เกิดใหม่ครั้งที่ 9

3311 คำ
​ เกิดใหม่เป็นเถ้าแก่เหลาสุรา เกิดใหม่ครั้งที่ 9 เหลาสุราของเถ้าแก่ซุยเปิดใหม่มาได้ราวสิบวันแล้ว ลูกค้าก็ยังเข้ามาที่ร้านมากมายจนหาที่นั่งไม่ได้ ซุยหลินจึงต้องควักกำไรที่ได้มาทั้งหมดต่อเติมร้านเพื่อทำครัวที่ด้านหลังและต่อพื้นที่เพิ่มที่ด้านข้างให้มีพื้นที่ให้ลูกค้าได้นั่งมากขึ้น “เหมือนข้าเพิ่งเห็นว่าเจ้าเพิ่งซ่อมแซมร้านของเจ้าไปนี่ ใช่หรือไม่” ลูกค้าประจำที่นั่งอยู่หน้าบาร์ถามขึ้น “ขอรับ พอดีว่าข้าจะขยายพื้นที่ให้ลูกค้าได้มีที่นั่งเพิ่ม แล้วก็ต่อเติมครัวเพื่อทำกับแกล้มที่ร้านด้วยขอรับ มีเมนูอื่นที่ข้าอยากทำมากกว่าถั่วและปลาเคลือบ จะได้ทำแล้วเอาออกมาขายทีเดียว ไม่ต้องขนไปขนมาจากจวน” ซุยหลินที่ยืนผสมเครื่องดื่มอยู่ตอบลูกค้า “ดีเลยๆ ข้าจะรอชิมกับแกล้มของเจ้านะ” “ได้เลยขอรับ” เมื่อวานเถ้าแก่จินเข้าไปตกลงเรื่องการรวมร้านกับซุยหลินที่จวน ได้ความว่าตอนนี้เถ้าแก่จินไม่มีทุนรอนเหลืออยู่เลยมีแต่ฝีมือการทำอาหารและแรงงานเท่านั้น ซุยหลินที่เห็นว่าจะจ้างพ่อครัวเพิ่มอีกคนหนึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จึงตกลงค่าแรงที่ส่วนแบ่งของราคากับแกล้มหนึ่งในสี่ตามจำนวนกับแกล้มที่ทำต่อวัน เนื่องจากเถ้าแก่จินเคยทำการค้าของตัวเองมาก่อน จะให้มารับเงินเดือนเหมือนอย่างคนงานคนอื่นซุยหลินคิดว่าจะเป็นการดูถูกเถ้าแก่จินจนเกินไป เถ้าแก่จินจึงมาทำงานเพียงแรงและฝีมือการทำอาหารเท่านั้นเพราะซุยหลินออกเงินทุนในการซื้อวัตถุดิบเองทั้งหมด พ่อค้าขายปลายิ้มกว้างทันทีเมื่อซุยหลินติดต่อขอซื้อปลาตัวใหญ่เพิ่ม “แล้วมีกำหนดเสร็จเมื่อไหร่ล่ะ ที่กำลังต่อเติมเพิ่ม” “น่าจะราวสิบห้าวันขอรับ” “ข้าอยากลองชิมกับแกล้มใหม่จะแย่” “ของดีก็ต้องรอหน่อยสิขอรับ” ซุยหลินยิ้มน้อยๆ หน้าที่เพิ่มเติมหลังจากตื่นนอนนอกจากต้องจัดการเครื่องดื่มและกับแกล้มที่ต้องไปเตรียมขายแล้วซุยหลินยังต้องไปที่จวนตระกูลจินเพื่อสอนเถ้าแก่จินทำอาหารสูตรของโลกที่แล้วให้ชินมือจนกว่าจะถึงวันที่ต้องไปทำขายที่เหลาสุรา “เดี๋ยวข้าจะลงมือทำให้ดูก่อนนะ ท่านอาจะมองอย่างเดียวหรือว่าจดสูตรลงไปด้วยก็ได้” ซุยหลินดึงแขนเสื้อขึ้นก่อนจะนั่งลงที่ม้านั่งตัวเล็ก “ข้าจำได้ ไม่ต้องจดหรอกเดี๋ยวโดนขโมยไปจะแย่เอา” “อ่า ได้ขอรับ” ซุยหลินพยักหน้าก่อนจะหยิบเอากระเทียม หอมแดง ข่า ตะไคร้สับบนเขียงจนละเอียด “จะต้องสับกระเทียม หอมแดง ข่า และตะไคร้ให้ละเอียดแบบนี้ขอรับ” ซุยหลินค่อยๆ หยิบทีละอย่างให้เถ้าแก่จินดู “แล้วก็ผิวมะกรูด เอาเนื้อของมันออกมาหั่นฝอยแบบนี้แต่ไม่ต้องเยอะนะขอรับ” ซุยหลินซอยผิวมะกรูดออกแล้วหั่นเป็นเส้นเล็กๆ “เมื่อเราเตรียมทุกอย่างแล้วก็จะไปที่ขั้นต่อไปเลยขอรับ” ซุยหลินหยิบครกออกมาวางก่อนจะหยิบเอาพริกแห้งใส่ลงไป “ใส่พริกแห้งลงไปแล้วก็เอาของที่เราสับเตรียมไว้ใส่ลงไปแต่ยกเว้นกระเทียมและหอมแดงนะขอรับ อันนั้นเราจะใส่ทีหลัง แล้วก็ใส่เกลือลงไปหนึ่งหยิบมือแบบนี้” ซุยหลินหยิบเอาวัตถุดิบที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในครกก่อนจะเริ่มออกแรงตำเสียงดัง เมื่อของในครกแหลกละเอียดเข้ากันดีแล้วซุยหลินก็ใส่กระเทียมและหอมแดงลงไป “ทีนี้เราก็โขลกต่อขอรับ เอาให้มันละเอียดเลย” เมื่อโขลกจนทุกอย่างได้ที่แล้วซุยหลินก็ใส่ซอสกะปิลงไป “นี่จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายขอรับ โขลกต่อจนมันละเอียดเข้ากันดีก็ถือว่าเสร็จแล้ว” ซุยหลินลงแรงโขลกอีกสักพักจนเนื้อพริกแกงเข้ากันดีแล้วก็ยกให้เถ้าแก่จินได้ดูใกล้ๆ “แล้วมันเอาไว้ใช้อย่างไรหรือ” “ข้าจะสอนท่านทำซอสไว้ราดบนปลาทอดขอรับ มีซอสสามรสและซอสพริกแกงที่ข้าเพิ่งทำไป” “เริ่มเลยสิ ข้าอยากลองทำแล้ว” “ได้เลยขอรับท่านอา” ซุยหลินใช้เวลาสอนเถ้าแก่จินทำซอสไว้ราดปลาทอดอยู่เกือบสองชั่วยาม เถ้าแก่จินพึงพอใจกับรสชาติของซอสที่ได้ลงมือทำเองเป็นอย่างมากจนเอ่ยชมตลอดเวลา ชายชราตักปลาทอดราดซอสเข้าปากคำแล้วคำเล่าอย่างชอบใจ “แปลกใหม่ยิ่งนัก ซอสสามรสที่เจ้าว่านั้นก็มีทั้งรสหวาน รสเค็ม และรสเผ็ดเล็กน้อย ส่วนซอสพริกแกงก็ช่างเผ็ดร้อนถูกใจข้ายิ่งนัก ข้าว่ากินกับสุราน่าจะเข้ากันดี” “ขอรับ มันเข้ากับสุราเป็นอย่างมากเลย” ซุยหลินยิ้มกว้าง “นี่ก็ใกล้ยามเว่ยแล้ว เจ้ากลับไปที่จวนเถอะเดี๋ยวก็ต้องออกไปที่ร้านอีก” “งั้นข้าลาเลยนะขอรับ” ซุยหลินลุกขึ้นทำความเคารพเถ้าแก่จินก่อนจะเดินออกมา ระหว่างทางที่กำลังกลับจวนก็เดินแวะตลาดซื้อขนมไปให้สองพี่น้องเจียงที่กำลังทำงานอยู่ได้กินเสียหน่อย เมื่อกลับถึงจวนซุยหลินก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่อีกรอบก่อนจะออกไปทำงานที่เหลาสุรา ซุยหลินเดินคุยกับลูกค้าที่นั่งดื่มภายในร้านเนื่องจากมอบหมายหน้าที่ชงเหล้าให้จินเยว่ทำแทนแล้วเพราะขี้เกียจทำเอง