"คุณแน่ใจแล้วหรือคะ?" เธอถามอีกครั้ง เมื่อเขาจอดรถที่หน้าสำนักงานเขต
"อืม" เขาพยักหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าหญิงสาวขัดข้องอะไรนักหนา
เขาหยิบซองบุหรี่จากลิ้นชักเก็บของออกมา ตอนที่กำลังจะจุดบุหรี่ที่คาบอยู่ที่ปาก สายตาเหลือบขึ้นมามองเธอ ส่วนเธอเห็นแล้วก็มองเขาเฉยอยู่ไม่ได้ว่าอะไร แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจเก็บไลท์เตอร์กับบุหรี่ในลิ้นชักตามเดิม
"แต่ว่าเรายังรู้จักกันไม่ดีพอ ถึงขั้นแต่งงานหรือจดทะเบียนสมรส"
"ก็ถือซะว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกัน"
"ยังไงคะ?"
"ผมจะดูแลและเลี้ยงดูคุณอย่างดี คุณก็แค่คอยกีดกันผู้หญิงน่ารำคาญพวกนั้นออกให้ห่างผม!"
"คะ? คุณหายป่วยแล้วไม่ใช่รึ ทำไมตรรกะคุณยังป่วยอยู่ล่ะ!" เขาทำเสียงหึหึ คล้ายหัวเราะเบาๆ ในคอ
"เป็นข้อตกลงที่ไม่มีวันหมดอายุ สนใจไหม?" เขาต่อรอง
"ถ้าคุณยังยืนยันอย่างนั้น ศิดาก็ตกลง ถ้าวันนึงข้างหน้าคุณอยากจะหย่า ศิดาก็จะยอมรับโดยไม่มีข้อแม้" เธอพูดคลุมเครือ อย่างน้อยได้หักหน้าศศิพิมพ์ช่วงหนึ่งก็ถือว่าคุ้มแล้ว
"มีคำถามค่ะ"
"ว่ามา"
"คุณเคยมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว หรือในแบบคนรักกับใครมาก่อนศิดารึป่าวคะ"
"เคยมี แต่ไม่เคยคบใคร" ศศิดาตกใจเล็กน้อย กับความตรงไปตรงมาของเขา
………………………
ศศิดาเดินเข้าไปในสำนักงานเขตพร้อมกับราเมศวร์ นั่งรอเป็นคิวที่สอง เธอมองคู่รักที่มาจดทะเบียนเป็นคิวแรก นัยน์ตาของ
ผู้หญิงคนนั้นดูมีความสุขมาก ที่ได้จดทะเบียนสมรสกับคนที่เธอรัก และกำลังจะได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
ความรู้สึกของคนที่กำลังจะแต่งงาน คงจะเป็นแบบนี้สินะ..
สำหรับเธอแน่นอนว่ามีนัยยะแอบแฝง แต่เขาล่ะ?..รู้สึกยังไงกับเธอกันแน่ หรืออาจเป็นเพราะเรื่องการหมั้น เขาคงต้องการให้เธอไปเป็นไม้กันหมาให้จริงๆ ส่วนเรื่องเซ็กส์..ก็เป็นแค่เรื่องทางกาย จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เป็นเธอที่ยินยอมพร้อมใจเอง ศศิดาถอนใจเล็กน้อย
ช่างเถอะ!! ในยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนี้ ผู้หญิงติดเทรนด์แม่ม่ายกันเยอะ เนื้อหอมกว่าสาวโสดเสียอีก!!
คู่แรกเสร็จแล้ว ศศิดาหันไปมองราเมศวร์ เห็นเขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ คงจะคุยเรื่องงาน
"คุณราเมศวร์! ถึงคิวแล้วค่ะ" เขาหันมาพยักหน้า
เจ้าหน้าที่ฝ่ายจดทะเบียนสมรส สอบถามคำถามง่ายๆ ทั่วไป อย่างเช่นเจอกันที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง แล้วก็ให้ไปถ่ายรูป ราเมศวร์เอานิ้วเขี่ยที่ปลายข้อมือเสื้อเชิ้ต ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือหลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้ว
"คุณเก็บทะเบียนสมรสไว้ก่อน เราต้องรีบเข้าบริษัท" เขาพูดจบก็เดินออกจากสำนักงานเขตทันที เธอนึกออก มีประชุมสำคัญช่วงบ่าย จึงรีบเดินตามเขาไป
………………………
ขณะที่รถกำลังจอดรอสัญญาณไฟแดงอยู่ ศศิดาแกะขนมปังออกมากินรองท้อง เป็นขนมปังเนยสดเนื้อแป้งนุ่ม ไส้ทะลัก หอมนมเนยฟุ้งไปทั้งรถ เธอชำเลืองมองเขาทีหนึ่ง มองขนมปังในมือตัวเองอย่างตัดใจ แล้วยื่นไปที่ข้างปากของเขา
“ทานรองท้องสักนิดไหมคะ?” หญิงสาวยิ้มออกมาจนเห็นลักยิ้มข้างแก้ม
“ไม่!” เขามองขนมปังในมือนิดหนึ่ง ทำหน้านิ่วแล้วเบนหน้าออก เขาเป็นคนไม่ชอบกินของหวาน
ศศิดาเบะปากอย่างไม่ขัดใจ เอากลับมาใส่ปากตัวเอง แล้วเคี้ยวอย่างฟินในอารมณ์
“หืม!..หอมเนยสด เนื้อนุ้มนุ่ม ไส้ครีมนมสด ทั้งหอม ทั้งหวาน!”
“กินอยู่ ห้ามพูด!” เขาเตือน ศศิดาตวัดสายตาค้อนเขาแล้วบิใส่ปากกินเงียบๆ
ร้ายจริงๆ!!
รถติดสัญญาณไฟแดงอีกแล้ว คราวนี้นานกว่าเก่า เขาหันไปมองข้างทางอย่างเบื่อๆ แล้วหันกลับมามองหญิงสาวที่ยังกินไม่หยุด
“ยังไม่อิ่มอีกเหรอ?”
เธอไม่สนใจคำพูดประชดประชันของเขา หยิบขนมปังชิ้นสุดท้ายขึ้นมาจะใส่ปาก แต่แล้วเขาก็กลับจับข้อมือเธอไว้ งับเอาขนมปังใส่ปากตัวเองแทน หญิงสาวอ้าปากค้างมองเขานิ่งอย่างเสียดาย จนเขาปรายตามามองจึงหุบปากลง
“อร่อยไหมคะ?”
“งั้นๆ!” ท่าทางของเขา สามารถใช้คำว่าเย็นชามาอธิบายได้เป็นอย่างดี ทำให้เธอรู้สึกว่าเสียของ
แล้วเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ศศิดามองบนจอที่เชื่อมต่อบลูทูธในรถ เขาเมมไว้ง่ายๆ ว่าแม่ ราเมศวร์หยิบหูฟังบลูทูธขึ้นมาใส่ แล้วกดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล”
“ราม! คุณนิจโทรหาแม่ บอกว่าเจอแฟนของลูกในร้านอาหาร”
“นี่เขาโทรข้ามทวีปไปฟ้องเลยหรือครับ”
“อย่ามาเฉไฉ! ตอบแม่มาก่อน”
“ไม่ใช่แฟน! เมียครับ!”
“ราม! เรื่องแบบนี้อย่ามาพูดล้อเล่น!”
“ผมเคยล้อเล่น?”
“ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ! รับปากเขาเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว รอแค่ฤกษ์เท่านั้น!!”
“ผมสามสิบห้าแล้วครับ!” เขามีวุฒิภาวะมากพอที่จะเลือกใช้ชีวิตของตัวเอง สิ่งที่ดีสำหรับแม่ แต่คงไม่ใช่สำหรับเขา
“แต่แม่รับปากเขาไปแล้ว! รามจะให้แม่ผิดคำพูดไม่ได้นะ!!”
“ไม่ใช่ปัญหาของผม” เขาไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ทุกคนในครอบครัวต่างรู้ดี แต่แม่ก็ยังเลือกใช้วิธีมัดมือชกกับเขา
“ไม่ว่ามันจะเป็นใคร แม่ไม่ยอมรับ!!”
ศศิดาเห็นเขาปลดหูฟังออก ก็เอาแต่จ้องเขาแต่ไม่กล้าถาม มีความอยากรู้เขียนไว้เต็มหน้า ราเมศวร์หันมามอง
“เก็บความอยากรู้อยากเห็นของคุณไปเลย!” ท่าทีของเขามีความยโสนิดๆ ศศิดาแอบนึกค่อนขอดในใจ
คนขี้งก!!
“วันนี้เลิกงานแล้วไปเก็บของที่บ้านมาไว้ที่คอนโด ให้เมธัสไปช่วย” เขาสั่ง
“โอ๊ะ! ไม่เป็นไรค่ะ ฉัน..เอ้อศิดาทำเองได้” เธอรีบเปลี่ยนสรรพนามเมื่อเขาปรายตามามอง
“อย่าเถียง! คุณทำคนเดียวเมื่อไหร่จะเสร็จ”
“แหม! ก็ใช่ว่าจะขนมาหมดบ้านเสียหน่อย” เขาปรายตาเย็นชามาอีกแว่บหนึ่ง แต่ไม่พูดอะไร
แล้วเขาก็เลี้ยวรถเข้าที่จอดรถส่วนตัวของผู้บริหาร พอดับเครื่องเธอก็เลยปลดเข็มขัดนิรภัย เตรียมจะเปิดประตู
“ศิดา”
“คะ?” เธอหันตามเสียงเรียก
เขาชะโงกเข้ามาใกล้ เลื่อนตัวออกมาจากหลังพวกมาลัยเท่าที่พอจะเลื่อนได้ เพื่อจะได้แนบชิดเนื้อตัวของเธอ แล้วกดจุมพิตหนักหน่วงดูดดื่มเร้าอารมณ์ที่ริมฝีปากแดงระเรื่อ ศศิดาชะงักนิดหนึ่ง แต่แล้วก็เอนตัวเข้าหา โอบแขนรอบคอเขา มือประสานกันลูบต้นคอแข็งแรงนั้น เลยเข้าไปในเส้นผม
เสื้อเชิ้ตของเธอเป็นแพรเนื้อนิ่ม เมื่อมือของเขาลูบไล้ก็เกือบเหมือนพบเนื้อจริง เขากระชับแขนอ้อมหลังเธอ ฝ่ามือกดกระชับชายโครงรั้งร่างบอบบางให้ลำตัวบิดนิดๆ เข้าเบียดชิดลำตัวส่วนบนของเขา
มือของเขาไม่อยู่นิ่งเฉย ลูบไล้ทั่วแผ่นหลัง สีข้างและลำตัวด้านหน้าที่มืออ้อมถึง กดให้ร่างแนบชิดกัน จนอกอวบของหญิงสาวเหมือนจะราบลงกับแผ่นอกกว้าง กระดุมเชิ้ตที่เค้าสวมอยู่ กดลงในเนื้อของเธอจนรู้สึกเจ็บนิดๆ
เขาถอนริมฝีริมปากเพื่อจะจูบไซร้ลงมาตามลำคอ แล้วเบี่ยงขึ้นมาหาแอ่งเล็กหลังติ่งหู เธอก็เงยแหงนให้เขาทำตามชอบใจโดยไม่ขัดขืน
"อาาา~" ศศิดาถอนใจเบาๆ เหมือนครางครวญด้วยความวาบหวาม
ราเมศวร์ได้ยินเสียงครางครวญนั้น เขาผงกศีรษะขึ้นมองด้วยสายตามุ่งมาดปรารถนาก่อนจะบดเคล้าริมฝีปากลงมาอีก เขาเบี่ยงตัว รั้งเอวนิดๆ จนเกยขึ้นมาบนตักอย่างเต็มที่ ให้ศีรษะหงายเงยอยู่กับบนไหล่และแขนของเขาที่โอบรับไว้
หญิงสาวถอนใจยาว มือที่โอบคอเขาเลื่อนลงมาตามแผงอก สอดเข้าใต้เสื้อนอก วางประทับบนเสื้อเชิ้ต รู้สึกไออุ่นจากผิวหนังของเขาและหัวใจที่เต้นแรง มือรุมร้อนของเขาที่เคล้าเคลียอยู่แถวโค้งสะโพก เลื่อนมาเพื่อปลดดุมเชิ้ตออกสองเม็ด แล้วจับมือของเธอให้สอดเข้าไปไล้ผิวภายใน
เขาไม่สวมเสื้อยืดหรือเสื้อกล้ามชั้นใน พ้นเชิ้ตก็เป็นเนื้อแท้อยู่ใต้ฝ่ามือและปลายนิ้วของเธอ อกเขาไม่ลื่น ระคายมือด้วยเส้นขนหยาบประปรายที่ทำให้จั๊กจี้ฝ่ามือนิดๆ ศศิดาครางอย่างไม่รู้ตัว แต่เขาก็ประทับริมฝีปากลงมาเก็บเสียงไว้
เขารู้สึกว่าหญิงสาวอาจจะเรียกได้ว่าเป็นสาวแรงสูง แต่สำรวมกายสำรวมใจให้อยู่กรอบของสตรี เขาเชื่อว่านอกจากเขาแล้ว เธอไม่เคยใกล้ชิดเพศตรงข้าม และเผชิญหน้ากับความเย้ายวนมาก่อน หญิงสาวคือฟาง และเขาคือไฟ
ศศิดาไม่คิดถึงความควรไม่ควรอะไรทั้งนั้น นอกจากว่าผู้ชายเสน่ห์แรงร้อนร้ายกาจคนหนึ่ง กำลังจุมพิตเคล้าเคลียอยู่อย่างใกล้ชิด เธอลืมกลัวลืมอาย มีความสุขอย่างวาบหวาม เมื่อฝ่ามือของเขาเคล้าคลึงกระชับชิดเนินเนื้อนุ่ม ขณะที่ปลายนิ้วแตะปลุกยอดอกให้ตื่นตัว
ศศิดาปล่อยมือที่ลูบคลำแผ่นอกของเขาใต้เสื้อเชิ้ต ค่อยๆ ลูบเรื่อยลงมา จนเลยขอบกางเกงไปพบหน้าท้องเรียบแข็งด้วยกล้าม ราเมศวร์สั่นเยือกทั้งตัว ละริมฝีปากจากริมฝีปากของเธอมาที่ใบหู ลิ้นอุ่นๆ ฉกแว่บเข้าในซอกหู พร้อมกับที่ฟันคมขาวกัดเบาๆ ศศิดาเองก็พลอยสั่นไปด้วย สั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยกันทั้งคู่
“ศิดา!..ศิดา..ผมจะคลั่งอยู่แล้ว!..” เขาคราง ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดผิวเนื้อของเธอเป็นจังหวะถี่ๆ
เขาจูบเธออีก มือของเขาละจากทรวงอกไถลเลยมาถึงหน้าท้อง ลูบเรื่อยถึงความกลมมนของสะโพก ช้อนเข้าหาความแน่นของบั้นท้ายเต็มตึง ชายกระโปรงของหญิงสาวรั้งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนพ้นเข่า เปิดขึ้นมาราวครึ่งขาอ่อน
แล้วอยู่ๆ เขาก็จับเอวเธอยกตัวขึ้นพ้นตัก ให้นั่งที่เบาะข้างตัว ส่วนเขาเองขยับไปนั่งที่เดิม มือกำพวงมาลัยแน่น ก้มศีรษะซบลงระหว่างแขน อาการที่ไหล่ของเขาขยับเคลื่อนไหว แสดงว่ากำลังหายใจแรงขณะที่กำลังควบคุมอารมณ์ตัวเอง
ศศิดาก้มหน้า หลุบตาลง เห็นขนตาทาบแก้มนวลเป็นแพละเอียด ก้มจัดเสื้อผ้าและกระโปรงให้เข้าที่มือไม้สั่น เขาหันมายื่นมือไล้แก้มนวลเบาๆ
“โกรธไหม?” หญิงสาวยิ้มจนเห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้ม แล้วสั่นหน้า
“ศิดาขึ้นไปก่อนนะคะ”
“อืม”
………………………
ราเมศวร์เดินเข้ามาที่หน้าโต๊ะทำงานของเธอแล้วชะงัก ทำสีหน้าคล้ายถูกขัดใจ เดินเข้ามาใกล้ เอื้อมมือมาดึงดินสอที่ศศิดาเสียบเพื่อรั้งผมไว้เป็นมวยกลายๆ นั้นออก ทำให้ผมดำมันหนาราวกับม่านไหม ทิ้งตัวกระจายเต็มหลัง
“ผมชอบแบบนี้” เขาพูด วางดินสอลงบนโต๊ะ แล้วเดินเข้าห้องทำงานไป
เผด็จการที่สุด!!