บทที่ 13
ภพธรมองภาพที่เคยเห็นจนชินชาไปแล้ว อยากจะบอกกับเธอว่าเขาก็เอาใจใส่เก่ง ไม่ต่างจากคุณท่านของเธอเลยสักนิด แม้เธอจะไม่สวยและขี้อ้อนเท่าน้องสาวของเขาก็ตาม
“ไม่หิวเหรอ มองเขาแล้วอิ่มใช่ไหม” เลิกคิ้วใส่เธอ
“ไม่อิ่มค่ะ ตอนนี้หิวมาก สามารถกินช้างได้ทั้งตัว”
“งั้นก็กินสิ จะมัวแต่ดูเขาอยู่ทำไม”
“ก็มันน่ารักนี่นา” ค้อนใส่เขาแล้วสะบัดหน้าไปมองหาอาหารจานที่อยากกิน กำลังจะเอื้อมมือไปตักก็ถูกเขาชิงตัดหน้าเสียก่อน
ภพธรกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอมองมาเหวี่ยง ๆ แล้วตักอาหารนำไปใส่ในจานให้เธอ
“เห็นแขนสั้นเลยช่วยตักให้” กระซิบบอกแล้วหันไปตักผัดผักให้เธออีกช้อนพูน ๆ ปลานึ่งซีอิ๊วอีกหน่อย “จะได้ไม่ต้องเอื้อมให้เมื่อย อยากกินอะไรอีกบอกได้นะ”
“ขอบคุณค่ะ” สุริษาแค่นเสียงเคืองขุ่นใจที่โดนหาว่าแขนสั้น แล้วตักผัดผักในจานไปใส่จานของเขา “แนนไม่ชอบผัก เชิญคุณพี่โฉดรับผิดชอบไปเลยค่ะ”
“มิน่าถึงแคระแกร็นอยู่แค่นี้” เหน็บแนมพร้อมรอยยิ้มยียวนก่อนจะตักผัดผักใส่ปาก
สุริษาไร้คำตอบโต้ ได้แต่ทำหน้างอมองเขาอย่างขัดเคือง ไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังถูกจับตามองจากคู่สามีภรรยา
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วเจมีน่าก็กลับขึ้นห้องไปพร้อมกับภพธรก่อน ส่วนสามีกับสุริษากลับไปที่ห้องทำงาน เพื่อคุยเรื่องที่จะสั่งให้เธอพักงานเป็นการส่วนตัว
“เรื่องบริจาคให้โครงการซื้อเครื่องมือแพทย์ทั่วประเทศ ที่บริษัทพี่ใหญ่ร่วมบริจาคด้วยไหมคะ”
“บริจาคสิ โครงการดี ๆ แบบนี้จะพลาดได้อย่างไร แล้วน้องจูนล่ะ”
“ต้องทำสิคะ คุณพ่ออนุมัติยอดมาแล้ว ส่วนพี่ปูนเขาบริจาคแบบไม่ออกนามไปแล้วเหมือนกัน” เธอชูมือบอกยอดพี่ชายเสียงเบาเพราะมีพนักงานเดินสวนมาพอดี
“โอ้โห สุดยอดมาก ๆ ดีใจแทนโรงพยาบาลจริง ๆ”
“พี่ปูนเขามีจิตสาธารณะแบบนี้เสมอ เขาบริจาคให้มูลนิธิต่าง ๆ หมุนเวียนกันไป รวมแล้วเดือนละเป็นล้านทุกเดือนเลยนะคะ”
“ดีแล้ว ทำธุรกิจแบบนี้ควรทำบุญเยอะ ๆ”
“ค่ะ พี่ใหญ่ขา”
“จ๋า” ภพธรขานรับเสียงอ่อน ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ในมือไปมองน้องสาว
“ถ้าสั่งพักงานคุณแนน แล้วพรุ่งนี้พี่ใหญ่จะไปทำธุระยังไงคะ”
“พี่กำลังคุยไลน์กับเขา จะขอเปลี่ยนที่นัดมาเป็นที่นี่แทน” เขาพูดพร้อมกับขยับโทรศัพท์ในมือ “กำลังรอคำตอบจากเขาอยู่”