เขาอยากนั่งนับเงินเฉยๆ มากกว่า เมื่อสอนจนจินเยว่เป็นงานแล้วเขาก็ทิ้งบาร์เหล้าทันที ปล่อยให้จินเยว่ยืนทำไปคนเดียวส่วนตัวเองเดินมาแจกยิ้มหวานให้ลูกค้าทั้งหลาย เมื่อเดินพูดคุยกับลูกค้าจนทั่วซุยหลินก็ไปทิ้งตัวที่ห้องทำงานส่วนตัว เปิดเข้าม่านลูกปัดไปก็เจอกับโต๊ะที่ซุยหลินใช้นั่งทำบัญชีอยู่ทุกวัน ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะหยิบสมุดบัญชีออกมา “หว่า.. ค่าต่อเติมร้านแพงโคตร กำไรที่ได้มาหมดไปกับการต่อเติมจริงๆ นะเนี่ย” ซุยหลินนั่งทำงานได้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงเอะอะข้างนอกพร้อมทั้งเจียงเฉิงวิ่งเข้ามาตาม “นายน้อย แฮ่ก.. นายน้อยขอรับ” “เกิดอะไรขึ้น ข้าได้ยินเสียงเอะอะเชียว” “แฮ่ก ลูกค้าปะทะกันในร้านขอรับ” “อะไรนะ!!” ซุยหลินวิ่งออกไปทันที่เจียงเฉิงบอกว่าลูกค้าทะเลาะกันภายในร้าน เมื่อเดินออกไปก็เจอเข้ากับชายที่ไม่น่าจะเป็นชาวบ้านทั่วไปเพราะว่าทั้งคู่กำลังฟาดฟันดาบใส่กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ซุยหลินมองข้าวของที่เสียหายก่อนจะร้องขึ้นมาเสียงดัง “แล้วมันเป็นบ้าอะไรมาตีกันในนี้!!!” ซุยหลินเหวี่ยงไหสุราไปที่ชายทั้งคู่ เพล้ง!!! ชายทั้งคู่หยุดต่อสู้กันแล้วมองมาที่ซุยหลินเป็นตาเดียว ซุยหลินเท้าเอว “ท่านสองคนเป็นบ้าอะไรมาทะเลาะกันในร้านของข้า อีกทั้งยังทำลูกค้าของข้าตกอกตกใจ ข้าวของก็เสียหายไปหมด พวกท่านบ้าหรือไงกัน!! ถ้าจะตีกันไปตีข้างนอก พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือว่าอย่ามาทำข้าวของคนอื่นเสียหายแบบนี้” คำด่าที่ซุยหลินพ่นออกมาทำให้ร่างบางหอบหายใจรัว เนื่องจากพูดไม่ได้เว้นวรรคหายใจและทั้งตะโกนออกมาเสียงดัง “เจ้ามีสิทธิ์อะไรมากล่าวจาบจ้วงบิดามารดาข้า” ชายหนุ่มยื่นมีดมาทางซุยหลิน “แล้วเจ้า!!” ซุยหลินใช้นิ้วชี้ ชี้ไปที่หน้าของชายหนุ่มเช่นกัน “เจ้าสองคนมีสิทธิ์อะไรมาพังร้านของข้าเช่นนี้ ถ้าดื่มกันแบบสงบๆ ไม่เป็นก็ไปดื่มกันที่อื่นโน่นไป๊!” ชายทั้งสองเมื่อโดนซุยหลินด่าก็ทำหน้าโกรธขึ้งพลางจะถือดาบเข้ามาหาซุยหลิน เมื่อเห็นท่าว่าไม่ดีซุยหลินจึงหยิบเอาไหเหล้าออกมาอีกสองไห “เอาสิ มึงเข้ามาสิ กูปามึงหัวแตกแน่ เข้ามาทั้งคู่เลยนะกูจะได้ปาทีเดียว” ซุยหลินโมโหจัดไม่เกรงกลัวเลยแม้ว่าชายทั้งคู่จะถือดาบ “มา!! ดาบเดิบไรนั่นกูไม่ได้กลัวหรอกนะ มั่นใจในความแม่นของตัวเองพอตัวอยู่ อย่างน้อยก็น่าจะมีคนหัวแตกก่อนแน่นอน” ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้กัน แต่ว่าเจียงสุ่ยและคนที่เหลือก็ช่วยกันถือไหคนละสองใบพร้อมสู้เคียงข้างซุยหลินเช่นกัน “ข้าว่าท่านอย่ารังแกคนที่ไม่มีทางสู้จะดีกว่านะ” จู่ๆ ก็มีชายใส่ชุดสีขาวดูหล่อเหลาเข้ามาจ่อดาบที่คอของชายที่ก่อเรื่องทั้งสองคน แล้วก็มีอีกหลายๆ คนที่ใส่ชุดสีขาวเหมือนกันเดินเข้ามา ชายทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างแตกตื่นก่อนจะรีบวิ่งออกไป ซุยหลินที่กำลังโมโหอยู่เลยเดินตามออกไปพร้อมตะโกนด่าเสียงดัง “จังไรชิบหายไอ้พวกนี้ ขอให้มึงไม่ตายดี” ซุยหลินทิ้งไหเหล้าลงพื้นก่อนจะหายใจรัว “อาเฉิงไปบอกลูกค้าว่าข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง หากเขาต้องการเงินทำขวัญให้แจ้งมาได้เลย” เจียงเฉิงโค้งรับคำสั่งก่อนจะเดินไปดูแลลูกค้าที่อยู่ภายในร้าน บางคนมีอาการตกใจที่จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาฟาดฟันดาบใส่กันภายในร้าน แต่ก็ตกใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อซุยหลินนั้นสู้กลับด้วยไหเหล้าเพียงแค่สองใบ คำเล่าลือถึงความสามารถของซุยหลินดังไปไกลกว่าเดิมด้วยเรื่องที่ว่าสามารถไล่คนที่กำลังต่อสู้กันในร้านออกไปได้แม้ว่าตนเองจะเป็นแค่เกอตัวน้อยๆ ก็ตาม “นายน้อย ข้าว่าเราต้องไปจ้างคนมาช่วยเฝ้าร้านของเราดีหรือไม่ขอรับ” เจียงสุ่ยที่เก็บทำความสะอาดอยู่พูดขึ้น เนื่องจากวันนี้ต้องปิดร้านเร็วกว่าเดิมทุกคนเลยมาช่วยกันเก็บทำความสะอาดร้าน “ข้าก็คิดว่าคงต้องอย่างนั้นแหละ เจ้าพอจะรู้จักสำนักดาบดีๆ บ้างไหม” ซุยหลินหันไปถามทุกคนก่อนจะได้รับการส่ายหน้าน้อยๆ “เห้อ.. แล้วข้าจะไปหาจากที่ไหนดี ปกติตอนท่านพ่อดูแลร้านไม่เห็นจะต้องจ้างคนมาดูแลเลย เปลืองเงินข้าเปล่าๆ” ซุยหลินทำปากบ่นอุบอิบ “ให้พวกข้าช่วยดีหรือไม่” ชายชุดขาวคนเดิมเดินเข้ามาในร้าน “พวกท่านคือใครกัน” ซุยหลินเลิกคิ้วข้างหนึ่ง “พวกข้าเป็นศิษย์สำนักดาบฟ่งหลิน พอดีว่ามาฝึกวิชาแถวนี้ก่อนจะกลับไปสอบเพื่อเลื่อนขั้น เห็นว่าร้านของท่านกำลังต้องการความช่วยเหลือเลยคิดอยากจะช่วยน่ะ” ซุยหลินกอดอก “แต่ว่าข้าไม่มีที่พักให้นะ ค่าจ้างก็ให้ได้ราคาไม่สูง