คุณคีรพัทธ์

1312 คำ
ป้าถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ตรวจพบว่าเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ต้องทำบอลลูนขยายหลอดเลือดสำคัญสองเส้น ใช้เวลาพักฟื้นอยู่เป็นปี จึงพอสามารถกลับมาใช้ชีวิต ทำขนมขายได้ตามปกติ ระหว่างนั้นเงินเก็บที่พอมีอยู่ถูกนำมาใช้ โชคดีที่เธอหน้าตาลูกครึ่งสะดุดตามีหลายคนบอกหน้าตาแบบเธอกำลังเป็นที่นิยม จึงมีแมวมองมาชวนไปแคสงานตั้งแต่เข้ามาเรียนปีหนึ่งไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ ความจริงมีคนทาบทามไปเป็นนักแสดงด้วย แต่เธอเเสดงไม่เก่ง จึงได้แต่พวกเป็นพรีเซนเตอร์ถ่ายโฆษณา นางเเบบถ่ายภาพนิ่ง หรือแสดงยิ้มเล็กๆน้อยๆ ที่สำคัญไม่รบกวนเวลาเรียนและทำให้เรื่องเงินผ่านพ้นมาได้ ถึงไม่ได้มีเหลือเก็บแต่ก็ไม่เดือดร้อนอย่างที่คิดไว้ จนเมื่อป้ากลับมาปกติ ทำขนมได้ วรฐสาจึงกลับมาทุ่มเทกับการเรียนได้อย่างเต็มที่ เธอย้ายมาอยู่หอใกล้มหาลัยเพราะมีญาติอีกคนช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนป้า บ้านเธออยู่ชาญเมืองมาอยู่หอพักสะดวกกว่า แต่ถ้าว่างวรฐิสาก็จะหาเวลากลับบ้านทุกอาทิตย์ ไปให้ป้าเห็นหน้าให้ชื่นใจ ช่วยทำขนม เอาขนมมาส่ง เผื่อลูกค้าที่อยู่ในเมืองคนไหนสั่ง จะได้ไม่เปลืองค่าส่งแถมได้ถามฟีดแบ๊คทำความรู้จักกันไว้ เป็นชีวิตที่เเสนเรียบง่าย แต่ก็มีความสุข เธอทำอย่างนี้มาตลอดจนถึงวันนี้ สี่ปีแห่งความทุ่มเท ปีสุดท้ายแล้วของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย รวดเร็วจนแอบใจหายเหมือนกัน แต่คิดอีกมุมอีกปีเดียวชีวิตเธอก็จะประสบความสำเร็จไปอีกขึ้นได้ก้าวต่อไปดั่งที่ใจหวัง นอกจากหางานทำ วรฐิสายังมีแผนในหัวอีกมากมาย เช่น เปิดร้านขนม หรือการลงทุนให้เงินทำงานในรูปแบบต่างๆ ก็น่าสนใจ สมัยนี้อยู่ยากทำงานอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องหลายๆ อย่าง เก็บเล็กผสมน้อยไป เป้าหมายชีวิตในระยะใกล้ก็มีเท่านี้ อัพเดทเป็นยังไงปีหน้าค่อยว่ากัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุดและมีความสุขที่สุดก่อนดีกว่า วันแรกของการขึ้นปีสี่เทอมหนึ่งเป็นเช้าวันจัทร์ทุกอย่างดูสดใสมาก วันนี้วรฐิสามีเรียนแค่ช่วงเช้าหลังเลิกคลาส เธอกะว่าจะเอาขนมคุกกี้ที่ติดมือมาด้วยไปส่ง แต่เปิดกลุ่มไลน์ “ชมรมผู้บริจาคโลหิตหมู่พิเศษ O Rh negative” แจ้งว่าคุณป้าที่เคยเจอกันที่ชมรมหลายครั้ง เจอทีไรเป็นต้องอุดหนุนขนมเธอไปแจกเพื่อนๆ ทุกทีไปกำลังต้องผ่าตัดบายพาสหัวใจ หญิงสาวจึงรีบทักไปไถ่ถาม “สวัสดีค่ะคุณป้า หนูฐิสานะคะ ไม่แน่ใจว่าคุณป้าจำหนูได้มั้ย หนูเพิ่งทราบข่าวจากไลน์ชมรมว่าคุณป้ากำลังเข้ารับการผ่าตัด เลยเป็นห่วงค่ะ คุณป้าอาการเป็นอย่างไรบ้างคะ” พอได้ความว่าตอนนี้อาการคงที่ แถมมีกำลังใจดีเพราะมีลูกชายคอยดูแลอย่างดี ก็พอเบาใจได้มาก โรคภัยไข้เจ็บว่าน่าห่วงแล้ว ยิ่งพวกเราเป็นกรุ๊ปเลือดหายาก เจ็บป่วยแต่ละครั้ง ถ้าต้องใช้เลือดยิ่งยุ่งยากกว่าคนอื่นอีกหลายเท่าตัว พูดคุยกันอีกหลายประโยค เลยไม่อยากกวนเเล้วให้คนป่วยได้นอนพัก แต่แผนเดิมที่วรฐิสาวางไว้ได้ถูกเปลี่ยนไป ดีที่เมื่อคืนเธอนอนเพียงพอ เธอว่าจะเเวะไปบริจาคเลือดไว้ให้คุณป้าก่อน แล้วค่อยไปส่งขนม …แต่เปลี่ยนเส้นทาง รถไฟฟ้าเสียด้วย เธอก็เลยมาเลทกว่าที่บอกพี่ลูกค้าที่จะส่งขนมให้ไว้ร่วมครึ่งชั่วโมง “สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะพี่ ฐิสามาสาย” พอเจอหน้าหญิงสาวก็รีบยกมือไหว้ทั้งสวัสดีและขอโทษ กำลังจะบอกเหตุผลไปแต่ถูกอีกฝ่ายโบกไม้โบกมือห้ามไว้ซะก่อน “ไม่เป็นไรเลยจ๊ะ ไป ไป ไปนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน พี่ก็ทำงานทำงานเพลินๆ อยู่” มิหนำซ้ำยังมาช่วยเธอถือของ พาไปนั่งพัก หาน้ำหาท่ามาให้ เธอโชคดีที่ไปที่ไหนก็มีแต่คนรักใคร่เอ็นดู ไม่ใช่แค่คิด แต่หญิงสาวยังบอกคนที่นั่งคุยอยู่ไปด้วย “ก็หนูน่ารักไงจ๊ะ รู้จักช่วยแบ่งเบาภาระป้า เออ… ว่าแต่นี่คุณป้าเป็นยังไงบ้าง” พี่นิดหรือณัฐฐาถามเพราะเป็นลูกค้ามานาน พอรู้ข่าวคราว ปกติจะได้รับขนมฝากทางขนส่งรูปแบบต่างๆ มา วันนี้เจอกันตัวเป็นๆ ทั้งทีเลยได้โอกาสถาม “ป้าสบายดีค่ะ ยังฝากขอบคุณพี่นิดด้วยที่อุดหนุนกันตลอดเลย ป้าฝากคุ๊กกี้สูตรที่ป้าลองใหม่มาให้พี่นิดลองชิมด้วยนะคะ อยู่ในถุงค่ะ ถ้าพี่นิดลองชิมเเล้วชอบไม่ชอบหรือมีข้อแนะนำอะไรบอกได้เต็มที่เลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ” “ขอบใจจ๊ะ แล้วเดี๋ยวพี่ชิมเเล้วจะไลน์บอกฟิดแบ๊คนะจ๊ะ เออ นี่ !! พี่มีเรื่องจะอวด ฐิสาเห็นรูปตัวเองที่ป้ายโฆษณาด้านหน้าเเผนกพี่แล้วหรือยัง เดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วนะเรา เพื่อนพี่เห็นยังชมเลยว่าหนูสวยหน้าตาน่ารักสะดุดตาดีจัง” ณัฐฐาหมายความถึงป้ายโฆษณาครีมเวชสำอางค์ที่ติดอยู่หน้าแผนกการตลาดของเธอ ทำเอาคนถูกชมถึงกับเเก้มแดงปลั่งยิ้มเขิน “ขอบคุณค่ะ ฐิสาก็โชคดีเหมือนกันค่ะที่ได้โฆษณาตัวนี้ ช่วยป้าแบ่งเบาค่าใช้จ่ายค่าเทอมเทอมที่แล้วไปได้เยอะเลย” “ดีเเล้วจ๊ะ แล้วเรียนอยู่ปีอะไรเเล้วเรา ใกล้จะจบหรือยัง” “อยู่ปีสี่เเล้วค่ะ…” วรฐิสากำลังจะเล่าต่อ แต่ต้องหยุดไว้ก่อนเพราะเพื่อนร่วมงานเรียกพี่นิดไปรับโทรศัพท์สายภายในที่โทรเข้ามาพอดี ณัฐฐาเดินไปรับโทรศัพท์ พอเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะมีงาน อีกทั้งเธอน่าจะมารบกวนเวลาพี่เขานานแล้ว วรฐิสาลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้พี่นิดที่คุยโทรศัพท์อยู่แต่หันมองมาทางเธอพอดี หญิงสาวเอี้ยวตัวชี้นิ้วไปทางประตูด้านหลังเป็นเชิงบอกให้รู้ว่าจะกลับแล้วแต่ถูกกวักมือเรียกไว้บอกให้รอก่อน วรฐิสายืนรอ พออีกฝ่ายวางสายก็รีบเดินกลับมาหาเธอบอกเสียงตื่นเต้น “ฐิสา ที่หนูบอกว่าจะมาหาพี่ช้าเพราะไปบริจาคเลือดมา รู้หรือเปล่าว่าคนที่หนูบริจาคให้นั่นคุณแม่คุณคีรพัทธ์เลยนะ” “คุณคีรพัทธ์คือใครเหรอคะ” “เป็นหมอจ๊ะ เป็นเจ้าของที่นี่ด้วย ท่านให้เลขาโทรลงมา ฝากพี่ถามหนูว่าพอมีเวลาหรือเปล่า ท่านอยากขอบคุณหนูหนูสะดวกรอพบท่านมั้ยจ๊ะ” สิ่งที่ได้ยินทำให้วรฐิสาค่อนข้างตกใจเล็กน้อย คุณป้าใจดีที่เธอรู้จักเป็นคุณแม่ของเจ้าของโรงพยาบาลเชียวหรือ ท่านยังดูสาวดูสวยจนเธอนึกว่าอายุสักห้าหกสิบ ไม่คิดว่าจะมากกว่านั้นไปเยอะถึงขนาดมีลูกขึ้นเป็นระดับประธานบริษัทแล้ว เเต่สุดท้ายหญิงสาวก็เลือกที่จะระบายยิ้มส่ายหน้า ไม่ใช่ไม่มีเวลา แต่เธอทำให้คุณป้าเพราะตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่เเล้ว ไม่ใช่อยากทำเพื่อจะได้รับคำขอบคุณจากใคร “ไม่เป็นไรค่ะ ฐิสามีธุระต่อพอดี ฝากขอโทษคุณคนนั้นด้วยนะคะ ฝากบอกว่าขอให้คุณป้าแข็งแรงไวๆ ค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม