อากาศในเดือนมีนาคม

1329 คำ
หลินเหยาซื่อตื่นจากภวังค์ เธอไม่มีเวลามาสนใจผู้ชายที่หายไปคนนั้น หญิงสาวลุกขึ้นยืนแล้วจูงมือเด็กทั้งสองคนไปที่ห้องนั่งเล่น บ้านหลังนี้กว้างขวางดี ด้านหลังที่เคยเป็นสวนดอกไม้ เธอก็จ้างคนมาทำเสียใหม่ มีเล้าไก่เล็กๆ และทำแปลงผัก ป้าฮุ่ยชิวเล่าว่าแต่ก่อนบ้านนี้ก็มีคนรับใช้มากมาย เรื่องคนสวนแทบไม่มีปัญหาเลย แต่หลังจากนายท่านใหญ่เสียชีวิตและคุณผู้ชายหายตัวไป การเงินในบ้านขัดสน จำต้องให้คนรับใช้ทยอยออกกันไป แต่เมื่อต้องการใช้งาน หลินเหยาซื่อจะจ้างเป็นรายวัน ป้าฮุ่ยชิวไปตามคนสวนเก่ามาช่วยทำแปลงผักให้คุณนาย ใช้เวลาแค่สองวันก็ได้ตามที่เหยาซื่อต้องการ “คุณนายไม่เสียดายหรือเจ้าคะ” ป้าฮุ่ยชิวอดถามไม่ได้ “มีอะไรให้เสียดายกันเล่า” เหยาซื่อหัวเราะเสียงใสขณะจูงมือเด็กฝาแฝดไปดูเล้าไก่ แม่ไก่สามตัวและพ่อไก่หนึ่งตัว อีกไม่นานก็จะเก็บไข่กินได้ “ปล่อยไว้ไม่ได้ใช้ประโยชน์มันน่าเสียดายมากกว่า” ป้าฮุ่ยชิวเป็นคนเก่าคนแก่ ซ้ำยังไม่รู้หนังสือ ชีวิตเหลือตัวคนเดียว เมื่อหลินเหยาซื่อสั่งให้ทำอะไร นางก็ลงมือทำทันทีแม้จะมีคำถามในใจอยู่บ้างก็ตาม จักรเย็บผ้าที่ถูกเช็ดคราบฝุ่นออกจนสะอาดเหมือนใหม่ คนงานที่จ้างให้มาช่วยยกจักรไม่เพียงแค่เช็ดทำความสะอาดยังหยอดน้ำมันจักรเช็กสภาพให้ด้วย “คุณนายจะเอามาทำอะไรเจ้าคะ” ป้าฮุ่ยชิวใช้จักรเย็บผ้าไม่เป็น แต่ถนัดเย็บผ้าด้วยมือมากกว่า จำได้ว่านายท่านใหญ่ซื้อให้คุณผู้หญิงที่ตอนนั้นอายุแค่สิบสี่สิบห้า แต่เห็นใช้ไม่กี่ครั้งก็ให้คนมายกไปเก็บในห้องเก็บของ ก็ไม่น่าแปลกนักหรอก คนมีเงินนี่ จะมานั่งเย็บผ้าเองทำไมกัน “จักรเย็บผ้าก็ต้องเย็บผ้าสิ” หลินเหยาซื่อหัวเราะเสียงแล้วยกมือลูบจักรยี่ห้อซิงเกอร์สีดำไปมา “เสื้อผ้าของจางลี่จางหย่งเก่าแล้ว จะเย็บชุดใหม่ให้แล้วก็เสื้อผ้าของเหยาซื่อ เอ่อ...ของฉัน ไม่มีกางเกงที่เหมาะกับใส่ทำงานเลย จะไปซื้อก็ต้องใช้เงิน ฉันเห็นในบ้านเรายังมีผ้าเก็บไว้หลายพับ เอาออกมาใช้ดีกว่าปล่อยให้มันโดนปลวกแทะเอา” “คุณนายจะเย็บเสื้อผ้าเอง...” ป้าฮุ่ยชิวแทบไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ ได้ยินว่าเงินปันผลอะไรสักอย่างของคุณนายได้ลดลง เงินเหล่านั้นต้องเก็บไว้ซื้อแป้งและข้าวสาร คิดได้ดังนั้นแล้วนางก็อดเห็นใจหลินเหยาซื่อไม่ได้ หากคุณผู้ชายยังอยู่ คุณนายคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ แต่เหยาซื่อไม่ได้คิดแบบเดียวกับฮุ่ยชิว เธอแค่อยากประหยัดเงิน เรื่องเย็บเสื้อผ้าก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เมื่อครั้งที่อยู่สถานสงเคราะห์เธอก็ตัดเย็บเสื้อผ้าให้ตัวเองและคนอื่นๆอยู่บ่อยๆ เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น และหลายวันก่อนหลังจากฟื้นมาและตั้งสติได้ เธอเดินสำรวจบ้านก็พบในห้องเก็บของมีผ้าไหมและผ้าฝ้ายเก็บไว้หลายพับ ในเมื่อเก็บไว้ไม่ได้ใช้อะไร มิสู้เธอเอามาทำประโยชน์ไม่ดีกว่าหรือ “ป้าฮุ่ยชิวเก็บหนังสือพิมพ์เก่าๆไว้อยู่ใช่ไหม เอามาให้ฉันหน่อยนะ” เธอหันไปสั่งพร้อมรอยยิ้มแล้วมองเด็กสองคนที่ดูจะตื่นเต้นกับจักรเย็บผ้าไม่น้อย เศษผ้าที่เหลือเธอยังทำประโยชน์ได้หลายอย่าง ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในสมอง หญิงสาวยิ้มกริ่ม คนอย่าง ‘หลินเหยาซื่อ’ ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรอกนะ คุณโชคชะตา! อากาศในเดือนมีนาคมนับว่าเย็นสบายดียิ่ง เหมาะกับการพาเด็กๆออกไปเดินเล่นนอกบ้าน หลินเหยาซื่อจับตัวเด็กแฝดมาแต่งตัวด้วยชุดที่เธอตัดเย็บด้วยตัวเอง ทั้งสามใส่เสื้อผ้าลายเดียวกันเป็นเซ็ตแม่-ลูกฝาแฝดสุดน่ารัก ป้าฮุ่ยชิวถึงกับอุทานออกมา นางรู้อยู่แล้วคุณนายเป็นคนสวยและงามสง่ารวมทั้งลูกชายหญิงฝาแฝด แต่ปกติแต่งกายเรียบง่าย ทว่าวันนี้ใส่เสื้อผ้าแปลกตา สีสันสดใส ราวกับบ้านที่เคยอึมครึมด้วยความเศร้าถูกละลายไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็กๆ “ป้าไม่คิดว่าคุณนายจะตัดเย็บเสื้อผ้าออกมาได้สวยขนาดนี้ใช่ไหม” หลินเหยาซื่อหัวเราะเสียงใส “อุ้ย!ป้าไม่ได้...” “ช่างเถอะ” มือเรียวหยิบหมวกมาสวมให้เด็กทั้งสอง “ฉันเห็นลังเก็บผ้ากับเศษผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยเลยเอามาต่อกัน ต่อไปต่อมาได้ผ้าผืนใหญ่เลยทำชุดได้ทั้งสามคนแบบนี้ เอาไว้คราวหน้าฉันทำให้ป้าด้วยนะ” “ไม่เป็นไรค่ะคุณนาย” “ได้ยังไง เราผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน ป้าไม่ได้เป็นแค่แม่บ้านแต่เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ของฉันด้วย” “คุณนาย” “วันนี้ไปเที่ยวกัน” เธอรีบพูดขึ้นก่อนที่ป้าฮุ่ยชิวจะน้ำตาร่วง “พาเด็กๆไปเที่ยวสวนสนุกใกล้ๆนี่กันนะ” “ไปเที่ยว...” ตั้งแต่คุณผู้ชายหายไป คุณนายไม่เคยไปเที่ยวที่ใดเลย แต่ละวันก็ทุ่มเทกับการดูแลลูกทั้งสองกับติดตามข่าวคราวของคุณผู้ชาย หรือบางทีคุณนายอาจทำใจได้แล้ว หลินเหยาซื่อไม่รู้ความคิดของป้าฮุ่ยชิว หญิงสาวมองเด็กสองคนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เด็กวัยสามขวบอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นและมีจินตนาการ เริ่มสำรวจสิ่งต่างๆ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และเป็นช่วงที่จะได้ยินคำว่า 'ทำไม' จากปากของเด็กๆ หลังจากที่ทำใจได้แล้วว่าตัวเองจะต้องอยู่ในร่าง ‘หลินเหยาซื่อ’ และรับมอบการดูแลเด็กฝาแฝดทั้งสองในฐานะ ‘แม่’ เธอก็ตั้งใจว่าจะดูแลเด็กทั้งสองให้ดีที่สุด เธอไม่มีประสบการณ์การเป็นแม่คน แต่ช่วงเวลาที่เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าทำให้เธอรู้ว่าต้องดูแลเด็กเล็กๆ อย่างไร คนที่ไม่มีใครต้องการอย่างเธอ ทำได้แค่ดูแลคนอื่นๆ ยืนมองแต่ละคนมีคนมารับไปอยู่ในครอบครัวใหม่ แต่เติบโตอย่างโดดเดียวจนเรียนจบมัธยมปลาย เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จึงย้ายออกมา แม้จะมีเงินสนับสนุนจากบ้านเด็กกำพร้ามาเป็นค่าเทอม แต่เธอก็ทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาตลอด เรื่องดีอีกเรื่องที่ทำให้หลินเหยาซื่อพอใจกับร่างนี้ก็คือใบหน้าที่งดงามและรูปร่างอรชรทั้งที่คลอดลูกแล้วแต่ยังหุ่นดีอยู่ หากเธอในปี2023 ได้ครอบครอบความงามเช่นนี้ การได้เป็นดาราคงไม่ใช่แค่ความฝัน บางครั้งเธอก็คิดว่าจะไปสมัครเป็นนักแสดงดีหรือไม่ อายุแค่ยี่สิบสองยังไม่แก่เกินไปสำหรับการเข้าวงการบันเทิง แต่เสียดายที่เจ้าของร่างมีลูกแล้ว ในยุคนี้ไม่มีใครเปิดเผยเรื่องส่วนตัว ถ้าแต่งงานมีลูกแล้วความนิยมจะลดลงทันที จำได้ว่าดาราดังหลายคนแม้แต่งงานมีลูกแล้วแต่ต้องปิดบังสุดชีวิต เธอมองหน้าเด็กฝาแฝดแล้วก็ทำใจไม่ได้ เด็กในวัยนี้กำลังสร้างความทรงจำระหว่างแม่ลูก ไม่มีพ่อก็แล้วไปเถอะ อย่าให้มีแม่แล้วเรียกแม่ไม่ได้เลย เธอรู้ดีว่าการเป็นเด็กกำพร้าเจ็บปวดเพียงใด นั้นคือเหตุผลที่ยอมทิ้งความฝันเพื่อเล่นบทบาทที่ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือเป็นแม่ของเด็กแฝดทั้งสองคนนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม