ยังไงก็ต้องไป
☆☆>>>>>♡
ผมอยู่ในห้องน้ำกำลังสำรวจร่างกายของตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก มันขนาดนี้เลยเหรอวะ เมื่อคืนทำไมไม่รู้สึกว่าโดนทำรอยแบบนี้ มันเหล้ายี่ห้อไหนกัน 'สาบาน' กูจะไม่แตะมันอีกเลย รอยเต็มที่หน้าอกที่ขาผมยังมีอีกนะ ข้างหลังที่ขนาดมองไม่ค่อยถนัดยังมีรอยแดงเต็มไปหมดเลย ไปอดอยากปากแห้งมาจากไหนกันไอ้พี่ภากร
ผมรีบจัดการอาบน้ำให้เรียบร้อยเจ็บชิบหาย ทำไมมันทรมานขนาดนี้นะ ดีที่ตั้งใจจะขาดเรียนตั้งแต่แรก ถ้าไปเรียนสภาพนี้นะมีหวังโดนนั่งสอบสวนไม่ได้เข้าเรียน นี่ถ้ามันรู้ว่าผมตกเป็นเมียมาเฟียแล้วโดนกักตัวอยู่ที่นี่ไม่รู้ต้องเริ่มเล่ายังไงก่อน
ภากรสั่งลูกน้องจัดการทุกอย่างแทน เขาก็เข้ามารอตัวเล็กออกจากห้องน้ำ
“ทำไมใช้เวลาอาบน้ำนานจังวะ” ภากรอดที่จะเป็นห่วงคนในห้องน้ำไม่ได้ เป็นที่เขาเองไม่เบามือเลยสักนิด จัดหนักตั้งแต่ครั้งแรกราวกับอดอยากมาจากไหน
“เฟรนด์ครับ เป็นอะไรรึเปล่า อาบน้ำนานไปแล้วนะครับ” นั่นไงไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้ ไม่ต้องมาทำเสียงเหมือนเป็นห่วงผมเลยนะ
“เสร็จแล้วครับ แป๊บหนึ่งนะ” ผมตอบรับและรีบออกจากห้องน้ำทันที
‘เข้าพล็อตนิยายเปะเลยกู หลังจากนายเอกถูกพระเอกจัดหนักมาทั้งคืนก็เข้าไปอาบน้ำ แล้วออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนบางที่ห่อเพียงร่างกายท่อนล่างเอาไว้’
นั่นมันเป็นแค่ความคิดของผมคนเดียวนะ ไอ้พี่ภากรไม่ต้องทำเป็นพระเอกนิยายจ้องผมตาไม่กะพริบขนาดนั้นก็ได้มั้ง
“พี่ภากรมองอะไรกัน มองผลงานตัวเองอยู่รึไงครับ” ผมพูดไปเพื่อให้คนที่จ้องผมอยู่ละสายตาสักที จ้องขนาดนั้นก็อายเป็นเหมือนกันนะ
“ก็อยากมองนี่ เสื้อผ้ารอแป๊บหนึ่งนะครับ พี่ให้คนหามาให้แล้ว เขินพี่เหรอ”
“...” ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ เผื่อตอบไปไม่ถูกใจเขาสั่งเก็บผมขึ้นมาทำไงล่ะ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อน ๆ ยังไงไม่รู้หรือว่าจะไม่สบายก็โดนไปซะขนาดนั้น นี่ครั้งแรกของเฟรนด์ไม่ได้ตกเป็นของคนที่ตัวเองรักแถมยังโดนจัดหนักตั้งแต่ครั้งแรกเลย ช่างไม่ยุติธรรมกับเฟรนด์เลยนะ น่าจะมีความ
ประทับใจบ้างก็ยังดี เป็นเพราะมึงเลยไอ้เชี่ยน็อต อยากจะฆ่ามึงจริง ๆ ต้องโทษตัวเองมากกว่านะ ที่ให้ผู้ชายคนหนึ่งมามีอิทธิพลเหนือหัวใจตัวเอง สภาพเลยออกมาแบบนี้ไงบัดซบสิ้นดี ถือเป็นบทเรียนราคาแพงแล้วกัน ต่อไปใช้ชีวิตจะได้ไม่ประมาท ดีที่เป็นพี่ภากรแค่คนเดียว ถ้าเป็นไอ้สามคนนั้นป่านนี้ชีวิตไอ้เฟรนด์จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
พี่ภากรเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมก็เปิดโทรศัพท์เพื่อส่งข่าวเพื่อนผมทั้งสองคนว่า ผมยังสบายดีอยู่
FRIEND : ขอโทษพวกมึงด้วยนะ กูเมาหลับเพิ่งตื่นเนี่ย
PINN : พวกกูเป็นห่วงมึงมากนะเว้ยเกือบโดดเรียนไปตามมึงแล้วไหมละ
BANK : นั่นดิ แล้วมึงเดินทางวันไหนวะ
FRIEND : บ่ายนี้แหละไม่ต้องห่วงนะ กูดีขึ้นมากแล้ว
PINN : ได้ยินแบบนี้กูค่อยสบายใจหน่อย สู้ ๆ นะมึง พวกกูอยู่ข้าง ๆ มึงเสมอนะ อย่าแก้ปัญหาคนเดียวเข้าใจไหม
FRIEND : ขอบใจพวกมึงมาก ๆ เลยนะ
BANK : ไอ้พี่น็อตมันติดต่อมึงมาบ้างไหม
FRIEND : ติดต่อมาดิ ทั้งโทร เฟซ ไลน์ ไอจี กูลืมบล็อกมันน่ะ มัวแต่เมานี่ตามติดกูเหมือนเจ้ากรรมนายเวรเลยว่ะ
PINN : มึงไหวแน่นะ
FRIEND : ไหวดิ กูจะไม่คิดถึงผู้ชายมักง่ายคนนั้นอีก กูเกลียดมัน
PINN : เออ ๆ ดีแล้วที่มึงคิดได้แบบนี้ มึงโอเคใช่ไหมวะ
FRIEND : โอเคดิ กูไม่รู้สึกว่าเสียใจเท่าไหร่แล้ว เหมือนโกรธมากกว่า
BANK : เออดี ๆ เดินทางปลอดภัยนะมึง ผ่านเมื่อคืนมาได้โดยที่ไม่ทำร้ายตัวเอง พวกกูก็วางใจแล้วแหละ
FRIEND : อืม บายนะ เดี๋ยวกูส่งข่าว
โทรเข้า พี่น็อต
นี่คงโทรหาผมตลอดเวลาเลยสินะ เปิดเครื่องปุ๊บโทรมาปั๊บเลย ผมรอให้สายตัดไปแล้วรีบจัดการบล็อกเบอร์ทันที่
“ลาก่อนนะไอ้เชี่ยน็อต อย่าจองเวรจองกรรมกูอีกเลย เดี๋ยวกูทำบุญกรวดน้ำไปให้”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“นายครับของที่สั่งได้แล้วครับ” เสียงดังมาจากข้างนอก ผมรีบไปหยิบเสื้อสูทพี่ภากรมาคลุมตัวผมไว้ ไม่ได้อายที่เปลือยอกหรอกนะครับ เพราะผมก็ผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน ที่อายเพราะไอ้รอยที่ไอ้คนหื่นมันทำไว้ต่างหากล่ะ
“เอ้า!!! พี่คนเมื่อคืนที่ช่วยผมไว้นี่ครับ” ผมดีใจที่ได้เจอกับคนที่ช่วยผมไว้
“เมาขนาดนั้นยังจำได้อีกเหรอครับคุณเฟรนด์” ไม่ต้องพูดหมดก็ได้ไหมครับพี่ อายนะที่เมาไม่รู้เรื่องขนาดนั้นน่ะ
“เจ้านายพี่ที่เป็นคนบอกให้ไป ชะ...ช่วยเฟรนด์ก็คือ” กูจะสะดุดทำไมเนี่ย
“ใช่ครับคุณภากรเป็นเจ้านายพี่เอง นี่ครับเสื้อผ้ากับยาที่นายสั่งผมไปหามาให้คุณเฟรนด์ครับ” นี่สภาพกูเยินพอ ๆ กับโดนรุมโทรมสามคนไหมนี่ ดูท่าแล้วไม่น่าแตกต่างแต่ก็ต้องขอบใจ
“พี่ชื่ออะไรเหรอครับ เฟรนด์จะได้เรียกถูกไง”
“พี่ชื่อภพนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณเฟรนด์” พี่ภพยิ้มมุมปากแสดงความพอใจอะไรก็ไม่รู้ เยาะเย้ยผมงั้นเหรอ
“ไม่ต้องมายิ้มเยาะเฟรนด์เลยนะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับพี่ภพ”
หมับ!!!! พรึ่บ!!!! อุ๊บ!!!!
“โอ้ย!!! เจ็บนะ ไอ้คนบ้า ลากมาได้” ผมเจ็บอยู่มากระชากผมแบบนี้ได้ยังไงพี่ภากรกระชากผมเข้ามากระแทกอกของเขาอย่างแรง เป็นบ้าอะไรของเขาอีกเนี่ย
“ใครใช้ให้มึงเข้ามาไอ้ภพ” เสียงพี่ภากรตวาดดังมาก เหมือนไปโกรธใครมา
“ขอโทษครับนาย ผมเรียกนายแล้วแต่ไม่คิดว่าคุณเฟรนด์จะเป็นคนมาเปิดประตู” พี่ภพดูกลัวพี่ภากรมากรีบแก้ตัวเป็นการใหญ่เลย พี่ภากรตวัดสายตามาทางผมที่ยืนเซ่ออยู่ในอ้อมกอดเขาอยู่ ผมหลบตาแทบไม่ทัน อะไรของเขานี่กูทำอะไรผิดอีกวะ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายจริง ๆ นะเฟรนด์
“เออไปเตรียมอาหารที่กูสั่งได้แล้ว” คนรับคำสั่งรีบปิดประตูอย่างเร็ว
“ใครให้แก้ผ้าออกไปแบบนั้นฮึ” นั่นไงงานเข้าเฟรนด์แล้วไหมล่ะ
“ก็พี่เขามาเรียกนี่ครับ กลัวมีธุระด่วนอีกอย่างเฟรนด์ก็ไม่ได้โป๊อะไรนะ ใส่เสื้อคลุมพี่ภากรอยู่นี่ไงครับ ก็ไม่กล้าออกไปทั้งอย่างนั้นหรอกครับ ดูรอยที่พี่ทำกับ เฟรนด์ดิใครจะกล้าออกไปล่ะ”
ผมออกมาจากห้องน้ำแทบจะปรี่ไปชกไอ้ภพ ที่ยืนคุยกับเฟรนด์อยู่หน้าห้องมันน่าโมโหนักที่เฟรนด์ออกไปทั้งแบบนั้น ทำให้ผมหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเลย ดีนะที่ใส่เสื้อคลุมของผมออกไปด้วย ไม่งั้นมีสวยแน่ ผมรีบไปกระชากเฟรนด์ออกจากตรงนั้นโดยเร็ว เขาอ่อยไอ้ภพเหรอทำไมดูคุยกันสนิทสนมยังไงไม่รู้ มึงดันหล่อด้วยสิไอ้ภพแถมเด็กกว่ากูอีก กูจะไม่ทนแล้วให้รู้ซะบ้างของใครเป็นของใคร
“โอ้ย!!! เจ็บนะ ไอ้คนบ้า ลากมาได้” เสียงเฟรนด์ดูเหมือนไม่พอใจ มันน้อยไปด้วยซ้ำกล้าดียังไง แก้ผ้าออกมายืนคุยกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้มันน่านักนะ ตอนนี้เฟรนด์สะบัดแขนหลุดออกจากผม แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุดทันที ดูทำหน้าเข้ามันน่าจับกดอีกสักรอบก่อนกินข้าวดีไหมนี่
“น่ารักจังครับชุดนี้” ไอ้ภพนี่ก็ใช้ได้เหมือนกันนะหาชุดที่เหมาะกับเฟรนด์ใส่แล้วน่ารักดี เสื้อแขนยาวสีเหลืองเข้มมีฮู๊ดรับกับผิวขาวของเฟรนด์กับกางเกงยีนส์สีเข้มดูแล้วเข้ากันดี ขอบใจมากไอ้ภพที่รู้ใจ ถ้าจัดชุดแขนสั้นมามันโดนอีก
“ชิ” เฟรนด์ทำหน้ายู่ใส่ผมแล้วเดินไปหวีผมที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“เจ็บตรงนั้นไหมครับ” ผมเดินเข้าไปกอดเฟรนด์จากทางด้านหลัง แล้วเอามือลูบที่สะโพกงอนเป็นการถาม สูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอของคนในอ้อมกอด
“...” เฟรนด์เลือกที่จะไม่ตอบ ใครจะกล้าตอบคงจะอายสิท่า ฟอด ฟอด จ๊วบ จ๊วบ ผมทั้งจูบทั้งหอมตรงซอกคอและดูดที่ใบหูเบา ๆ
“อย่าทำรอยนะ ข้างในน่ะไม่มีที่ว่างแล้วนะครับ ข้างนอกแฟรนด์ขอเถอะ”ผมหยุดการกระทำนั้นทันที ไม่ได้กลัวอะไรนะครับ กลัวจะไม่ได้กินข้าวมากกว่า
“นี่ครับยาทากับยาแก้อักเสบ จะทาเองหรือให้พี่ทาให้” เฟรนด์คว้าเอายาจากผมและก็เดินเข้าห้องน้ำไปทันที เราสองคนจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองเสร็จแล้ว ผมก็พาเฟรนด์ไปกินข้าวที่ห้องทำงานที่สั่งให้ภพจัดการ
“รีบกินนะครับเดี๋ยวพี่พาไปซื้อของเตรียมเดินทาง” นี่ผมต้องไปกับพี่ภากรจริง ๆ เหรอ
“เฟรนด์ต้องไปจริง ๆ เหรอครับ”
“อืม ไปดิทำไม มีปัญหาอะไรเหรอ” คร้าบบบบ ถามแบบนี้เฟรนด์คงกล้ามีปัญหาหรอกนะ
“ปะ...เปล่าครับ” นี่ก็จะสะดุดอะไรนักหนาเฟรนด์
“เสื้อผ้าของใช้ไปเอาที่ห้องเฟรนด์ก็ได้นี่ครับ” แวะไปที่ห้องผมก็ไม่ไกลจากที่นี่มากนะ อาจจะเสียเวลานิดหน่อยเพราะช่วงนี้รถน่าจะติด
“ไม่เอาเสียเวลา ไปซื้อที่ห้างแถวนี้แหละสะดวกดี พี่รีบด้วยหรือไม่ก็ไปซื้อที่โน่นเลย ว่าไงเอาไงก็บอกได้นะ” ก็คิดแทนหมดแล้วนี่จะถามทำไมอีก
“ตามใจพี่ภากรครับ” ผมปฏิเสธได้ไหมล่ะเอาไงเอากันวะ มาถึงขั้นนี้แล้วขึ้นหลังเสือแล้วต้องไปต่อให้สุดเป็นไงเป็นกันเว้ย
“ว่าง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย” นี่เขาเรียกปากหวานใช่ไหมครับ แล้วไอ้ที่เหวี่ยงใส่พี่ภพที่ห้องเมื่อกี้ อะไรเข้าสิงไม่ทราบครับพี่ภากร จะไม่ว่าง่ายได้ไงตลอดทางที่เดินมาห้องนี้มีลูกน้องพี่ภากรยืนเต็มไปหมดเลย มาเฟียโหดชัด ๆ ไม่ว่าง่ายเกิดปืนลั่นโป้งป้างขึ้นมาทำไงครับ ผมยังรักชีวิตผมอยู่นะครับ ยังไม่ครบ 20 ปีเลยนะ เราสองคนนั่งทานข้าวไปพร้อมมีคนยืนเฝ้าอยู่ 3 คน ผมมองคนเหล่านั้นสลับกันไปมากล้า ๆ กลัว ๆ ไม่เคยตกอยู่ในบรรยากาศนี่ชวนอึดอัดแบบนี้มาก่อนเลยนะ
“ทำไมครับอึดอัดเหรอ” เหมือนพี่ภากรจะสัมผัสได้
“มันไม่ชินนี่ครับ กินข้าวอยู่ก็มีคนยืนจ้อง” เหมือนผมทำอะไรผิดงั้นแหละที่ต้องมองไม่ให้คลาดสายตา
“พวกมึงออกไปก่อน”
“แต่นายครับ”
“ถ้ากูจะเป็นอะไรกูตายตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว กูนอนกอดเฟรนด์มาทั้งคืนไอ้พวกนี้นี่ ห่วงไม่เข้าเรื่อง” จำเป็นต้องไปบอกเขาขนาดนั้นไหมครับพี่ภากรว่าเมื่อคืนเราทำอะไรกัน โอ้ย!! ไอ้เฟรนด์จะบ้าตาย
“ครับนาย”
“รอรับคำสั่งกูข้างนอกพอ ถ้าห่วงกูมากประตูห้องก็ไม่ต้องปิด”
“ครับนาย”
นี่เขาตั้งโปรแกรมไว้แค่นี้เหรอ 'ครับนาย ครับนาย ครับนาย' พูดเป็นอยู่แค่เนี้ย