“ศิดา” เขาเปิดประตูห้องทำงานออกมาแล้วร้องเรียก
“คะ..ท่าน?” ราเมศวร์ชะงักกับคำพูดของหญิงสาว และเมื่อเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปิดบัง
“เอ่อ ถ้าว่างแล้วเข้ามาหาผมหน่อย”
“หนูไปก่อนนะคะ” อรรัมภาเห็นว่ามีงานก็เลยขอตัว ศศิดาหยิบแท็บเล็ตและโทรศัพท์ รีบตามเข้าไปรับคำสั่ง
“ทำไมต้องปิดบัง?” เข้ามาเจอคำถามของเขาเลยชะงักนิดหนึ่ง
“ก็..เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน ต้องขอความร่วมมือจากท่านรองด้วยนะคะ”
“นึกว่าอายที่คบกับผม!” เธอเห็นสีหน้าน้อยใจของเขา ในใจพลันอ่อนยวบ เพราะเขาไม่ค่อยจะแสดงอารมณ์ออกมาให้เห็นบ่อยนัก เธออยากเอาใจเขา จึงทำใจกล้าเดินเข้าไปหา แล้วนั่งลงบนตัก ราเมศวร์ชะงัก เห็นได้ชัดว่าตกใจ
ศศิดาไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่นั่งลงบนตักของเขาแบบนี้ ก่อนหน้านี้ราเมศวร์รับสมัครเลขามาไม่น้อย และมักจะทำแบบนี้กับเขา แต่ไม่เกินห้านาทีก็ถูกไล่ออก
แต่พอเป็นหญิงสาวทำแบบนี้บ้าง เขากลับใจเต้นแรงรัวจนสะท้านไปทั่วท้องน้อย ความแข็งขึงในกางเกงขยายตัวใหญ่ขึ้นทันที ศศิดาชะงักนิดหนึ่ง ใบหน้านวลแดงระเรื่อ เมื่อรับรู้ได้ถึงความแข็งตึงมหึมาที่อยู่ด้านใต้
“แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะปลุกให้มันตื่นขึ้นมา?” น้ำเสียงของเขาฟังผิดปกติ แต่ปกปิดไว้ด้วยความจริงจัง
“ศิดาก็แค่อยากจะเอาใจ ทำไมต้องทำเสียงซีเรียสด้วยคะ?” เธอแค่อยากยั่วเขาเล็กน้อย เพราะรู้แล้วว่าใจเขาไม่แข็งจริงเท่าไหร่ ทำเป็นขึงขังไปอย่างนั้นเอง
“เชื่อผม ลงไป!” ราเมศวร์เตรียมจะอุ้มหญิงสาวขึ้น จะเอาไปวางลงบนโซฟา แต่เธอไม่ยอม กดมือกับโต๊ะกันไว้
"ศิดา!" เขาปรามเสียงดุ
“บอกก่อนว่า ไม่งอนศิดาแล้ว”
“ไม่งอน!” เขาพูดออกมาง่ายๆ
“แล้วต้องการศิดาไหมคะ?” เธอถามเสียงหวาน แกล้งยั่วเขาอีก
“ศิดา! อย่ายั่ว!” เสียงเขาเริ่มทำเสียงดุ แต่ปลายเสียงแหบพร่าเล็กน้อย
หญิงสาวพอโดนดุก็ทำแก้มพอง แล้วขยับจะลุก แต่แรงเสียดสีตอนขยับตัวทำให้ราเมศวร์ครางออกมาอย่างหมดความควบคุมตัวเอง
“ศิดาาา..”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ศศิดารีบหมุนตัวลงจากตักอย่างรวดเร็ว จนเขาคว้าไว้ไม่ทัน สีหน้าเขาบึ้งตึ้งจนเธอใจไม่ดี ปรายตาคมกริบราวกับเหยี่ยวมาที่เธอ แล้วกดรับโทรศัพท์
“ครับ!”
พอเห็นว่าเขารับโทรศัพท์แล้ว ศศิดาก็รีบเดินเข้าไปใกล้ โน้มตัวไปประทับรอยจุมพิตเบาๆ บนแก้มของเขา เธอทำเหมือนเด็กที่งอนง้อหลังทำความผิด ซึ่งพอทำแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
ราเมศวร์มองตามร่างบอบบางของหญิงสาว ขณะที่หูก็กำลังฟังปลายสายสนทนา เขารู้สึกว่าที่แก้มของเขายังคงอุ่นๆ อยู่ มุมปากปรากฏรอยยิ้มดูอบอุ่น ไม่ได้บึ้งตึงแบบเมื่อครู่
………………………
ตึ๊ง!! เสียงข้อความเข้า ศศิดาหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู
“คุณกลับไปก่อนนะ ผมมีงาน” เธอเงยหน้ามองเขาผ่านกระจกกั้นหน้าห้องทำงาน เขากำลังคุยกับลูกค้า แต่แอบส่งข้อความมาบอก คงกลัวว่าจะรอ
น่ารักจริงๆ เลย..
“ค่ะ” เธอตอบกลับ แล้วกดหัวใจเตรียมจะส่ง แต่ก็ชะงักอยู่ ได้คิดว่าเขายังไม่เคยบอกรักเธอเลยสักครั้ง ถ้าเธอส่งไปคงจะน่าอายไม่น้อย เลยกดลบออก แล้วเก็บของเตรียมกลับบ้าน
ตึ๊ง!! เธอหยิบโทรศัพท์มาเปิดอ่าน เป็นสติ๊กเกอร์หมาน้อยส่งจูบ เธอหน้าแดงเงยหน้าขึ้นมอง เขาไม่ยิ้ม แต่ส่งสายตาแฝงความปรารถนามาให้ เธอเลยกดสติ๊กเกอร์รูปแมวน้อยทำท่าเขินส่งกลับไป
ตึ๊ง!! เธอหยิบโทรศัพท์มาดูอีก แต่ไม่ใช่ของเขาส่งมา
“ศีดา! ชั้นกลับมาแล้ว จะถึงสนามบินประมาณทุ่มกว่าๆ มารับด้วยนะ!” เป็นข้อความของวรรณวริน หรือหวาน เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัย ปัจจุบันเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงดังมาก
ศศิดามองนาฬิกาตั้งโต๊ะ ตอนนี้ห้าโมงครึ่ง เธอรีบคว้าประเป๋าแล้วเดินออกมาอย่างเร็ว ช่วงเวลานี้เป็นเวลาเลิกงาน รถจะติดมาก
………………………
โทรศัพท์ของศศิดาดังขึ้นมา ขณะที่เธอกับเพื่อนสาว ที่เพิ่งไปรับมาจากสนามบิน กำลังนั่งกินข้าวบนโต๊ะพับสำหรับนั่งกับพื้นในห้องนั่งเล่น เธอกดรับสาย
"คุณอยู่ไหน?" น้ำเสียงของคนโทรเข้ามาแสดงออกถึงความไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน
"อยู่บ้านศิดาค่ะ"
“ไปทำอะไรที่นั่น?”
"คืนนี้ศิดาขอค้างที่บ้านนะคะ เพื่อนเพิ่งกลับจากต่างประเทศ"
"ผู้หญิง?" เสียงกัดฟันเน้นย้ำยามเอ่ยถาม ฟังดูเหมือนแฝงแววเสียดสีอยู่ในนั้น
“ผู้หญิงค่ะ”
"ส่งโลเคชั่นมา"
"คุณจะมาเหรอคะ?"
"อืม" คำเดียวสั้นๆ พูดเพิ่มขึ้นอีกนิดคงกลัวดอกพิกุลจะร่วง
แต่ศศิดาก็ส่งโลเคชั่นไปให้เขา จะมาหรือไม่ก็แล้วแต่
"ใครน่ะ แฟนเธอเหรอ?"
"อืม" หญิงสาวไม่ได้อธิบายเพิ่ม เพราะมัวแต่กดส่งข้อความ
"ชั้นนึกว่าเธอจะสร้างบ้านบนคานทองเสียอีก!"
"ฉันก็คิดไว้แบบนั้นเหมือนกัน"
"เขาทำงานอะไร อายุเท่าไหร่ หน้าตาเป็นยังไงน่ะ?"
"เป็นนักธุรกิจ อายุประมาณสามสิบห้า เดี๋ยวถ้าเขามาเธอก็ดูเอาเองแล้วกันว่าหน้าตายังไง" ศศิดาอมยิ้มเล็กน้อย
"เออนี่! ชั้นมีของขวัญวันเกิดมาให้ เป็นชุดที่ชั้นใส่ถ่ายแบบที่นู่น พอดีว่ามันมีตำหนิทางแบรนด์เขาเลยยกให้ ฉันเลยคิดถึงเธอ ตัวนี้เป็นพรีคอลเลคชั่น เปิดตัวปลายปีนี้แหละ ถึงแม้หน้าอกเธอจะอวบกว่าฉัน แต่ก็น่าจะใส่ได้อยู่หรอก" วรรณวรินพูด แล้วเดินไปเปิดกระเป๋าค้นหาสิ่งที่ต้องการ "อ๊ะ เจอแล้ว นี่ไง!!"
"ตายแล้ว!! เรียบแต่ดูดีอะไรอย่างนี้นะ เป็นบุญของฉันจริงๆ ที่มีโอกาสได้ใส่เสื้อแบรนด์ระดับนี้ แต๊งกิ้วนะ"
"เธอต้องอวยพรให้ฉันมากๆ กว่าจะได้เป็นมิวซ์ของแบรนด์ดังระดับโลกไม่ใช่ง่ายๆ!" วรรณวรินอวดอ้างเล็กน้อย เพราะกว่าเธอจะได้มามันยากเย็นจริงๆ เธอต้องพลีกายไปไม่น้อยทีเดียว
"ฉันไปลองชุดก่อนนะ" ศศิดาคว้าชุดแล้ววิ่งเข้าไปในห้องนอน
………………………
เสียงโทรศัพท์มือถือของศศิดาดังขึ้น วรรณวรินถือโอกาสเดินมาดู ศศิดาเมมชื่อไว้ว่าท่านรอง ชื่อนี้คงมีตำแหน่งเป็นรองประธาน อาจจะเป็นทายาทเจ้าของบริษัท แต่จะใหญ่โตระดับไหนคงต้องลองเลียบๆ เคียงๆ ถาม
ศศิดาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเสร็จพอดี วิ่งออกมาจากห้อง แล้วกดรับสาย
"ฮัลโหล"
"ผมอยู่หน้าบ้านคุณ"
“คุณจะเข้ามาไหมคะ?”
“ไม่!”
"จะออกไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!" เธอกดวาง
"มาแล้วรึ พามาแนะนำให้รู้จักบ้างสิ"
"อืม ถามเขาก่อนนะ"
ศศิดารีบวิ่งออกไป แต่พอพ้นประตูหน้า เธอก็เดินช้าๆ ไปหาเขา ชุดที่เธอสวมเป็นเดรสยาวผ้าชีฟองสีฟ้าจางเกือบขาว ช่วงแขนเปิดกว้างคล้ายปีกค้างคาวครึ่งต้นแขน เปิดด้านหลังเกือบถึงเอว คอวีกว้างเผยให้เห็นช่วงเนินอกอวบ
เขาเปิดประตูเดินอ้อมมายืนพิงข้างรถ มองหญิงสาวเดินเข้ามาหาด้วยมาดของนางแบบ ผมดำมันยาวสยาย ผ้าพริ้วเนียนไปตามรูปร่างยามเคลื่อนไหว เห็นส่วนสัดโค้งเว้าชัดเจน ดูสวยหวาน และเซ็กซี่ โดยเฉพาะช่วงหน้าอกอวบ เห็นเป็นเงาซึ้งกระตุ้นให้เกิดจินตนาการ จนใจเขาเต้นแรงรัว
หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้แล้วหมุนตัวให้เขาดูหนึ่งรอบ
"ชุดสวยไหมคะ?" เธอยิ้มจนเห็นลักยิ้มบนแก้ม ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้ชวนหลงใหลเข้าไปอีก
"สวย แต่ไม่ใช่ชุดนะ!" เขากอดอก แล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"นี่น่ะ พรีคอลเลคชั่นจากแบรนด์ดังเชียวนะคะ"
"ศิดาอยากได้แบรนด์ไหนก็บอก ผมจะซื้อให้" ศศิดาหัวเราะ
"ไม่เอาหรอกค่ะ เปลืองเงิน ชุดนี้เพื่อนได้มาฟรี เลยให้เป็นของขวัญวันเกิด" ราเมศวร์ขมวดคิ้ว แต่ไม่พูดอะไร
"ไปฉลองชุดกันหน่อยไหม?"
"ไปไหนคะ พาเพื่อนไปด้วยได้หรือเปล่า?"
"เห็นใจผมหน่อยสิ คืนนี้ผมต้องกลับไปนอนคนเดียว ขอเวลาให้ผมอยู่กับศิดาสองคนนะ" ศศิดายิ้มหวาน
"งั้นก็ได้ค่ะ"
ราเมศวร์ทรงตัวยืนขึ้น แล้วจับข้อศอกหญิงสาว เปิดประตูให้ แล้วเดินอ้อมไปด้านตัวเอง ขับรถออกไป
"ไปไหนดีคะ?" ศศิดาถามความเห็น
"ที่ๆ บรรยากาศดีๆ มีเพลงฟัง และมีแค่เราสองคน" คำตอบของเขาทำให้เธอหัวเราะ
"งั้นมีที่นึงค่ะ"
………………………
"ที่นี่เป็นแลนด์มาร์กของคนกรุงเชียวนะคะ ตรงนี้เป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำ ใกล้สะพานแขวน บรรยากาศดี คนส่วนใหญ่จะชอบมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกกัน และเป็นที่ที่คู่รักมักจะมานัดเดทกันที่นี่" ราเมศวร์จอดรถ หลังจากที่ศศิดาให้เขาจอดแบบหันท้ายรถมาทางริมน้ำ
เธอเปิดประตูออกไป เดินอ้อมมาทางหลังรถ พอดีกับที่เขาเดินมา ตอนนี้เป็นช่วงสามทุ่มกว่าๆ คนน้อยแล้ว ไม่เหมือนตอนเย็นหรือช่วงหัวค่ำ
“ถูกใจไหมคะ?”
"อืม" เขายืนมองรอบๆ อย่างพอใจ