ชายหนุ่มหยิบมือถือตนเองส่งให้ เธอกดติดต่อไปหาบอดี้การ์ดคนสนิท ที่คอยช่วยเหลือดูแลกันมาตลอด ทว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม
“สวัสดีครับ” ปลายสายกรอกเสียง
“ธีร์...มารับฉันหน่อย”เธอบอกเสียงสั่น
“ได้ครับ”
บอดี้การ์ดหนุ่มวางสายระบายลมหายใจแล้วยิ้มให้กับตนเอง อยากร้องแต่คงทำไม่ได้ ควรยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้มากกว่า ในที่สุดเจ้าสัวก็ไม่ต้องทนทุกข์กับบุตรสาว คุณหนูคงได้สามีแสนดี เคลื่อนรถออกจากร้านข้าวต้มซึ่งเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง เขาเฝ้ารออยู่ตลอดเวลา
เมริยามองเขา ไม่รู้จะพูดอะไรดีจากนี้ไปคงไม่พบกันอีก เธอหวังให้เรื่องราวนี้กลายเป็นความลับโดยไม่มีผู้ใดรู้ ข่าวตามหน้าหนังสือเธอไม่เคยอับอายเพราะมันไม่เป็นจริง แต่คราวนี้มันคือเรื่องจริง และเธอไม่กล้าพอจะยอมรับมัน
“ฉันไปก่อนล่ะ ต่อจากนี้หวังว่าเราคงไม่ต้องพบเจอกันอีก”
เมริยาไม่รอให้อีกฝ่ายสวนกลับ มือบางจับลูกบิดเปิดออกแล้วสาวเท้าอย่างรวดเร็ว ไม่อยากอยู่ให้นานกว่านี้ ไม่กล้ามองหน้าใคร พนักงานทุกคนคงรู้กันหมดแล้ว
รถยนต์จอดเทียบหน้าโรงแรมร่างบางกระหืดกระหอบกวาดตามองลงบันไดหินอ่อนด้านหน้า จับประตูเปิดออกนั่งเบาะหลังแววตาหม่น ธีร์ลอบมองเจ้านายทางกระจกด้านหน้าก่อนเคลื่อนรถออก ระหว่างทางบ่อยครั้งเขาเห็นเธอยกมือปาดน้ำตา
เมริยาเม้มริมฝีปากแน่น ปกติธีร์มักไม่พลาดกับเรื่องช่วยเหลือเธอในยามคับขัน แต่คราวนี้ทำไมมันถึงเกิดเรื่องได้ เพราะอะไรกันเธอไม่เข้าใจเลย
“เมื่อคืนนายหายไปไหนมาธีร์”เมริยาถามเสียงแข็ง
“พอดีเจ้าสัวมีธุระสำคัญให้ผมไปทำครับ แล้วผมก็เห็นว่าคุณยศราชย์อยู่ด้วย”ชายหนุ่มรีบแก้ตัว
“นายคิดแบบนั้นได้ยังไงธีร์!”
เขารู้อยู่แก่ใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นคำสั่งเจ้าสัว
“ผมขอโทษครับ คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่ไหมครับ”
เมริยานิ่งเงียบไม่ปริปากอีก หันหน้าทอดสายตามองวิวข้างทางแทน จะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับธีร์รับรู้ได้อย่างไร
ธีร์หันกลับมาทำหน้าที่สารถีเหมือนเดิมพลางนึถถึงเรื่องในอดีต เมื่อก่อนเขาเป็นเด็กกำพร้าอยู่กับยายเพียงสองคน ยายทำขนมไทยให้เขาหาบออกมาขายในตลาด แต่ถึงแม้ขนมฝีมือยายจะอร่อยสักเท่าไหร่แต่ไม่มีผู้ใดสนใจนัก ด้วยวัยชราอาการเจ็บป่วยย่อมมีมากเลยทำให้ตนไม่ได้เข้าเรียนหนังสือ วันนั้นที่จำไม่ลืมเพราะดึกมากแล้วผู้คนไม่ค่อยเดินสัญจรในตลาดแล้ว เด็กวัยเพียงสิบเอ็ดขวบจำต้องหาบขนมกลับแต่ระหว่างทางกลับถูกรถเฉี่ยวชนจนขาหักในที่เกิดเหตุ และบังเอิญเจ้าของมันคือเจ้าสัวรัฐพิมุกต์
เจ้าสัวลงมาดูอาการส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลอย่างดี แต่เพราะตอนนั้นตนเองห่วงยายมากอยู่บ้านคนเดียว หลานยังไม่กลับ พอเข้าเฝือกเสร็จเลยร้องกลับบ้านทันที ด้วยความเวทนาเจ้าสัวเลยสั่งให้คนขับรถมาส่ง พอลงจากรถเจ้าสัวกวาดสายตามองรอบๆ ย่านชุมชนแออัดเลยอาสาเดินเข้ามาด้วย พอเห็นบ้านท่านถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
“ยาย... ผมจะรับยายกับธีร์ไปอยู่ด้วยนะ ยายทำอาหารอร่อยไปเป็นแม่ครัวที่บ้านผมก็แล้วกัน ส่วนเจ้าธีร์ผมจะส่งเรียนเอง”
ยายถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง ตั้งแต่นั้นเขาย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเจ้าสัวและได้รู้จักกับเด็กสาวหน้าตาสะสวยคือคุณเมริยา ท่านส่งเสียเขาเรียนทัดเทียมกับบุตรสาว ได้เรียนโรงเรียนเอกชนจนถึงมัธยมก่อนตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย ส่วนคุณหนูแห่งตระกูลสิทธิ์ศักดิ์โสภณเรียนต่อมหาวิทยาลัยชื่อดัง
ยายได้เห็นเขาประสบความสำเร็จและได้จากไปอย่างสงบ ส่วนเขาเดินทางสานต่อด้วยการสมัครเข้าหน่วยรบพิเศษ ต่อด้วยการเข้าฝึกที่อเมริกาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ตนเอง สิ่งที่มุ่งหวังคือการปกป้องครอบครัวนี้ไม่ให้ใครคิดร้ายทำลายได้ จบออกมามีหน่วยงานมากมายร้องขอให้ทำงานด้วยแต่เขาปฏิเสธและกลับมาเป็นบอดี้การ์ดให้กับเจ้าสัวรัฐพิมุกต์แม้จะถูกถามไถ่บ่อยครั้งเกี่ยวกับงานราชการ แต่ทุกครั้งเขาปฏิเสธที่จะยอมรับมันเพราะต้องการทำงานให้กับครอบครัวนี้อย่างแท้จริง
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงรถจอดเทียบหน้าบ้านเมริยารีบเปิดประตูรถจากรถ ก้าวผ่านแม่เลี้ยงอย่างไม่สนใจ เธอแทบจะวิ่งเข้าห้องนอนตนเองเพื่อเพราะไม่อยากพบเจอผู้ใด ความเครียดถาโถมร่างบางทิ้งกายลงบนฟูกหนาสะอื้นจนตัวโยน หมดสิ้นทุกอย่างแล้วศักดิ์ศรีของเธอ
แปดโมงเช้ากันตธรเร่งฝีเท้าในตึกสำนักงาน ระหว่างทางมีความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามา สายตาแปลกๆ หลายคู่กำลังจ้องมอง แต่เขาไม่ได้สนใจเหมือนทุกอย่างคือเรื่องปกติ เปิดประตูเข้าห้องทำงานถอดสูทสีดำออกพาดลงบนเก้าอี้ เสียงประตูห้องเปิดออกชายหนุ่มเงยหน้าเห็นเพื่อนก้าวเข้ามาท่าทางรีบร้อน
“ไอ้ธร แกไปทำอะไรมา!”เสียงลั่นจากเพื่อนสนิทดังมาแต่ไกล
“อะไรของแกไอ้ดล”
นภดลโยนหนังสือนิตยสารหลายเล่มลงบนโต๊ะทำงานของเขา ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู ดวงตาเรียวคมหรี่ลงจ้องมองภาพตนเองกำลังพยุงเมริยาเข้าโรงแรม คิดว่าจะรอดสุดท้ายแล้วยังเจอถ่ายไว้ได้อีก
“นึกว่าคราวนี้ฉันจะไม่ซวยสุดท้ายก็ไม่รอด”กันตธรบ่นอุบ
มือหนายกมือกุมขมับเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ระบายลมหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน นภดลเห็นสีหน้าเพื่อนยิ่งทำให้แน่ใจว่าระหว่างสองคนคงมีอะไรเกินเลยกันแน่
“ตกลงแกกับคุณเม เรียบร้อยกันแล้วใช่ปะ?”นภดลถาม แววตาบ่งบอกถึงความอยากรู้
“แกจะบ้าหรือไงไอ้ดล แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้!”ชายหนุ่มตวาดลั่น
“แล้วภาพที่โชว์หราอยู่แกจะว่ายังไง”
ชายหนุ่มอึกอักพูดไม่ออก แล้วจะอธิบายยังไงให้เข้าใจ เรื่องที่เกิดขึ้นเขาเองยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องผิดพลาด ฉันไม่เคยชอบผู้หญิงคนนั้นเลย!”
“น่าเชื่อตายละไอ้ธร ต่อให้แกยืนยันแค่ไหนคนอื่นเขาก็เชื่อสายตามองกว่าคำพูดอยู่แล้ว”นภดลแย้ง
ชายหนุ่มเสยผมด้วยความหงุดหงิด ต่อจากนี้ไปคงเกิดเรื่องวุ่นวายมากขึ้นแน่ๆ ไม่น่าเอาตัวเข้าไปยุ่งเลย ปล่อยให้เมาหลับอยู่ที่ผับก็จบแล้ว
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร หรือแกจะให้ฉันแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเมริยา แกไม่คิดบ้างหรือไงว่ามันไม่แฟร์กับฉัน!”ชายหนุ่มย้อนถามด้วยความหงุดหงิด
“ฉันไม่ได้บอกให้แกแต่งงานกับเธอ ฉันแค่อยากรู้ว่าแก... กับคุณเมมีอะไรกันหรือยัง”
“ไม่รู้เว้ย!”เขาบอกด้วยความหงุดหงิด