มากันหลายคนขนาดนี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องรับทุกคนหรอกนะ ร้านข้าไม่ได้มีเงินขนาดนั้น” “เถ้าแก่ไม่ต้องห่วง ข้าคิดแค่อาหารสามมื้อก็พอ” ชายชุดขาวยิ้มกว้าง “แล้วท่านนี่เป็นหัวหน้าหรือ แบบว่า ชุดดูอลังการกว่า” ซุยหลินมองชายที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าเนื่องจากว่าเครื่องแต่งกายของเขาดูมีอะไรเยอะแยะมากกว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลัง “ขออภัยที่ข้าแนะนำตัวช้า ข้ามีนามว่าหลงกั๋ว” หลงกั๋วโค้งให้ซุยหลินเล็กน้อย “อือๆ ข้าซุยหลินนะ เรียกยังไงก็ได้” ซุยหลินโบกมือน้อยๆ “แล้วคืนนี้พวกท่านพักที่ไหนล่ะ” “โรงเตี้ยมใกล้ๆ นี่เองขอรับ พอดีว่าจะมาชิมสุราของท่านเสียหน่อยแต่ก็เกิดเรื่องขึ้นก่อน ช่างน่าเสียดาย” “มีเฝินจิ่วอยู่สองสามไห ท่านมาเอาไปแล้วกันเดี๋ยวข้าต้องปิดร้านแล้ว” ซุยหลินกวักมือให้หนุ่มๆ ชุดขาวเข้ามายกไหสุราออกไปก่อนจะโบกมือไล่เนื่องจากจะทำการปิดร้าน หลงกั๋วมองจนซุยหลินกับเจียงสุ่ยปิดประตูเข้าไปเรียบร้อยก่อนจะยิ้มน้อยๆ ให้กับบานประตู เมื่อกลับมาถึงจวนเถ้าแก่ซุยก็ทำหน้าสงสัยเนื่องจากว่ายังไม่ถึงเวลาปิดร้านแต่ว่าทั้งสามนายบ่าวกลับถึงจวนเรียบร้อย ซุยหลินเลยต้องเข้าไปนั่งเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง เพี๊ยะ!! “โอ๊ย ท่านพ่อตีข้าทำไม่เล่า” “เจ้ายังจะมาพูดอีกหรือ” เถ้าแก่ซุยชี้หน้าลูกชายตัวสั่น “ริอ่านไปสู้กับคนถือดาบเช่นนั้นได้อย่างไร” “ข้าก็มีไหอยู่ในมือนี่นา..” “ยังจะพูดอีก” เถ้าแก่ซุยง้างมือขึ้น “แง ท่านพ่ออ่า” ซุยหลินรีบเข้าไปกอดแข้งกอดขาออดอ้อน “แต่ข้าก็ไม่เป็นอะไรเลยนี่ไงขอรับ ข้ากลับบ้านครบสามสิบสองเลยน้า” “เห้อ.. พ่อเหลือเจ้าเพียงคนเดียวนะอาหลิน ทำอะไรคิดถึงใจของพ่อบ้าง” เมื่อเถ้าแก่ซุยพูดเสียงอ่อนซุยหลินก็ลุกขึ้นไปสวมกอดที่เอวบิดาก่อนจะฝังหน้าเข้าไปที่หน้าท้องของเถ้าแก่ซุยแล้วถูหน้าไปมา มือเหี่ยวลูบเบาๆ ที่หัวลูกชายอย่างรักใคร่ “ข้าสัญญาว่าต่อไปนี้ข้าจะดูแลตัวเอง จะไม่ประมาทอีกแล้วขอรับ” “ให้มันจริง” เถ้าแก่ซุยลูบหัวซุยหลินอีกเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปลอบขวัญที่รอดมาได้อย่างไม่มีใครเจ็บตัว “ว่าแต่สำนักดาบนั่นเขาจะมาช่วยเฝ้าร้านของเราหรือ” “ขอรับ เห็นเขาบอกว่ามาฝึกฝีมือก่อนจะกลับไปสอบเลื่อนขั้นก็เลยขอแวะที่เหลาสุราของเราก่อน” “ก็ดีๆ อย่างน้อยพ่อก็จะได้สบายใจ” สองพ่อลูกคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันเข้าเรือนของตัวเอง ซุยหลินที่พอเข้าห้องได้ก็รีบเข้าไปอาบน้ำทันที เมื่อความสะอาดตัวเองเรียบร้อยก็ทิ้งตัวลงบนที่นอน “อ๊า.. เตียงนุ่มๆ ของข้า ไม่เสียแรงที่จ่ายเงินถึงห้าสิบทองแดง” ซุยหลินกลิ้งไปกลิ้งมาบนเบาะหนานุ่มที่ทำมาจากขนเป็ดของตนเอง เนื่องจากยอมกัดฟันควักเงินจ่ายให้ช่างไปทำเบาะนอนอันใหม่มาให้ และก็รู้สึกอย่างถูกใจเป็นอย่างมากกับความนุ่มของมัน เรียกได้ว่าอยากรีบทำงานให้เสร็จเพื่อที่จะได้กลับมานอนที่เตียงนุ่มๆ ที่แสนรัก และตอนเช้าก็ขุดตัวออกจากมันยากยิ่งนักเช่นกัน ยามเซินเวลาเดิมเหลาสุราก็ทำการเปิดอีกครั้งเพียงแค่ว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะมีลูกศิษย์สำนักฟ่งหลินมานั่งเฝ้ารอบๆ มีเพียงหลงกั๋วเท่านั้นที่มานั่งภายในร้าน มองดูการทำงานของทุกคนก่อนจะยิ้มออกมาราวคนเสียสติ “ท่านจะมานั่งเกะกะที่ร้านข้าอีกนานไหม” เจียงสุ่ยเดินเข้าไปถาม “อ่า..” หลงกั๋วเอามือที่วางอยู่บนโต๊ะลง “ข้าขัดขวางการทำงานของท่านหรือ” “ลูกค้าของข้าค่อนข้างที่จะกลัวท่านน่ะ” หลงกั๋วมองไปรอบๆ ร้านก็เห็นเหล่าลูกค้ามองมาที่เขาก่อนจะรีบหันหน้าหนี “อ่า.. เช่นนั้นข้าต้องขออภัยด้วย” หลงกั๋วก้มหัวให้น้อยๆ ก่อนจะเดินออกไป ลูกค้าที่อยู่ในร้านก็เหมือนจะหายใจได้คล่องหน่อยต่างถอนหายใจออกมายาวๆ “เชิญทุกท่านตามสบายเลยนะขอรับ” เจียงสุ่ยพูดกับลูกค้าทุกคนก่อนจะเดินไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ “ยิ้มอะไรก็ไม่รู้ ทำงานไม่ได้เลย” เจียงสุ่ยส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะเดินไปช่วยจินซ่านรับรายการจากลูกค้า เมื่อทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติซุยหลินก็เดินเข้าไปทำงานที่โต๊ะของตัวเองต่อ “บัญชีจ๋า พี่มาแล้ว” ถึงแม้ว่าหน้าที่เดียวที่ต้องทำเวลาอยู่ที่เหลาสุราจะเป็นแค่การนั่งทำบัญชี แต่ซุยหลินก็อยากจะออกไปเขย่าแก้วชงเหล้าให้ลูกค้ามากกว่า เสียที่ว่าถ้าหากไม่เริ่มทำบัญชีตั้งแต่ตอนนี้เห็นทีจะกลายเป็นดินพอกหางหมูจนล้างไม่ออกแน่นอน ซุยหลินจัดการกับรายการที่ต้องเขียนถึงการรับเงินและการจ่ายเงินของแต่ละวันลงในสมุดจนเรียบร้อยก็บิดขี้เกียจแล้วลุกออกมาจากเก้าอี้ “โอย.. ปวดก้น กี่โมงแล้ววะเนี่ย” ซุยหลินหันไปมองก้านธูปก่อนจะพบว่ามันหมดลงไปเจ็ดก้านแล้ว “อ่า.. ใกล้ได้เวลาปิดร้านแล้ว ยอดขายวันนี้เป็นไงบ้างเนี่ย” ซุยหลินเดินออกไปก็เห็นว่าลูกค้าบางตาลงมากแล้ว เจียงเฉิงก็กำลังกวาดที่พื้นอยู่ ร่างบางพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเจียงสุ่ยที่กำลังเก็บเงินใส่กล่อง “เป็นอย่างไรบ้างอาสุ่ย” “วันนี้ขายหมดช้าหน่อยขอรับ แต่ว่าตอนนี้เฝินจิ่วและยาดองก็หมดแล้ว” “ดีมาก เช่นนั้นเดี๋ยวข้านับเงินต่อเอง เจ้าไปช่วยอาเฉิงกับคนอื่นๆ ทำความสะอาดก่อนปิดร้านเถอะ” “ขอรับนายน้อย” เจียงสุ่ยพยักหน้าก่อนจะลุกออกไปช่วยเก็บร้าน ซุยหลินที่ได้มานั่งนับเงินก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจกับจำนวนเงินที่ได้ ร่างบางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่กองของโต๊ะและเก้าอี้ที่เสียหายจากเรื่องเมื่อวานก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “ทำงานได้เงินมือซ้าย เงินก็ออกมือขวา หรือต้องเอาพระมารดน้ำมนต์เพื่อสิริมงคลหน่อยไหม ว่าแต่ยุคนี้มีพระแบบนั้นหรือเปล่าเถอะ” ซุยหลินหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะแบ่งเงินแยกออกเป็นกำไรและต้นทุน เนื่องจากคำนวณทุกอย่างออกมาไว้แล้วเพื่อที่จะได้รู้ว่าวันหนึ่งๆ ขายได้กำไรเท่าไหร่ แบ่งเงินออกไปใช้ตรงไหนได้บ้าง ซุยหลินไม่อยากให้เกิดปัญหาที่ว่าได้เงินเข้ามาแล้วเอามากองอยู่รวมกัน นึกจะซื้อจะจ่ายอะไรก็หยิบออกไปจ่ายอย่างตามใจ เขาอยากเก็บเงินให้เป็นระบบเพราะว่าวัตถุดิบก็ต้องซื้อใหม่ทุกวัน ค่าแรงลูกน้องก็ต้องจ่าย “เงินที่เอาของป๊ามาลงทุนก่อนเปิดร้านก็ยังไม่ได้คืนเลยเนี่ย” เมื่อแบ่งเงินทุนและกำไรออกมาแล้วซุยหลินก็หน้ามุ่ย เนื่องจากต้องแบ่งออกไปสั่งทำโต๊ะและเก้าอี้ชุดใหม่ และไหนจะต่อเติมร้านที่กำลังให้ช่างลงมืออยู่ “สงสัยกว่าจะได้ใช้เงินแบบมือเติบคงต้องรอไปอีกสักพักเลย” ซุยหลินถอนหายใจก่อนจะเงยหน้ามามองเหล่าคนงานที่กำลังช่วยกันเก็บร้าน ร่างบางยิ้มออกมาน้อยๆ รู้สึกว่าอย่างน้อยก็ยังดีที่ไม่ต้องทำงานงกๆ อยู่เพียงคนเดียว Talk. เอาน้องหลินมาเสิร์ฟฮะะะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านน้องหลินแล้วชอบนะคะ เราชื่นใจมั่กๆ เล้ยยยยยยยยยยยยยย ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม