ตอนที่ 6 ลากออกมาตบให้ครบทุกคน (3)

2250 คำ
“ฮ่าๆๆๆ มันต้องได้อย่างนี้สิ ฟางหรง” ป้าเจียง หรือเจียงซูฉี หญิงวัยกลางคนจอมสอดรู้สอดเห็น หรือพวกขาเผือกอีก 1 ของคอมมูนพูดพลางตบเข่าฉาด “ใช่ๆ อย่าไปยอม เอาเลย เอาเลย ฟางหรง” “วันนี้ฟางหรงเก่งมาก แต่ก่อนเป็นคนหัวอ่อนโดนคนพวกนี้เอาเปรียบมาตลอด วันนี้ฉันสะใจจริงๆ ฮ่าๆ” เสียงเชียร์ที่ดังสนั่นหวั่นไหวทำให้หญิงสาวโค้งเป็นการขอบคุณพี่ป้าน้าอาร่วมคอมมูนด้วยใบหน้าระรื่น “ยัง ยังไม่หมดแค่นี้ เมื่อกี้คุณหยางว่าอะไรอีกนะคะ อ้อ เรื่องประจานใช่ไหม เมื่อสักครู่คุณตำหนิว่าฉันนั้นนำลูกสาวที่รักทั้งสองของคุณมาประจาน แต่คุณลืมไปแล้วหรือว่าก่อนหน้านั้นคุณก็พูดถึงแม่ของฉันในทางที่ไม่ดี พูดถึงท่านในทางที่เสื่อมเสีย นี่เรียกว่าประจานหรือไม่ คิดจะตำหนิคนอื่นหัดมองตัวเองบ้างนะคะ” หญิงสาวพูดจบก็ยักไหล่และเบ้ปากให้กับสองสามีภรรยาที่กำลังเต้นเร่าๆ อยู่ “เฮ” เสียงเฮและเสียงปรบมือดังลั่น เวลานี้ชาวบ้านรู้สึกว่างิ้วเรื่องนี้มันสนุกยิ่งกว่าเรื่องไหนๆ เสียงเชียร์ของอีกฝ่ายและเสียงปรบมือบ้าๆ นั่นยิ่งทำให้สองสามีภรรยาลนลานเข้าไปใหญ่ “แล้วการที่คุณพูดถึงภรรยาที่ตายไปแล้ว ภรรยาที่เขารักคุณสุดหัวใจ ทั้งเทิดทูนและบูชาคุณจนยอมละทิ้งศักดิ์ศรีและความสุขสบายส่วนตัวมาใช้ชีวิตกับผู้ชายจนๆ ในชนบทที่ลำบากและแร้นแค้นอย่างนี้ สำหรับแม่ของฉันแล้วเธอบูชาความรัก เธอยอมทุ่มเทและเสียสละเพื่อความรัก แต่วันนี้คุณกลับมาประจานบอกว่าแม่ของฉันเป็นผู้หญิงแพศยาหรือคะ ฉันที่เป็นลูกนี่ซาบซึ้งใจจริงๆ หากแม่เป็นผู้หญิงแพศยาที่รักมั่นในผู้ชายคนหนึ่ง ฉันก็คงเป็นลูกที่เกิดจากผู้หญิงแพศยากับผู้ชายโฉดชายชั่วกระมัง” พูดจบหยางฟางหรงก็นำปรบมือ ชาวบ้านทั้งหมดต่างพากันปรบมือตามอย่างชอบใจ เสียงโห่ร้องและเสียงเชียร์ดังก้องไปทั่วคอมมูน แม้แต่หัวหน้าคอมมูนอย่างซวนเฟยหย่ายังลอบอมยิ้ม เขาไม่เคยเห็นหยางฟางหรงในแบบนี้มาก่อน แต่เขาชอบจริงๆ “กะ…แก แก” หยางลู่เมิ่งเริ่มหายใจติดขัด เขารู้สึกจุกที่ลำคอ หาคำมาโต้เถียงนังลูกไม่รักดีคนนี้ไม่ได้เลย ได้แต่ชี้นิ้วใส่หยางฟางหรงอย่างเคียดแค้น หยางฟางหรงไหวไหล่พลางยกยิ้ม “แก วันนี้แกเก็บของของแกออกไปจากบ้านฉัน จะไปอยู่ที่ไหนก็ไป ฉันไล่แกออกจากบ้าน ไปแล้วไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าแกอีก ฉันตัดพ่อตัดลูกกับแกแล้ว” หยางลู่เมิ่งกำหมัด มือไม้สั่น น้ำเสียงยังสั่นไปด้วย หยางฟางหรงเดินเข้าไปใกล้ผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าอีกก้าวหนึ่ง ฝ่ายนั้นก็เผลอถอยหลังไปอีก 1 ก้าวอย่างอัตโนมัติ ราวกับว่าการเดินเข้ามาใกล้ของหญิงสาวคือการจู่โจม “อ้อ ของของฉันที่ว่าคือสมุดบัญชีธนาคารหยูเอี้ยนของฉันที่แม่ได้ฝากเงินให้ฉันมาตั้งแต่ฉันยังตัวเล็กๆ หรือเปล่าคะ นั่นน่ะของสำคัญเลย ฉันขอคืนด้วย” ท้ายประโยคเธอขึ้นเสียงแข็งคล้ายๆ เป็นการบังคับกลายๆ “ไม่ให้” คราวนี้เป็นหลัวอิ๋นฟางที่รีบพูดออกมาโดยไม่ทันได้คิดไตร่ตรองให้ดี ครั้นพอรู้ว่าตัวเองพูดผิดก็รีบแก้ตัวพัลวัน “ไม่มี ไม่มีต่างหากล่ะ สมุดบัญชีอะไรนั่นน่ะ เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ” พูดไปหลัวอิ๋นฟางก็ทำหน้าเลิ่กลั่กไป เวลานี้ชาวบ้านต่างพากันจับจ้องมองเธอเป็นตาเดียว “ไม่มีจริงๆ หรือคะคุณหยาง เอ…ฉันจำได้ว่า ตอนฉันอายุ 10 ขวบ เราสองคนเปิดสมุดบัญชีดูด้วยกันว่าตอนนั้นได้ดอกเบี้ยเท่าไหร่แล้ว ฉันจำได้นะว่าตอนนั้นในบัญชีมีเงินพันกว่าหยวน ถ้านับมาถึงเวลานี้ อืม ดอกเบี้ยทบต้น ฉันอาจจะมีเงินถึง 2 พันหยวนในบัญชีแล้วก็ได้” หญิงสาวพูดพลางทำหน้าตื่นเต้นไปพลาง เวลานี้ชาวบ้านในคอมมูนอี้เส่ยที่ 16 ต่างพากันปากอ้าตาค้าง ในคอมมูนนั้นมีน้อยคนนักที่จะมีบัญชีเงินฝากของธนาคาร และถึงมีก็คงมีเงินฝากไม่ถึง 50 หยวนซะด้วยซ้ำ “ไม่มี แม่แกมันถอนเงินออกมาใช้หมดแล้ว มันก็ขี้เกียจเหมือนแกนั่นแหละ แล้วนี่มาพูดเรื่องเหลวไหลอะไรให้ชาวบ้านเข้าใจฉันผิด แกนี่มันอกตัญญูจริงๆ” หยางลู่เมิ่งเองก็มีท่าทางเลิ่กลั่ก ตอนนี้เขาทำตัวไม่ถูกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อถูกลูกสาวไม่รักดีทวงถามเรื่องสมุดบัญชีธนาคาร ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาและหลัวอิ๋นฟางต่างพากันหัวเสียเพราะพวกเขาทั้งสองคนแอบนำบัญชีเงินฝากนี้ไปให้ทางธนาคารอัพเดทตัวเลขให้ เวลาผ่านไปสิบกว่าปีนับจากวันที่แม่ของหยางฟางหรงเปิดบัญชีและฝากเงินให้กับลูกสาวเพื่อเป็นหลักประกันให้หยางฟางหรง อานุภาพของดอกเบี้ยทบต้นทำให้จากเงินต้น 1000 หยวน มาจนถึงตอนนี้ยอดเงินในบัญชีในชื่อของหยางฟางหรงนั้นขึ้นมาเป็น 2000 หยวนแล้ว คิดๆ แล้วมันน่าเจ็บใจ ทั้งๆ ที่เห็นตัวเลขในบัญชีอยู่แท้ๆ แต่พวกเขาไม่สามารถเอาเงินออกมาได้ ไม่ว่าจะหลอกถามเจ้าหน้าที่ของทางธนาคารอย่างไรก็ได้รับคำตอบมาว่าผู้ที่สามารถถอนเงินนี้ออกมาได้มีเพียงเจ้าของบัญชีคือ หยางฟางหรงเท่านั้น หากว่าเงินจำนวนนี้พวกเขาสามารถถอนออกมาได้ สองสามีภรรยากะเอาไว้ว่าจะนำมาสร้างบ้านอิฐหลังแรกของคอมมูนให้ผู้คนร่ำลือไปไกลถึงคอมมูนอื่นๆ เลยทีเดียว “อ้อ ไม่มีหรอกหรือ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าฉันจำผิดสินะ” หยางฟางหรงทำเสียงเยาะ นึกขอบคุณที่ยุคสมัยนี้นั้นไม่มี ATM ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าเงินจำนวนนี้ที่แม่ของเธอฝากไว้ให้จะถูกถลุงไปเท่าไหร่แล้ว หรืออาจจะหมดบัญชีเลยก็ได้ “ถ้าหมดเรื่องแล้ว พวกฉันต้องขอตัวกลับบ้านก่อนล่ะหัวหน้าซวน วันนี้ซวยชะมัด เฮ้อ” หยางลู่เมิ่งพูดขึ้นอย่างหัวเสีย เขากำลังจะเดินนำภรรยาและลูกสาวคนสุดท้องเดินออกไปจากบ้านของหัวหน้าชุมชน แต่ก็มีเสียงอันแสบแก้วหูร้องขึ้นมาเสียก่อน “ช้าก่อน ยัง ยังไม่หมดเรื่อง” หยางฟางหรงร้องท้วงขึ้นในขณะที่สืออู๋เฉินนั้นกระโดดเข้ามาขวางไว้ หยางลู่เมิ่งต้องผงะถอยหลังกลับมาอีก 1 ก้าวจนชนสองแม่ลูกที่ก้าวตามมาติดๆ จนล้มลงไป สร้างความขายหน้าอีกหนึ่งคำรบ ในขณะที่ชาวบ้านต่างได้เปล่งเสียงหัวเราะเฮฮาเพิ่มมาอีก 1 ครั้ง “ยังมีอะไรอีกล่ะ?” หลัวอิ๋นฟางสะบัดเสียงด้วยความไม่พอใจ “ก็ลูกสาวคนเล็กของพวกคุณไง ลืมไปแล้วหรือ ลูกสาวที่พวกคุณบอกว่ามีคุณสมบัติที่ดีอย่างไรล่ะ นี่หยางลู่เอิน ถามจริงๆ เถอะ ที่เธอพูดมาว่าฉันกับสืออู๋เฉินแอบไปพรอดรักกันเธอเห็นกับตาแบบจังๆ หรือไม่ หรือว่าคาดเดาไปเอง นี่ฉันจะบอกอะไรให้ เธอไม่รู้หรอกว่าที่เธอคาดเดาไปอย่างนั้นเป็นเพราะใจเธอมันมีอคติ จิตเธอมันคิดชั่ว คนที่มีจิตใจชั่วช้าก็มักจะคิดได้แต่เรื่องชั่วช้าเท่านั้นแหละ เธอพูดว่าแม้แต่คนโง่ก็ดูออกว่าฉันกับสืออู๋เฉินนั้นแอบไปพรอดรักกันทั้งๆ ที่ตาตัวเองไม่ได้เห็นคาหนังคาเขา ไม่มีหลักฐาน แบบนี้เขาเรียกว่าหมิ่นประมาทนะ ฉันฟ้องหมิ่นประมาทเธอได้นะรู้หรือเปล่า อุตส่าห์ได้ไปร่ำเรียนหนังสือ เฮ้อ ฉันละกลุ้มใจแทนพ่อแม่ของเธอจริงจริ๊ง คนโง่ๆ มันก็เป็นคนโง่ๆ อยู่วันยันค่ำนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เธอคงได้งานทำไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ นั่นเพราะนายจ้างเขาดูออกน่ะสิว่าเธอน่ะมันโง่ เขาไม่อยากรับคนโง่เข้าทำงานน่ะ เดี๋ยวกิจการเขาเจ๊งกะบ๊งไม่เป็นท่า” พอหยางฟางหรงพูดจบก็สามารถเรียกเสียงเฮฮาและเสียงปรบมือจากชาวบ้านได้สนั่นหวั่นไหวเช่นเคย หยางลู่เอินอับอายจนแทบจะกระอักเลือดออกมา เป็นความจริงที่ว่าเธอตระเวนสมัครงานในเมืองมาหลายแห่ง ทั้งที่ทำการไปรษณีย์ ร้านสหกรณ์ ธนาคาร ร้านอาหารของรัฐ ถึงแม้ว่าจะมีตำแหน่งที่ว่างอยู่แต่เธอไม่เคยถูกเรียกไปสัมภาษณ์เลย หญิงสาวรู้สึกอับอายอย่างยิ่งที่ถูกด้อยค่า “แก แก แกหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะตัดพ่อตัดลูกกับแก นังสารเลว นังแพศยา” หยางลู่เมิ่งเผลอตัวชี้หน้าด่าหยางฟางหรงที่เธอบังอาจมาประจานลูกสาวสุดที่รักของเขา หยางฟางหรงระเบิดหัวเราะลั่น “คุณหยาง คุณตัดพ่อตัดลูกกับฉันไปแล้วเรียบร้อยค่า” เธอลากเสียงยานคางอย่างล้อเลียน “ฮื่ย!กลับ” หัวหน้าครอบครัวหยางหน้าดำคร่ำเครียดเดินนำภรรยาและลูกสาวคนเล็กก้าวฉับๆ ออกไปอย่างหัวเสีย ด้านหลังของพวกเขายังมีพวกชาวบ้านที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านพากันปรบมือเกรียวกราว ช่างน่าเจ็บใจนัก หลังจากครอบครัวหยางจากไปแล้ว สือหนิงหลงที่เข้าใจว่าบัดนี้หญิงสาวจอมขี้เกียจตรงหน้าเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก เพราะเรื่องเงินในบัญชีธนาคารที่ว่าก็คงจะไม่มีอยู่จริง คงถูกพ่อเลวๆ อย่างหยางลู่เมิ่งนำไปถลุงใช้จนหมดแล้ว เขาจึงมองหยางฟางหรงด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ ‘หึ สวยไปก็เท่านั้น มีแต่ตัวแถมยังขี้เกียจอีกต่างหาก ปากคอก็เราะร้าย’ “เอ้า แล้วเรื่องของฟางหรงกับอู๋เฉินล่ะ จะว่ายังไง?” หัวหน้าซวนเอ่ยถามขึ้น เขาอยากให้เรื่องมันจบๆ ไป ชาวบ้านจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียที แต่ครั้นพอกวาดสายตามองเหล่าชาวบ้านที่มารวมตัวกันที่บ้านของเขาในตอนนี้ พวกเขาคงชอบเรื่องสนุกแบบนี้มากกว่าชีวิตที่สงบกระมัง “คือ เรื่องที่ชาวบ้านได้ยินมาเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ พอดีตอนนั้นผมเห็นฟางหรงหน้ามืด หัวทิ่มตกน้ำในลำธารไป ผมกลัวว่าเธอจะจมน้ำเลยไปช่วยเธอขึ้นมาครับ ไม่น่าเชื่อว่าการช่วยชีวิตคนจะกลายเป็นเรื่องผิดผีไปเสียได้” สืออู๋เฉินพูดพลางปรายตาไปทางฉุนเยว่เผิงเป็นเชิงตำหนิ “เป็นจริงอย่างที่สืออู๋เฉินว่ามาค่ะ ถ้าหากว่าพ่อไม่สั่งให้ฉันไปซักเสื้อผ้าให้ลูกเลี้ยงสุดที่รักของเขาเช้านี้ฉันก็คงไม่จมน้ำและคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิดของป้าฉุน” หยางฟางหรงพูดจบก็ปรายตาไปทางมนุษย์ป้าเป็นการตำหนิบ้าง ฉุนเยว่เผิงเมื่อถูกคนที่มีอายุคราวลูกคราวหลานมองด้วยสายตาดูแคลนเช่นนั้นก็อดรนทนไม่ได้ นางถึงกับเต้นผางเลยทีเดียว “ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ เห็นอุ้มกันอยู่ ก็นึกว่าไปทำอะไรกันในน้ำน่ะสิ” หยางฟางหรงกอดอกพลางยืดไหล่ขึ้น เวลานี้ชาวบ้านทั้งหมดทั้งมวลกำลังลุ้นและรอฟังว่าหญิงสาวปากกล้าคนใหม่จะปิดปากมนุษย์ป้าที่ชอบแส่เรื่องของชาวบ้านอย่างไร “ป้าฉุน อายุป้าก็ปานนี้แล้ว ลูกและสามีก็ไม่มี ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไม” หยางฟางหรงส่ายหน้าช้าๆ พลางแสร้งทำหน้าเศร้า “ทำไม ทำไมคืออะไร?” ฉุนเยว่เผิงแว้ดใส่อย่างไม่พอใจหญิงสาว “ก็เพราะป้าเป็นคนไร้น้ำใจ ไร้จิตเมตตา เห็นคนที่หมดสติอย่างนั้นแทนที่จะเข้ามาถามไถ่ช่วยเหลือ กลับสร้างเรื่องเท็จโพนทะนาให้คนอื่นเขาเสียหาย ฉันว่า โชคดีแล้วล่ะที่ป้าน่ะอยู่เป็นโสด โชคดีเป็นของผู้ชายนะ ไม่ใช่ของป้า อิอิ” พอหยางฟางหรงพูดจบก็มีเสียงเฮลั่นพร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราวดังก้องไปทั่วคอมมูน แม้แต่ซวนเฟยหย่าหัวหน้าคอมมูนที่พยายามสร้างภาพว่าวางตัวเป็นกลางยังเผลอไผลปรบมือไปกับชาวบ้านเลย “นี่ นี่ แก แก” ฉุนเยว่เผิงพูดได้เพียงเท่านั้นก็รีบลุกเดินหนีไป …ก็ใครจะยอมโดนลากออกมาด่ามาตบให้ผู้คนหัวเราะเยาะเย้ยได้นานสองนานล่ะ ‘ฮื่ย! ฝากไว้ก่อนเถอะแก นังหยางฟางหรง นังผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอก ตอนนี้แกถูกพ่อแท้ๆ ไล่ออกจากบ้านแล้ว สมน้ำหน้า’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม