ทาบทาม100%

1299 คำ
ป้าโรคกำเริบเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ เธอมีความจำเป็นต้องใช้เงินจึงต้องรับงานเดินแบบในผับแบบนี้ด้วยทั้งที่ปกติจะไม่รับ วันนี้มีฟุตบอลนัดสำคัญ หลังจากทำงานเสร็จเก็บของกำลังจะกลับบ้าน เพื่อนที่เป็นนางแบบเหมือนกันแต่รับงานเอ็นเตอร์เทนเพิ่มด้วยรีบวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเธอขอร้องให้ช่วยรับหน้าทำงานแทนเพราะแม่ล้มกระทันหันเข้าโรงพยาบาลไม่รู้เป็นยังไงอยากไปดูแม่ วรฐิสาเข้าใจและเห็นใจ เพราะเธอก็เคยผ่านสถานการณ์ยากลำบากแบบนี้มาเหมือนกัน จึงรับปากช่วย ไม่ได้คิดอะไรมาก เด็กเอ็นก็อาชีพสุจริต หาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองไม่ได้ไปทำร้ายลักขโมยของใคร ทุกคนมีความจำเป็น อยู่วงการนี้ก็วนเวียนอยู่กับเรื่องแบบนี้เธอเข้าใจ ถึงแม้จะไม่เคยมีประสบการณ์งานด้านนี้มาก่อน แต่มันคงไม่ได้ยากอะไรนัก ส่วนเรื่องอย่างว่าเธอมีวิธีในการหลีกเลี่ยงดูแลตัวเองได้ อีกอย่างเป็นงานวันเกิดเจ้าของผับ เพื่อนเขาก็คงเป็นไฮโซเหมือนกันไม่ทำอะไรลุ่มล่าม หรือถึงอยากทำเจ้าของผับคงไม่ยอมให้ใครมาทำลุ่มล่ามในสถานที่ของเขาให้เสียชื่อเสียงผับหรูอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่พอมาเป็นอย่างนี้ วรฐิสาก็ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่เจอเขา กลุ่มชายโสดไม่โสดคุยภาษาอังกฤษเร็วปรื้อ สำเนียงชัดราวกับเจ้าถิ่น วรฐิสาพยายามสูดหายใจลึก หวังให้การทำงานของหัวใจที่เต้นโครมครามเต้นช้าลง จนผ่านไปสักพัก แขกต่างแยกย้ายไปโต๊ะนู้นบ้างโต๊ะนี้บ้าง ทำอย่างอื่นกันไปทีละคนสองคน เหลือแค่เจ้าของงาน แต่อีกแป็บก็ขอตัวไปดูแลเเขกโต๊ะอื่น แต่ก่อนลุกไปยังบอกให้เธออยู่คุยเป็นเพื่อนเขาต่อ เมื่ออยู่กันสองคน ระหว่างทั้งคู่ก็เหมือนตกหลุมอากาศไปครู่ใหญ่ เขาจิบเหล้าไป ส่วนเธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร จนเขาถามขึ้น “ชื่ออะไร” “วรฐิสาค่ะ เรียกฐิสาก็ได้” “เหมือนเราจะเคยเจอกันแล้ว” เธอยิ้ม มีแววดีใจผุดขึ้นในดวงตาหญิงสาว “คุณจำได้” เขาไม่ได้ตอบอะไร ยิ้มมุมปาก จิบเหล้าต่อ “เรียนจบหรือยัง” “ใกล้เเล้วค่ะ เทอมนี้เทอมสุดท้าย” วรฐิสาตอบ ทั้งที่คิดว่าทำได้แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กเอ็นที่ไม่ดีเลย เเทนที่จะเอาใจเขา ชวนเขาคุย กลับกลายเป็นให้เขามาชวนเธอคุยแทน “อืม” เขาว่าอย่างนั้น แล้วเธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร ต่างคนต่างเงียบ เขาก็กินเหล้าของเขาไป ส่วนเธอก็คอยชงเหล้าให้เขามีเพื่อนเเวะมาคุยกับเขาบ้างเรื่อยๆ โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะของวรฐิสาสั่นอยู่หลายครั้ง แต่เธอไม่กล้าหยิบขึ้นมารับจนเขาพยัดเพยิดหน้าไปทางมันเเล้วบอก “รับสิ” เธอจึงหยิบมันมา ขอตัวไปคุยโทรศัพท์ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกสายตาคมมองตาม จนร่างอรชรหันหลังเดินกลับมานั่นล่ะ คีรพัทธ์จึงละสายตาจากร่างบอบบางนั้น วรฐิสากลับมานั่ง เห็นเหล้าในแก้วเขาพร่องไปเกือบหมดแล้ว จึงหยิบมาชงให้ใหม่ “แฟน??” คำถามลอยๆ ตอนเธอยื่นเเก้วเหล้าส่งกลับไปให้เขา คิ้วเข้มที่เลิกขึ้นมองเธออยู่ วรฐิสามองกลับเป็นคำถามเลิกคิ้วตามด้วยความงง ก่อนจะนึกได้ “ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ เพื่อนที่คณะโทรมาตามรายงาน หนู เอ่อ ฉัน… ยังไม่มีแฟน” เธอส่ายหน้ายิ้มๆ ก็ไม่รู้จะบอกเขาไปทำไม แต่นั่นไม่เท่าสายตา ประโยคของเขาที่ทำให้แก้มหญิงสาวร้อนผ่าว “น่าแปลก สวยขนาดนี้ ไม่มีแฟน” เขาชมเธอหรือ… วรฐิสาหน้าแดงหลบสายตา พอหายเขินได้บ้างเมื่อเขาละสายตาไปเเล้วยกแก้วเหล้าในมือขึ้นจิบต่อเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่น “คุณแม่เป็นยังไงบ้าง” “ไม่ใช่แม่ค่ะ เป็นคุณป้า” วรฐิสายิ้มตอบ เห็นเขาทำหน้าสงสัยเธอจึงอธิบายต่อ “พ่อแม่ฐิสาเลิกกันตั้งแต่ฐิสาอายุสามขวบแล้วค่ะ พ่อเป็นคนอังกฤษ พ่อกลับบ้านที่ต่างประเทศไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย ส่วนแม่ก็ไปมีครอบครัวใหม่ มีลูกใหม่ ฐิสาเลยอยู่กับป้ามาตลอด” “มิน่า เป็นลูกครึ่งสวยขนาดนี้” เขาเหมือนพึมพำกับตัวเอง แต่เธออยู่ใกล้จนได้ยิน นั่นยิ่งทำให้วรฐิสาเขินขึ้นไปอีก “ขอถามคุณได้มั้ยคะ คราวนั้นที่ฉันเจอคุณ ที่คุณช่วยป้าไว้ คุณเป็นหมอใช่มั้ยคะ” เธอเป็นฝ่ายชวนเขาคุยบ้าง ระหว่างก้มหน้ารินเหล้าให้เขาแก้เขินก็เปลี่ยนเรื่องถามในสิ่งที่เธอก็สงสัย “อืม แต่จริงๆ ก็ไม่เชิง… “ เขาบอกแค่นี้ เธออยากรู้ต่อ แต่ไม่กล้าซักถามมาก “ขอบคุณมากนะคะ ตั้งแต่วันนั้นฐิสายังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณคุณเลย” “ไม่เป็นไร” “จะว่าไป ฐิสาเป็นหนี้ชีวิตคุณ” “ไม่มีใครเป็นหนี้ชีวิตใครได้หรอก วรฐิสา” เขาว่า ประโยคของเขาทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็ลืมความคิดคำพูดของตัวเองทั้งหมดเมื่อได้สบนัยน์ตาคมที่มองเธออยู่ก่อน เขามองเธอทั้งตัวราวกับจะจ้องให้ทะลุไปถึงไหนต่อไหน จนเธอรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเลย สายตาคู่เดิมคู่นี้แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกเขินเอียงอายเหมือนครั้งก่อนๆ แต่แววตานิ่งๆ อัดแน่นเข้มข้นไปด้วยความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอใจสั่น วูบโหวงปั่นป่วนไปทั้งช่องท้อง มือเขาวนแก้วเหล้าเล่นไปด้วย แต่ถามในคำถามที่เธอไม่ขาดคิดว่าจะได้ยิน "ต้องการคนเลี้ยงดูไหม" คำถามนั้นทำให้วรฐิษาตาโต “คะ…” “ฉันถูกใจเธอ” เขาบอกตรงๆ ยิ่งทำให้เธอทั้งตกใจทั้งงงจนทำอะไรไม่ถูกอีกรอบ ก่อนตั้งสติได้ "ฉันไม่ได้ขายนะ! " หญิงสาวบอกหนักแน่น โกรธแต่พยายามระงับอารมณ์โกรธ เข้าใจคำว่าเลี้ยงดูของเขา แต่เธอไม่ได้ตั้งใจมาขายตัวสักหน่อย เริ่มไม่อยากเชื่อว่าคนตรงหน้าเป็นหมอจริงๆ แล้วเขาก็ยังไม่เลิก "ไม่สนใจเหรอ เธออยากได้อะไรล่ะ เป็นเด็กฉันสบายนะ" พูดเหมือนหลอกล่อเด็ก นั่งไขว่ห้างหลังพิงผนักโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ มือหนายังวนเเก้วเล่น รอยยิ้มบางเบาแทรกอยู่ในแววตาคมเมื่อเหลือบมองเธอ "ไม่ค่ะ!!" วรฐิสายังยืนยันเสียงเเข็ง “ฉันยอมทำงานเหนื่อยดีกว่า” เธอบอกอีก สรรพนามที่ใช้กับเขาห่างเหินเปลี่ยนไป ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังทิ้งท้ายแล้วจิบเหล้าต่ออย่างใจเย็น "เปิดให้เลี้ยงเมื่อไหร่ก็บอก” ช่างต่างกับเธออย่างสิ้นเชิง มิหนำซ้ำก่อนกลับเขายังทิ้งนามบัตรเอาไว้ให้ ยิ้มมุมปากร้ายๆ ย้ำคำคล้ายๆ เดิม “มีปัญหาอะไรก็โทรมาได้” นายแพทย์คีรพัทธ์ วรกรสถิตย์ ประธานกรรมการเอ็นเอชเอชกรุ๊ป โรงพยาบาลชื่อดังที่มีเครือข่ายหลายแห่งในประเทศ มิน่า เขาถึงบอกตัวเองเป็นหมอ แต่จะว่าเป็นหมอก็ไม่เชิง วรฐิสามองนามบัตรนั้นที่เขายัดใส่ไว้ให้ในมือ ในขณะที่คนที่ให้มันมาเดินจากไปแล้ว แต่ไม่หรอก ต่อให้มีปัญหาแค่ไหน เธอก็ไม่คิดจะโทรหาเขา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม