เวลาต่อมา...
“ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง...” ทันทีทีที่รถออกตัววิ่ง ติณณภพก็เอ่ยถามบุตรชายข้างกายในทันที นึกเสียดายที่ไม่สามารถทำหน้าที่พ่อของลูกได้อย่างเต็มที่ เพราะการฟ้องหย่าของเขาทำให้ชินิตาได้สิทธิ์ในหารเลี้ยงดูบุตร แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกเสียใจจนถึงวันนี้
“ก็...ดีครับ”
“ไม่มีใครรังแกใช่ไหม”
“เอ่อ...ไม่มี ก็...ไม่มีแล้วครับ” แม้คนเป็นลูกจะว่าอย่างนั้น แต่เชื่อเถอะว่าลูกของเขาโกหกไม่เก่งเลยสักนิด
“พ่อไม่อยากให้เตย้ายโรงเรียนอีกแล้วนะ เตมีอะไรเตบอกพ่อนะครับ”
“...ครับ”
“มีเพื่อนใหม่ยัง”
“ยังครับ ผมชอบอยู่คนเดียว” เตชินท์ตอบเสียงสั่น มีเพื่อนที่โรงเรียนเก่าชอบรังแกเขาเพราะเห็นว่าเขาอยู่คนเดียว เด็กชายมีนิสัยชอบความสันโดษ อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกทางใจที่ทำให้กลัวการอยู่กับคนอื่นและเกิดความผูกพันไม่รู้ตัว เพราะเขาเคยรู้สึกแบบนี้ตอนที่มีครอบครัวสมบูรณ์แบบ
“ทำไมล่ะครับ” เตชินท์หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เพราะวัยที่กำลังเติบโตนี้ทำให้เขารู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ยิ่งเติบโตขึ้นมากเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้ปัญหาของพ่อแม่มากเท่านั้น คำโกหกของคนเป็นพ่อเริ่มหลอกเขาไม่ได้แล้ว
“ผมอยากให้พ่อกลับมาอยู่บ้าน” รถยนต์คันหรูเสียจังหวะเล็กน้อยเมื่ออยู่ ๆ บุตรชายก็พูดขึ้นมา “แม่บอกว่าพ่อจะมาหาถ้าผมบอก”
“_”
“พ่อครับ...พ่อมา อึก หาแม่ด้วย” เด็กชายรู้ว่าพ่อเขามาหาบ่อยแค่ไหน แต่คนเป็นพ่อก็มาหาแค่เขาเท่านั้น ติณณภพไม่ได้ย่างเท้าเข้าไปในบ้านตั้งแต่หย่าร้างกับชนิตาเมื่อห้าปีก่อน เขาอดทนใช้ชีวิตกับเธอเพื่อให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบได้แค่แปดปีเท่านั้น...เขาอดทนได้แค่นั้นจริง ๆ ชายหนุ่มไม่ได้รักเธอ
“เต...แม่บอกให้เตมาพูดเหรอครับ”
“อึก ปะ เปล่า”
“เดี๋ยวเตโตขึ้น เตจะเข้าใจพ่อนะ” ติณณภพไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ เตชินท์คงเสียใจแทนคนเป็นแม่ แต่ชนิตาก็ต้องยอมรับโชคชะตาที่เธอตั้งใจให้มันเกิดขึ้น
“พ่อจะนอนบ้านคุณย่าหรือเปล่า...” เตชินท์เอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ และดูเหมือนวว่าอีกหน่อยแม่ของเขาจะโทรมาถามเรื่องนี้
“ไม่นะ พ่อจะกลับไปนอนคอนโด เตไปนอนกับพ่อไหม”
“เอ่อ...ไม่ดีกว่า” เด็กชายส่ายหน้าเบา ๆ ถ้าเขาไป มีหวังโดนคนเป็นแม่ดุแถมอาจจะโดนตีด้วย ซึ่งท่าทีเหมือนกับกลัวอะไรบางอย่างทำให้ติณณภพอดที่จะสงสัยไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรครับ เตต้องทำการบ้าน”
“ก็ดีน่ะสิ พ่อจะได้สอนเตไง...” เตชินท์รีบส่ายหน้าให้กับคนเป็นพ่อทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“เอ่อ พอดีเตทำเองได้ แล้วก็แม่บอก แม่บอกว่าจะ จะสอนให้”
“เหรอ...แม่เราน่ะนะ” ติณณภพไม่เชื่อหูตัวเอง ขณะที่คนเป็นลูกก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ แม้ว่าความจริงแล้วชนิตาได้ขู่กับเขาว่าถ้าไปอยู่กับพ่อจะโดนตี เด็กชายคิดว่าคนเป็นแม่หวงเขา โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าคนเป็นแม่จงใจใช้เขาเป็นตัวล่อให้ชายคนรักมาหา...แต่ถึงกระนั้นติณณภพก็ไม่เคยคล้อยตามสักครั้ง รวมถึงครั้งนี้อีกด้วย...
อีกด้านหนึ่ง....
-น้ำชา-
ฉันมีเรื่องเล่า...
เล่าได้ไม่มากเพราะฉันเป็นคนไม่ชอบเล่าอะไรสักเท่าไร จะว่าไปแล้ววันหยุดแบบนี้ฉันควรได้นอนใช่ไหม แต่ไม่ มันเหมือนกับเป็นกิจวัตรประจำวันหยุดสำหรับคนในกลุ่มที่ยังไม่ได้แต่งงานและมีลูก นั่นคือการเลี้ยงหลาน
อ้อ...ไอ้เจมส์ฟื้นแล้ว มันโทรมาเมื่อกี้บอกไม่ต้องเป็นห่วง ซึ่งเอาดี ๆ ฉันก็เป็นห่วงอยู่ดีแต่ก็ทำอะไรได้ไม่มากเพราะแฟนมันไม่ชอบฉัน แต่เดี๋ยวจะไปเยี่ยมมันดึก ๆ ของวัน
ต่อ...คือแบบนี้ ฉันเป็นลูกคนที่สองของพ่อกับแม่ มีพี่ชายชื่อน้ำเหนือ มีลูกพี่ลูกน้องชื่อวิลล์ มีลูกของเพื่อนพ่อชื่อ วาโย พระพาย และคนสุดท้ายที่ฉันไม่ค่อยอยากเล่าสักเท่าไร....พี่พอตเตอร์
หึ...ทั้งหมดนี้ต่างเป็นพี่ชาย และพี่สาวของฉัน
และที่สำคัญทั้งหมดแต่งงานมีลูกกันหมดแล้ว
ฉันเกิดและเติบโตกับพวกเขา ของเล่นก็เป็นของเด็กผู้ชาย ถึงแม้จะมีพี่พระพายที่เป็นผู้หญิงอีกคนแต่เธอเป็นแฟนของพี่ชายแท้ ๆ ของฉันอย่างพี่น้ำเหนือ ซึ่งพี่พระพายก็เลยไม่ได้สนิทกับฉันมากนัก เพราะเธอติดแฟนมากกว่า
ที่เล่ามาทั้งหมดเพื่อจะบอกว่าฉันกำลังอยู่กับเด็กเล็กทั้งหมดสี่คน พายุ สายฟ้า น้ำไนล์และพิ้งค์พลอย
“อาบอกว่า อาจะไปสวนสนุก แต่อาไม่เล่นเนี่ยนะ” เสียงของพายุดังขึ้นทันทีที่เรามาถึงสวนสนุก ทันทีที่กลับจากโรงพยาบาลฉันก็กลับคอนโดไปอาบน้ำเพื่อจะได้พาเด็ก ๆ มาเที่ยวเล่นในวันหยุดที่พ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้หยุดด้วย
“ใช่แล้ว...อาจะคอยดูพวกเราไง” ฉันตอบกลับพายุ เด็กชายวัยเก้าขวบ พายุเป็นลูกของพี่วาโย ตัวเล็กอายุเยอะที่สุดนอกนั้นก็ห้าขวบต่างกันแค่เดือน แต่เอาใจยากพอ ๆ กัน
“แล้วอาจะนั่งเล่นบาร์บี้กับพิ้งค์ไงคะ....”
“ไม่เอา~ พิ้งค์อยากเล่นน้ำ”
“งั้นทุกคนต้องเล่นที่สวนน้ำ”
“แต่ผมอยากขับรถไง”
“พายุรอน้องเล่นเหนื่อยก่อนไงครับ ค่อยไปเล่น” ฉันหันไปหาพายุ สวนสนุกตรงหน้าดูเหมือนจะไม่สนุกเสียแล้ว หัวฉันจะปวดก็เพราะแบบนี้แหละ
“สายฟ้าก็บอกอยากขับรถบังคับ”
“ไม่ใช่แล้ว น้องเพิ่งห้าขวบจะขับได้ยังไง” พายุหน้าบึ้ง สายฟ้าคนเป็นน้องดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าตัวเองกำลังถูกอ้างชื่อถึง ส่วนอีกคน...น้ำไนล์
นั่งเงียบจนฉันเดาใจไม่ถูก
“แล้วน้ำไนล์จะเล่นอะไร”
“อยากกลับบ้านครับ”
“กลับไม่ได้หรอก...ไม่มีใครอยู่บ้านเลย” ฉันเดินเข้าไปนั่งยอง ๆ ตรงหน้าเด็กชายตัวเล็ก ตอนนี้น้ำไนล์หน้านิ่งมาก จนฉันกลัวว่าเด็กเล็กจะอึดอัด
“แต่เดี๋ยวน้ำไนล์ก็สนุก”
“สนุกแต่พายุคนเดียวนะตอนนี้” ฉันหันไปมองพี่ชายคนโต เอาดี ๆ พี่วาโยมีลูกตั้งแต่ตอนเรียนไง เลยมีลูกห่างจากเพื่อน ๆ ขนาดนี้ แถมยังมีสายฟ้าอีก โชคยังดีที่สายฟ้าอายุเท่ากับน้ำไนล์และพิ้งค์พลอย
“โอเค ตกลงจะเล่นยังไงดี อามีแค่คนเดียวแยกร่างไม่ได้หรอกนะ”
“งั้นอาปล่อยผมไปคนเดียว”
“ตลกแล้วพายุ” ฉันส่ายหน้า นี่สินะที่เขาบอกกันว่าถ้าเราไม่มีลูกเราจะรักลูกคนอื่นเหมือนลูกตัวเอง หึ...ฉันตกหลุมรักหลาน ๆ ของฉันถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ
“งั้น...ทำไงอ่ะ ผมไม่ไปด้วยหรอกนะ”
“พายุ” ดูทำหน้าเข้า แล้วฉันจะทำอะไรได้นอกจากทำตามใจ
“ยุ...อาปล่อยยุไปคนเดียวไม่ได้แล้วก็ต้องดูน้องด้วย งั้นพายุต้องรอน้องก่อนนะ ถ้ายุรอน้อง...อามีของจะให้”
“อะไรอ่ะ...”
“ยุอยากได้อะไรล่ะ”
“โทรศัพท์...” ฉันขมวดคิ้ว ก่อนจะหันหน้าไปมองเด็กเล็กคนอื่น น้ำไนล์ท่าจะเบื่อหน่ายเต็มทน ขณะเดียวกันเพื่อนคนอื่นกำลังมองออกไปรอบตัวที่มีของเล่นหลายอย่าง
“โอเค...”
“เย่!” ฉันหัวเราะให้กับการกระโดดโลดเต้นของพายุ ตัวเล็กกำลังทำให้ฉันโดนบ่นจากพ่อแม่พวกเขา แต่ช่างเถอะ...ใครจะว่าฉันได้
-Other-
ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางเมืองหลวง อาจนรงค์กุล เป็นสกุลเก่าแก่ ที่สืบเชื้อสายมาจากขุนนางและเจ้านายในวงศ์พระร่วงแห่งกรุงศรีอยุธยา ติณณภพ อาจนรงค์กุล บุตรคนที่สองของบ้าน นับครั้งได้ที่เขาจะกลับบ้านในวันหยุดเช่นนี้
“ดูสิใครมา...หึ คุณชายมาหาย่าแล้ว...” น้ำเสียงแหบแห้งแกมประชดประชันดังขึ้นเมื่อเจ้าของร่างหนาเดินเข้ามาในบ้าน เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินนำหน้าเตชินท์เข้าไปหาท่าน
“สบายดีนะครับ”
“ก็ไม่ดีหรอกนะ หลานก็ไม่สนใจ...สนใจแต่เหลนตัวน้อยนี่แหละ” เตชินท์ยกมือไหว้ย่าทวด ก่อนที่เด็กชายจะเดินเข้าไปหาท่าน
“ดูสิตัวเล็กมีคราบน้ำตา ติณณ์ทำอะไรลูกเหรอ”
“ผมเปล่านะ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” คนตัวโตว่าก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาว ชายหนุ่มเอาหน้าแนบต้นแขนเหี่ยวย่นของคุณย่า ก่อนที่เตชินท์จะเดินไปนั่งขนาบข้างอีกด้านหนึ่ง เด็กเล็กไม่พูดไม่จา เขาช่างเป็นคนเงียบต่างจากคนเป็นพ่ออย่างสิ้นเชิง
“หึ ย่าเชื่อได้ไหม”
“ไม่เชื่อผมจะไปเชื่อใคร ไปเชื่อพี่ตรัยคุณหรือไง”
“โอ้ว รายนั้นยิ่งแล้วใหญ่”
“หึ เฮ้อ...พี่ตรัยคุณไม่กลับบ้านเลยสินะ”
“อืม...คงงั้น เชื้อพ่อมันแรงนะ” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ บิดาที่เสียไปถ้าได้ยินอย่างนี้คงหลั่งน้ำตา “ไม่กลับบ้านกลับช่อง แอบมีบ้านสองบ้านสาม ผู้ชายบ้านหลังนี้มันเป็นยังไงกันนะ”
“แต่ผมยังไม่มีบ้านสองนะ”
“หึ แต่มีแต่บ้านเมียเก่าถูกไหม” ติณณภพหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไม่พูดให้เตได้ยินนะครับ”
“สักวันเด็กก็ต้องรู้ ต้องเข้าใจ” ติณณภพเลื่อนสายตาไปมองบุตรชาย คุณย่าช่อฟ้าอายุย่างเข้าเลขแปดเช่นนี้ทำให้เขาไม่อยากขัดใจมาก
“ยังไงอ่ะเรา มาวันนี้เหมือนจะมีเรื่องพูด”
“เปล่าหรอก พอย่าพูดแบบนี้...ก็พูดไม่ออกเลยแฮะ” ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักพิง เขาแค่จะมาเล่านั่นนี่ให้กับคุณย่าได้ฟัง อย่างเช่นการได้เจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกใจเขา
“เตชินท์มานี่มา...เมื่อไรหนูจะย้ายมาอยู่ที่นี่ครับ” เตชินท์ส่ายหน้าเป็นคำตอบ เขามาอยู่ไม่ได้หรอก แม่ของเขาไม่อนุญาต
“จะอยู่กับแม่เหรอ”
“ครับ อยากอยู่กับแม่” เด็กเล็กแววตาใสซื่อนี้ไม่รู้เรื่องอะไร แววตาน่าสงสารทำให้ช่อฟ้าโอบกอดไหล่เล็กไว้
“มาอยู่นี่ ก็ไปหาแม่ได้เหมือนกันนะ”
“อึก แม่บอกไม่ให้มาครับ” เพราะว่าเตชินท์โกหกไม่เก่ง เขาถึงพูดความจริงออกมา “แม่บอก ว่าแม่หวงเต”
“โถ่~ ลูก” ช่อฟ้าพูดไม่ออก ท่านอยากให้หลานชายหลุดพ้นจากผู้หญิงที่ชื่อชนิตา แต่แม่นั่นก็รู้วิธีผูกเขาไว้ ด้วยคำว่าลูกแค่คำเดียว ขณะเดียวกันที่ติณณภพได้แต่พ่นลมหายใจออกมา
จะโทษใครได้ในเมื่อทุกอย่างมันเกิดจากความคึกคะนองของเขาในช่วงวัยรุ่น ผิดพลาดแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป และขณะนั้นเอง
“เอ่อ คุณท่านคะ คุณชนิตามา” สาวใช้ประจำบ้านวิ่งมาพูดไม่ทันขาดคำ เจ้าของชื่อก็เดินเข้ามาในบ้าน ร่างเล็กของชนิตาทำให้ติณณภพลุกขึ้นยืนทันที เขาตกลงกับเธอแล้วว่าเธอไม่มีสิทธิ์มาที่นี่อีก ทว่า
“มิ้งมารับเต เตชินท์กลับบ้านกับแม่” ชนิตาไม่คิดจะกล่าวทักทายหญิงชรา ไม่มีประโยชน์ที่จะประจบสอพลอเพราะเธอผู้นี้ไม่คิดจะรับเธอเป็นสะใภ้ตั้งแต่ไหนแต่ไร
“มารยาทไม่มีอย่างที่เคยเป็น” ช่อฟ้าว่า ซึ่งไม่ทันทีเธอจะคว้าตัวเตชินท์ไว้ เด็กชายก็ลงจากโซฟาเสียก่อน เขาเดินไปหาคนเป็นแม่
ฝ่ามือเล็กของชนิตายื่นไปคว้าแขนเตชินท์ทันที เธอกำแขนของคนเป็นลูกจนตัวเล็กเบ้หน้า
“จะ เจ็บ...”
“เธอมาทำไม ปล่อยเต” ติณณภพเดินเข้ามาใกล้ พอเห็นหน้าของคนเป็นลูกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดมากขึ้น
“บอกพ่อสิว่าเตจะกลับกับแม่” ชนิตาโกรธที่ติณณภพล็อกประตูรถต่อหน้าเธอ เขาไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไง และตอนนี้ที่เขาราดน้ำมันลงกองเพลิงเช่นนี้
“เต เตอยากกลับกับแม่” เตชินท์พูดทั้งน้ำตา ทำเอาคนเป็นพ่อยกมือขึ้นเสยผมด้วยความหัวเสีย เขายังไม่ได้พาลูกออกไปเที่ยวเล่นตามประสาเลย เธอก็มาเอาตัวลูกไปจากเขา และดูเหมือนว่าเตชินท์กำลังถูกบังคับ ซึ่งเขาก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าการยืนมอง...หากเขาเข้าไปแย่งมา คงต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอีกรอบเป็นแน่