธิบายฐานะของจางฟางซินแล้ว แต่สายตาของหญิงที่ผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างนางย่อมมองเห็นประกายตาของแม่ทัพหนุ่ม
“ข้าเตรียมเสื้อผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัวมาให้แม่นางฟางแล้ว” แม่นมพูดขึ้นแล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาวางบนตักของจางฟางซิน “หวังว่าแม่นางจะชอบ”
“รบกวนท่านมากแล้ว ท่านเรียกข้าว่าฟางซินก็ได้เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางคลี่เสื้อผ้าออกดู เดิมทีนางเพียงคิดว่าจะดูว่าชุดนี้พอดีกับรูปร่างของนางหรือไม่ ทว่าเมื่อคลี่ชุดกระโปรงสีขาวไข่มุกปักลายผีเสื้อโบยบินล้อมดอกเบญจมาศ แม้ว่าพ่อบุญธรรมเลี้ยงดูนางกับน้องชายอย่างดีแต่นางเป็นคนสมถะแต่งกายเรียบง่าย ในขณะที่น้องชายมักชอบทำตัวเป็นคุณชายเจ้าสำอาง นางจึงไม่ค่อยมีเสื้อผ้าเครื่องประดับหรูหรา หากนางต้องเสียเงินจริง นางยอมเก็บเงินทุกอีแปะไว้เพื่อซื้อตำราที่อยากได้มากกว่า
“ไม่ถูกใจหรือ? เช่นนั้นลองดูชุดนี้เป็นไร” แม่นมเอื้อมมือไปหยิบชุดสีชมพูหวานปักลายดอกไม้เล็กๆ สีขาว ยื่นให้จางฟางซิน
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่พอใจ” นางรีบพูดขึ้น “เพียงแต่มันสวยงามมาก ขอสารภาพว่าปกติข้าสวมเสื้อผ้าบุรุษมากกว่าสตรี จึงรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรกับเสื้อผ้าที่แม่นมนำมาให้”
ได้ฟังเหตุผลของจางฟางซินแล้ว แม่นมเหมยกุ้ยพลันหัวเราะเบาๆ
“เสื้อผ้าเหล่านี้ข้าเลือกให้ เพราะเห็นว่าเจ้าต้องเป็นคนที่ฮูหยินส่งมาปรนนิบัติดูแลท่านแม่ทัพ แม่นางจางก็ฝืนใจแต่งกายให้งดงามสักนิดเถิด เพื่อที่ผู้อื่นจะได้ไม่เข้าใจว่าท่านแม่ทัพนิยมบุรุษด้วยกันเอง”
“แค่กๆ “ หลัวหลิวหยางสำลักน้ำลายตัวเอง ดูจากข้าวของที่แม่นมตระเตรียมมาให้นั้น แม่นมคงจริงจังกับสถานะกำมะลอของจากฟางซิน
“เป็นข้าที่คิดน้อยเกินไป ต้องขอบคุณแม่นมเหมยกุ้ยที่เป็นธุระจัดการให้”
นางลืมไปเสียสนิท ฐานะปลอมๆ ที่นางเสนอเขาไปซึ่งท่านแม่ทัพก็เห็นดีให้เป็นเช่นนั้น เขาเป็นแม่ทัพองอาจห้าวหาญ สตรีที่จะเคียงข้างแม้ในฐานะหญิงอุ่นเตียงก็ควรจะหน้าตาดีสักหน่อย ไม่เช่นนั้นผู้อื่นคงมองว่าเขาเป็นบุรุษกินไม่เลือก คว้าอะไรก็เอามาอุ่นเตียงได้หมด
“ข้าเตรียมเด็กรับใช้ให้แม่นางจางด้วย ชื่อเสี่ยวจิ้ง หากแม่นางจางต้องการสิ่งใดสามารถสั่งเสี่ยวจิ้งได้ทันที”
“ขอบคุณมาก”
“อีกประเดี๋ยวจะได้เวลากินมื้อเที่ยง ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพจะรับมื้อเที่ยงที่ไหนเจ้าคะ”
“จัดมาที่นี่ก็ได้ ข้ามีเรื่องต้องคุยกับนาง”
“เช่นนั้นข้าจัดของแม่นางจางมาพร้อมท่านแม่ทัพเลยนะเจ้าคะ”
หลัวหลิวหยางพยักหน้ารับ แม่นมเหมยกุ้ยยิ้มให้แล้วเดินออกไป ทั้งสองเผลอถอนหายใจออกมาพร้อมกัน เสียงถอนหายใจนั้นทำให้นางเงยหน้ามองเขาแล้วทั้งสองก็หัวเราะออกมา
“อย่าถือสานางเลย แม่นมเหมยกุ้ยดูแลข้ามาตั้งแต่เด็ก เดิมทีครอบครัวเป็นแค่ครอบครัวชาวนาก็จริง แต่แม่นมเหมยกุ้ยเป็นญาติห่างๆ ของมารดาข้า คราวนั้นสามีของนางตายจาก ทางบ้านของสามีก็ไม่ใคร่อยากให้นางอยู่ร่วมชายคาจึงเดินทางบากหน้ามาขออาศัยกับมารดาของข้า ซึ่งตอนนั้นข้าเกิดพอดี ท่านแม่เลยให้ช่วยเลี้ยงข้า ข้าเลยกลายเป็นเด็กที่มีแม่นม”