“ดีค่ะ แต่ถ้าเขาไม่โอเคก็บอกนะคะ จูนจะให้พี่ปูนหาพนักงานคนไทยที่อัธยาศัยดีพาไปแทน”
“ขอบใจมาก ได้คำตอบแล้วพี่จะบอกเราอีกที แล้วเราจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ หรือจะรอกลับพร้อมกัน”
“จูนจะกลับพรุ่งนี้แล้วค่ะ ขึ้นเครื่องประมาณเที่ยง ๆ เพราะเช้าอีกวันก็ต้องบินไปฮ่องกงอีก ต้องไปงานแต่งเมียคนที่ร้อยแปดของหุ้นส่วนพี่ปูนเขา” ประโยคสุดท้ายเธอพูดเบา ๆ แทบเป็นกระซิบ
ภพธรยิ้มกว้างเมื่อรับรู้ถึงความไม่พอใจได้จากน้ำเสียงของน้องสาว
“ไม่ชอบแล้วไปทำไมล่ะ”
หญิงสาวรีบซบไหล่พี่ชายแล้วโอบเอวเขา “น้องไม่ได้อยากไปเลยนะคะพี่ใหญ่ แต่ขัดพี่ปูนเขาไม่ได้นี่คะ”
“ขัดไม่ได้หรือไม่อยากขัดกันแน่” เป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะไม่พูดถ้าไม่อยากทำ
“พี่ใหญ่รู้ทันน้องทุกเรื่องอีกแล้ว” เรียวปากอิ่มเชิดขึ้นเล็กน้อย
“พี่อยู่กับเรามาตั้งแต่เราเกิด จะไม่รู้ทันได้ยังไง เล่ามาเร็ว”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่ไม่อยากปล่อยให้พี่ปูนเขาไปคนเดียว เพื่อนเฮียแต่ละคนมีแต่พวกมาเฟียเมียรอบเอว ได้ยินว่างานนี้จ้างพริตตี้มาเป็นร้อยคอยดูแลแขก จูนก็ต้องไปคุมคนของจูนไว้ก่อนแหละค่ะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ พี่ชักอยากไปด้วยแล้วสิ”
“ไปไหมล่ะคะ ไปแทนจูนและช่วยคุมพี่ปูนให้ด้วย”
“พี่ต้องทำงานน้องจูนก็เห็น” เขาแค่พูดเล่นกับเธอเท่านั้น “ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เห็นต้องฝืนใจ เชื่อใจพี่ปูนเขาหน่อยสิ เขาไม่ใช่คนเหลาะแหละซะหน่อย”
“จูนเชื่อใจพี่ปูนนะคะ แต่จูนไม่เชื่อใจผู้หญิงพวกนั้นต่างหากค่ะ” เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับสามีทำให้เธอระแวงผู้หญิงประเภทนั้นมาก เพราะพวกเธออาจทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน แม้ผู้หญิงประเภทนี้จะไม่ได้เลวร้ายไปทุกคน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าคนไหนดีคนไหนเลว
“หวงสามีก็บอกมาเถอะ”
“หวงสิคะ หวงมาก ๆ ด้วย”
“หมั่นไส้” ภพธรทำเสียงไม่พอใจใส่น้องสาว แต่สีหน้าระบายยิ้ม และเชื่อว่าถ้าเธอปฏิเสธที่จะไม่ไปด้วยจริง ๆ สามีของเธอนั่นแหละที่จะไม่ยอม
“ถ้าพี่ใหญ่ได้รักใครสักคนทั้งหัวใจ พี่ใหญ่ก็จะเป็นแบบน้องนี่แหละค่ะ”
“พี่ใหญ่ก็เคยมีแฟนนะ พี่รู้อยู่หรอก”
“แฟนเหรอคะ แบบนั้นเรียกแฟนเหรอคะ ส่งสายตากันไปมา ยิ้มให้กันไม่ถึงชั่วโมงก็หิ้วไปนอนด้วยดื้อ ๆ จีบก็ไม่ได้จีบ ตื๊อก็ไม่ได้ตื๊อแบบนั้นเรียกว่าแฟนเหรอคะ” หญิงสาวหงุดหงิดใส่พี่ชายเมื่อคิดถึงอดีตที่แสนจะฟุ่มเฟือยสตรีของเขา
“เบา ๆ หน่อยสิ เดี๋ยวคนก็คิดว่าเราเป็นคู่รักกำลังหึงหวงกันอยู่หรอก” ปรามน้องสาวกลั้วเสียงหัวเราะ
“ก็พี่ใหญ่พูดไม่เข้าหูจูนนี่คะ” ต่อว่าหน้าหงิกงอ
“ขอโทษ ๆ ๆ พอใจหรือยังครับคุณน้องสาวสุดที่รัก..” พี่ชายยีผมน้องสาวที่ไม่ยอมโตสักทีทั้งที่มีสามีมาหลายปีแล้ว
“ยกโทษให้ก็ได้” เจมีน่าคลี่ยิ้มกว้างอวดลักยิ้มสวย “พี่ใหญ่ขา”
“ครับ..” ขานรับเสียงยาน
“เมื่อไหร่พี่ใหญ่จะมีพี่สะใภ้ให้จูนสักทีคะ อายุสามสิบสี่แล้วนะคะ”
“พี่เพิ่งครบสามสิบสามไปสองเดือนกว่าเองนะน้องจูน จะรีบให้พี่แก่ไปไหนเนี่ยตัวแสบ”
“อ๋อเหรอคะ” หญิงสาวหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งพี่ชาย “ตอบจูนมาตามตรงนะคะ.. ตอนนี้พี่ใหญ่คบใครอยู่หรือเปล่า”
“ไม่ได้คบใครเลย พอมารับช่วงต่อจากคุณพ่อก็ทุ่มเทกับงานจนไม่มีเวลาไปสนใจผู้หญิงเลย มารู้ตัวอีกทีก็อายุสามสิบสามเข้าไปแล้ว ถ้ามีพี่ต้องบอกเราอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองคบใครสักคนดูสิคะ”
“ก็อยากจะมองหาใครสักคนอยู่เหมือนกันนะ น้องจูนพอมีใครจะแนะนำให้พี่ไหมล่ะ” ภพธรแกล้งหยั่งเชิงน้องสาว เผื่อบางทีเธออาจจะเอ่ยถึงสาวทึ่มคนนั้นขึ้นมา
“ไม่มีหรอกค่ะ แต่ถึงมีก็ไม่แนะนำ เพราะเรื่องแบบนี้พี่ใหญ่ควรจะใช้ความรู้สึกของตัวเองนำทาง ไม่ใช่ใช้คนอื่นนำทางให้”
“เหมือนคู่ของเราใช่ไหม” แม้จะผิดหวังที่ผิดคาด แต่ก็รู้สึกดีกับสิ่งที่เธอพูด จีบติดเองมันน่าภูมิใจกว่าเป็นไหน ๆ
“ใช่ค่ะ พี่ปูนเขายังไม่เคยใช้พี่ใหญ่เป็นสะพานให้เลย ดังนั้นพี่ใหญ่ก็ต้องทำแบบเขาบ้างนะคะ ใช้ฝีมือตัวเองล้วน ๆ”
“จ้ะ ๆ แม่คุณทูนหัวของพี่”
“ดีมากค่ะ แต่ถ้าจีบติดแล้วต้องแนะนำให้จูนรู้จักด้วยนะคะ”
“แน่นอน” เขาจะจีบยายทึ่มให้ติดด้วยฝีมือตัวเองล้วน ๆ เมื่อถึงวันนั้นน้องสาวของเขาจะทำหน้าตาอย่างไรหนอ
ภพธรยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะหุบลงอย่างเซ็ง ๆ เมื่อนึกถึงคำพูดเธอ
ผู้หญิงทึ่มทื่อคนนั้นไม่ชอบคนหล่อ