เกิดใหม่เป็นเถ้าแก่เหลาสุรา
เกิดใหม่ครั้งที่ 8
วันแห่งการเปิดกิจการอีกครั้งของเหลาสุราเถ้าแก่ซุยทำเอาซุยหลินทำงานจนไม่ได้หย่อนก้นนั่งพักเลยแม้แต่น้อย ลูกค้าเข้ามาไม่ขาดสายเนื่องจากเกิดเหตุการณ์บอกต่อกันปากต่อปากไปอย่างรวดเร็ว คนที่ได้เข้ามาลิ้มลองรสชาติและลีลาการชงเหล้าที่แปลกใหม่ของซุยหลินได้แต่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าช่างน่าประทับใจ
ยามห้ายทุกคนในร้านมานั่งกองกันที่กลางร้านอย่างคนหมดแรง ซุยหลินมองเหล่าครอบครัวเจียงด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะหันไปมองสองพี่น้องเจียงที่นั่งอย่างหมดท่าจนหัวชนกัน พ่อบ้านเจียงนั่งใช้มือพัดลมใส่แม่บ้านเจียงอย่างเป็นห่วง ส่วนเถ้าแก่ซุยนั่งมองเหล่าจอกไม้ไผ่จำนวนมากที่กองอยู่แล้วยิ้มออกมา ซุยหลินส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเก็บเงินที่ได้มาทั้งหมดวันนี้ใส่กล่องเก็บเงินแล้วเดินถือออกมาหาทุกคน
“เรากลับจวนกันเถอะ พวกท่านน่าจะเหนื่อยกันแล้ว”
ไม่มีใครตอบแต่ทุกคนต่างเดินขึ้นเกวียนโดยมีพ่อบ้านและแม่บ้านเจียงเป็นคนขับเกวียน สองพี่น้องเจียงนั่งอยู่ท้ายเกวียน แม้ว่าซุยหลินจะชวนให้เข้ามานั่งด้วยกันด้านในแล้วก็ไม่มีใครยอมมา
“เราน่าจะหาคนมาทำงานช่วยเราอีกสองหรือสามคนนะท่านพ่อ ข้าอยากให้พ่อบ้านและแม่บ้านเจียงเฝ้าอยู่ที่จวนมากกว่า”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะหาคนให้” เถ้าแก่ซุยหันมายิ้มให้ซุยหลิน
ร่างบางกุมมือของเถ้าแก่ซุยก่อนจะยิ้มน้อยๆ “คัดคนอย่างดีเลยนะท่านพ่อ ข้าไม่อยากให้มันเกิดเรื่องภายหลัง”
“พ่อรู้น่า”
เถ้าแก่ซุยทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ลูกชายแต่ก็กุมมือเล็กนั่นกลับ สองพ่อลูกตระกูลซุยที่เป็นเหมือนเทียนใกล้มอดดับ วันนี้ได้มีเปลวไฟประกายขึ้นอย่างเจิดจ้า
เมื่อทุกคนถึงจวนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ก่อนนอนของตัวเอง ซุยหลินมอบหมายหน้าที่ให้เจียงเฉิงทำน้ำแข็ง เจียงสุ่ยทำยาดองโดยให้ใส่สมุนไพรลงไปในไหเท่านั้น ส่วนซุยหลินเดินเข้าไปตรวจสอบวัตถุดิบในห้องเก็บของว่ามีสิ่งใดใกล้หมดแล้ว
“พรุ่งนี้พ่อค้าขายปลาจะเอาปลามาส่งใช่หรือไม่” ซุยหลินที่ตรวจสอบของเสร็จแล้วเดินมาถามเจียงเฉิง
“ขอรับ ข้าแจ้งพ่อค้าขายปลาไปแล้วว่าอยากได้จำนวนที่มากกว่าเดิม หากเขาหามาได้จะเป็นการดีมาก เขาเลยบอกข้าว่าจะไปซื้อจากอวนของคนอื่นมาให้เพิ่มด้วยขอรับ”
“ดีๆ งั้นถ้าเจ้าทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็เข้านอนได้เลยนะ เจ้าด้วยนะอาสุ่ย” ซุยหลินพูดกับเจียงเฉิงและตะโกนหาเจียงสุ่ยที่อยู่ในห้องหมักเหล้า
“ขอรับนายน้อย”
เมื่อสองพี่น้องตอบกลับมาแล้วซุยหลินก็เดินกลับห้องนอนของตัวเองทันที วันนี้แม่บ้านเจียงเป็นคนเตรียมน้ำร้อนไว้ให้ซุยหลินได้อาบน้ำ หลังจากทำหน้าที่ตัวเองจนเสร็จสิ้นซุยหลินก็เข้าไปแช่น้ำอุ่นในอ่างอย่างสบายใจ
“อ่าห์.. ค่อยดีขึ้นหน่อย”
ซุยหลินหลับตาพิงหัวที่ขอบอ่างพลางคิดเรื่องที่เปิดเหลาสุราวันนี้ก่อนจะยิ้มออกมา เนื่องจากวันนี้ลูกค้าเข้ามาซื้อจนของที่เตรียมไว้หมด ได้กำไรมาหลายร้อยเหรียญเงินทีเดียว
“จะรวยแล้วโว้ย”
ซุยหลินพยายามไม่ให้ตัวเองยิ้มแต่จมูกเล็กนั่นก็กระพือไปมาอย่างน่าตี เมื่อแช่น้ำจนพอใจซุยหลินก็ลุกขึ้นไปเช็ดตัวให้เรียบร้อยก่อนจะเข้านอน
วันนี้แม้ว่าเตียงจะแข็งเพียงใดก็ไม่สามารถทำอะไรซุยหลินได้อีกต่อไปแล้ว เพราะว่ามีความสุขจนลืมทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งก่อนจะหลับไปปากบางๆ นั่นยังยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ยามอู่ซุยหลินก็ขนสุราและวัตถุดิบขึ้นเกวียนก่อนจะเดินทางไปที่เหลาสุรากันเพียงสามคนนายบ่าว เถ้าแก่ซุยไม่ได้ไปด้วยเนื่องจากเพิ่งกลับมาจากเหลาสุราได้ความมาว่าหาคนงานให้ซุยหลินได้เพิ่มแล้วสามคน
เมื่อยามเฉินเถ้าแก่ซุยไปที่จวนของเถ้าแก่จินเพื่อถามถึงคนงานที่อยากได้มาเพิ่ม ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันและเมื่อวานซุยหลินพูดถึงการรวมเหลาสุราและเหลาอาหารเข้าด้วยกันเถ้าแก่จินเลยส่งลูกชายทั้งสามคนที่ทำงานแบกหามอยู่ในตลาดไปเป็นคนงานให้กับซุยหลินโดยที่ไม่ถามถึงเงินเดือนเลยสักคำ
จินเยว่เป็นพี่ชายคนโตเกิดปีเดียวกันกับซุยหลิน รูปร่างหล่อเหลาเอาการ ร่างกายกำยำสมกับการเป็นพี่คนโตทำให้ซุยหลินแอบกัดปากอย่างรู้สึกเอ็นดู
จินซ่านเป็นบุตรคนกลาง หน้าตาไปทางสะอาด ถึงแม้ว่างานแบกหามที่ทำมาอย่างหนักก็ไม่สามารถกลบความหล่อที่ดูแล้วสะอาดตาผู้มองออกไปได้เลย
จินหลานเป็นน้องคนเล็กถึงแม้จะดูหล่อไม่แพ้พี่ชายทั้งสองคนแต่ก็ต้องบอกว่าจินหลานออกไปทางน่ารักมากกว่า
ทั้งสามพี่น้องจินเป็นเอกบุรุษ ซุยหลินเลยต้องถามก่อนว่าหากทำงานภายใต้การควบคุมของคนเป็นเกอจะรับได้ไหม เนื่องจากเอกบุรุษบางคนไม่ชอบอยู่ใต้คนเป็นเกอเสียเท่าไหร่
“ท่านนั้นแข็งแกร่งกว่าข้าที่เป็นเอกบุรุษเสียอีกขอรับ ท่านสามารถช่วยเหลาสุราของพ่อท่านให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ส่วนพวกข้านั้น..” เนื่องจากว่าเหลาอาหารของเถ้าแก่จินไม่สู้ดี สามพี่น้องจึงต้องออกมาทำงานข้างนอกเพื่อหาเงินจุนเจือภายในครอบครัว
“เจ้ากล่าวหนักเกินไปแล้ว”
“ข้าพูดด้วยความสัตย์จริงขอรับ”
“เอาล่ะๆ ข้าจะให้พวกเจ้าคนละห้าร้อยเหรียญทองแดงต่อเดือนนะ แล้วก็พวกเจ้าจะมีหน้าที่ที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือเป็นเสี่ยวเอ้อดูแลลูกค้าด้วยกัน หากว่ามาวันแรกยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ก็ถามอาสุ่ยกับอาเฉิงก่อนได้” เมื่อทั้งห้าคนพยักหน้าอย่างเข้าใจซุยหลินก็พูดต่อ “แต่ว่าก่อนเปิดร้านให้ลูกค้าได้เข้ามาเจ้าสามพี่น้องต้องเข้ามาช่วยกันทำความสะอาด กวาดถูพื้น เช็ดทำความสะอาดโต๊ะ รวมถึงล้างจอกเหล้าที่กองอยู่หลังร้านด้วย เพราะว่าอาสุ่ยกับอาเฉิงเขากลับไปช่วยงานข้าที่จวนต่อ ทั้งหมักสุราและเตรียมน้ำแข็ง”
“แล้วเรื่องกุญแจล่ะขอรับ” จินเยว่ถาม
“อืม.. เดี๋ยวข้าจะไปสั่งช่างทำมาให้เพิ่มก็แล้วกัน ภายในนี้ไม่ได้มีของมีค่าอะไร แต่พวกเจ้าก็ต้องดูแลให้ดีเข้าใจไหม”
“ข้าเข้าใจขอรับ”
“ดี เช่นนั้นก่อนเปิดร้านเราไปกินข้าวที่เหลาอาหารพ่อของพวกเจ้าก่อนดีกว่า ข้าเลี้ยงเองมาเถอะ”
ซุยหลินเลือกที่จะไปกินข้าวที่เหลาอาหารของเถ้าแก่จินอีกครั้ง ถึงแม้ว่ารสชาติอาหารฝีมือเถ้าแก่จินจะอร่อยก็จริง แต่จุดมุ่งหมายซุยหลินไม่ได้จะไปกินข้าวเพียงอย่างเดียว
เมื่อเดินมาถึงหน้าเหลาสุราของเถ้าแก่ปาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นมาข้างหนึ่ง เนื่องจากเห็นว่าที่หน้าร้านนั้นลูกค้าค่อนข้างที่จะบางตากว่าเมื่อวานมากเชียว แถมเสี่ยวเอ้อคนนั้นก็น่าจะกำลังโดนคนที่น่าจะเป็นเถ้าแก่ปายืนด่าอยู่หน้าร้าน
“นั่นเถ้าแก่ปาใช่ไหม” ซุยหลินกระซิบกับเจียงสุ่ย
“ใช่ขอรับ”
“แล้วมาด่าอะไรลูกน้องหน้าร้านแบบนี้ ถึงข้าจะไม่ชอบเจ้าเสี่ยวเอ้อคนนั้นแต่การเอาลูกน้องมาด่าให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง”
ซุยหลินส่ายหน้าก่อนจะมองไปที่เสี่ยวเอ้อคนนั้นด้วยสายตาเห็นใจแล้วเดินเข้าไปหาเถ้าแก่จินที่ยืนรออยู่
“มาเลยๆ วันนี้เดี๋ยวข้าจะเอาเป็ดย่างตัวใหญ่มาให้”
“คิดราคาเช่นเดิมนะขอรับท่านอา”
ซุยหลินพูดดักไว้เนื่องจากเดี๋ยวเถ้าแก่จินก็ให้กินแบบไม่คิดเงินอีก เมื่อวานกว่าจะยอมรับเงินของเขาไปได้ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ทั้งหกคนนั่งล้อมโต๊ะตัวใหญ่ก่อนจะลงมือกับอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า
แต่เพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้าได้ไม่นานเสี่ยวเอ้อคนนั้นก็เดินเข้ามา ตอนแรกซุยหลินไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าก็คงมาหาอะไรกินแบบที่คนทั่วไปเขาทำกัน
“เห้อ.. อากาศในเหลาอาหารนี้ช่างแออัดยิ่งนัก” เสี่ยวเอ้อคู่อริทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะข้างๆ ซุยหลิน
“อ่า.. ท่านรับอะไรหรือขอรับ” เถ้าแก่จินเดินเข้าไปถาม
“ข้าว่าจะมาสั่งอาหารกินเสียหน่อย แต่พอเข้ามาด้านในแล้วพบว่าบรรยากาศภายในร้านนี้ช่างน่าเวียนหัวชวนอ้วกยิ่งนัก” เสี่ยวเอ้อทำท่าปัดลมที่ใต้จมูก
ซุยหลินวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดปากในถุงเสื้อออกมาซับที่ปากเบาๆ “หากบรรยากาศในร้านไม่ดีท่านสั่งอาหารแล้วไปนั่งทานที่ริมถนนก็ได้นะขอรับ”
“ข้าว่ามันไม่ได้เป็นเพราะร้านหรอกที่ทำให้บรรยากาศไม่ดี น่าจะเป็นที่คนมากกว่า”
“ใครหรือขอรับที่ทำให้เหลาอาหารของท่านอาบรรยากาศไม่ดี” ซุยหลินหันไปหาเถ้าแก่จิน “เขาหรือ..” ซุยหลินชี้ไปที่เสี่ยวเอ้อคนนั้น
“นี่เจ้า!!” เขาทุบโต๊ะเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นยืน “เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาด่าข้า”
“ช้าก่อน ข้ายังไม่ได้ด่าอะไรท่านเลย ก็ท่านเดินเข้ามาพูดว่าบรรยากาศในร้านไม่ดี ทั้งๆ ที่พวกข้าหกคนที่นั่งทานอาหารกันอยู่นี้ก็ไม่ได้มีใครคิดว่าบรรยากาศในร้านมันแออัดดังที่ท่านว่าเลย พวกข้ากำลังอร่อยกันเชียวล่ะ แล้วท่านก็เดินเข้ามาพูดว่าบรรยากาศในร้านแออัดน่าเวียนหัว ข้าเลยแปลกใจเพราะว่าไม่น่าเป็นที่พวกข้าแล้วแหละขอรับ น่าจะเป็นที่ท่านมากกว่า”
เสี่ยวเอ้อกกำลังจะชี้หน้าซุยหลินแต่ร่างบางก็ชิงพูดขึ้นก่อน “คิดดีๆ ก่อนจะพูดนะขอรับ อาจจะต้องลองดมที่ใบหน้าตัวเองก่อนหรือเปล่า เพราะตอนข้าเดินเข้ามาในร้านเห็นท่านทำหน้าบูดเชียว บางทีกลิ่นเวียนหัวชวนอ้วกนั่นอาจมาจากใบหน้าของท่านก็ได้”
“เจ้า!! ไอ้เกอบ้า!!”
เจียงสุ่ยลุกออกมายืนประกบหลังซุยหลินทันที “เกอแล้วอย่างไรหรือ ท่านมีปัญหาอะไรกับเกอขอรับ รบกวนท่านบอกข้าทีเผื่อว่าข้าจะด้วยช่วยคลายปัญหานั้นให้ท่าน”
ด้วยความที่เจียงสุ่ยตัวใหญ่นักทำให้เสี่ยวเอ้อคนนั้นลังเลเล็กน้อย “อย่าลำพองใจนักไปเลย กับอีแค่กลับมาเปิดวันแรกแล้วเรียกลูกค้าได้มาก เหลาสุราของข้าดีกว่าอยู่แล้ว”
“อ๋อ.. ที่ท่านโดนเถ้าแก่ปาด่าที่หน้าร้านเมื่อครู่ก็เรื่องนี้หรือขอรับ” ซุยหลินแกล้งเอามือขึ้นมาปิดปาก
“เจ้า...” เสี่ยวเอ้อทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนชี้หน้าซุยหลินเพราะว่ากลัวเจียงสุ่ยที่ยืนคุมอยู่
“ขอรับ ข้าทำไมหรือ” ซุยหลินเอียงคอ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!!”
ว่าจบแล้วก็เดินสะบัดออกไป ไม่วายแตะถีบเก้าอี้ที่อยู่ภายในร้านอย่างคนโมโหร้อน ซุยหลินได้แต่ถอนหายใจก่อนจะหันไปขอโทษเถ้าแก่จิน
“ขออภัยท่านอาด้วยนะขอรับ”
“ไม่เป็นไรๆ เห้อ.. ร้อยวันพันปีคนที่ร้านนั้นไม่เคยมาเหยียบในร้านข้าด้วยซ้ำ” เถ้าแก่จินถอนหายใจ
“ท่านพ่อเดี๋ยวข้าช่วยเก็บให้นะขอรับ” จินเยว่พูด
“ไม่ต้องๆ รีบกินให้อิ่มแล้วไปทำงานช่วยอาหลินเถอะ” เถ้าแก่จินโบกมือไม่ให้ลูกชายช่วย “เรื่องรวมเหลาสุราและเหลาอาหารเจ้ายังสนใจอยู่ไหมล่ะอาหลิน”
ซุยหลินยิ้มกว้างออกมาทันที “ข้ายังสนใจอยู่ขอรับ”
“เอาไว้เดี๋ยวข้าจะเข้าไปคุยกับพ่อของเจ้านะ ไว้เราค่อยตกลงกันอีกที”
ซุยหลินยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้ารัวๆ เรื่องที่เถ้าแก่จินอยากจะรวมกิจการเข้าด้วยกันทำให้ซุยหลินได้กลิ่นเงินกองมหาศาล
เมื่อจัดการกับอาหารตรงหน้าเรียบร้อยแล้วทั้งเจ้านายและลูกน้องก็เดินทางกลับไปที่เหลาสุราเพื่อเตรียมทำความสะอาดรอเปิดร้านให้ลูกค้า มีเหล่าคอเหล้ามายืนรอที่หน้าร้านอยู่บ้างประปราย เรียกได้ว่าฝีมือการเขย่าแก้วของซุยหลินเมื่อวานทำให้คนที่ไม่เคยเห็นอยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง
เคร้ง เคร้ง เคร้ง แกร่ก..
“เฝินจิ่วผสมน้ำทับทิมของโต๊ะสามได้แล้ว” ซุยหลินวางแก้วเครื่องดื่มไว้บนถาด
“ขอรับนายน้อย”
“อย่าลืมยาดองม้ากระทืบโรงของโต๊ะแปดนะ ลูกค้านั่งรอนานแล้ว”
“ขอรับนายน้อย”
“นายน้อยถั่วเคลือบซอสพริกหมดแล้วนะขอรับ”
“ได้ๆ ข้าจะให้คนไปบอกแม่บ้านเจียงให้ทำมาอีก”
เสียงเอะอะของคนทำงานภายในเหลาสุราดังขึ้นอย่างไม่ได้พักเนื่องจากวันนี้มีลูกค้าเยอะกว่าเมื่อวานเกือบสองเท่า มีทั้งคนที่นั่งดื่มที่ร้านและคนที่ยืนรอโต๊ะอยู่ด้านนอก วันนี้กับแกล้มหมดหลายอย่างทำให้ซุยหลินต้องจ้างเด็กที่เป็นบุตรชายของชาวบ้านแถวนี้เป็นคนวิ่งไปแจ้งแม่บ้านเจียงที่จวนให้ทำกับแกล้มมาเพิ่ม
การทำงานภายในเหลาสุราตอนนี้เทียบกับร้านเหล้าในโลกที่แล้วได้เลย เพราะมีทั้งหมายเลขโต๊ะและกระดาษจดออเดอร์ลูกค้า ซุยหลินพยายามวางระบบของร้านให้ทำงานได้อย่างสะดวกที่สุดทุกคนจะได้รู้สึกสนุกไปกับมัน
“แล้วท่านจะมีกับแกล้มหรือเหล้าแบบอื่นมาอีกไหมคุณชาย” ลูกค้าที่นั่งอยู่หน้าบาร์ถามขึ้น
“ข้ามีเมนูมากมายเลยขอรับที่อยากจะทำเพิ่ม เพียงแค่ว่าข้ายังไม่มีเวลาเท่านั้น” ซุยหลินตอบแต่ไม่ได้มองหน้าลูกค้าเนื่องจากว่าต้องผสมเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าสั่ง
“งั้นข้าจะรอชิมฝีมือท่านนะ”
“ได้เลยขอรับ” ซุยหลินยิ้มบางๆ “อาเฉิงอันนี้ของโต๊ะหก บอกลูกค้าด้วยว่าอย่าเอายาดองเทใส่น้ำพั้นช์นะ ไม่งั้นเสียสรรพคุณหมด”
“ได้ขอรับนายน้อย”
ความวุ่นวายแบบที่ไม่มีเวลาได้พักหายใจทำเอาซุยหลินรู้สึกหายเหนื่อยเมื่อได้เวลานับเงิน เมื่อทุุกคนช่วยกันทำความสะอาดก่อนทำการปิดร้านเสร็จซุยหลินก็ยื่นเงินพิเศษให้กับลูกน้องทุกคน
“นี่เป็นค่าเหนื่อยพิเศษ ข้าให้พวกเจ้าคนล่ะห้าเหรียญทองแดง วันนี้พวกเราเหนื่อยมาก เดี๋ยวข้าคิดว่าพอทุกคนเลิกตื่นเต้นกับการเขย่าชงเหล้าของข้าแล้วเขาก็คงเลิกมากันเอง”
ลูกน้องทั้งห้าคนโค้งคำนับก่อนจะรับเอาเงินไป “ฝีมือของนายน้อยดีขนาดนี้ ข้าเชื่อว่าลูกค้าไม่ไปไหนแน่นอนขอรับ”
“อาซ่านเจ้าก็พูดเกินไป” ซุยหลินแกล้งทำหน้าเขินกับคำเยินยอ “นี่ก็กุญแจนะ พรุ่งนี้เจ้าจะเข้ามาเปิดทำความสะอาดกันกี่โมงก็แล้วแต่เลย ข้าเปิดในยามเซินอย่างเช่นทุกวัน”
“ได้ขอรับนายน้อย” จินเยว่ยื่นมือมารับกุญแจ
“แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้เรายังต้องทำงานอีก”
ซุยหลินโบกมือไล่สามพี่น้องจินก่อนจะเดินขึ้นเกวียนไป วันนี้แม้ลูกค้าจะเยอะกว่าวันแรกมากนักแต่ว่าก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรมากมาย แค่คิดว่าเงินที่ได้มามันเยอะขนาดไหนก็ทำให้ซุยหลินมีแรงทำงานได้จนตายเลยเชียว
“ท่านพ่อว่าแบบที่ข้าพูดเนี่ยจะดีไหมขอรับ”
เช้าวันถัดมาซุยหลินเข้ามาปรึกษากับเถ้าแก่ซุยเรื่องรวมสองเหลาเป็นหนึ่งเดียว เล่าถึงว่าจะรวมให้มันเป็นหนึ่งอย่างไรให้เถ้าแก่ซุยเข้าใจ
“พ่อว่ามันก็ดีนะ แต่ว่าเจ้าจินฟ่านจะเห็นด้วยหรือ”
“ท่านอาบอกว่าเห็นด้วยขอรับ ว่าเดี๋ยวจะเข้ามาคุยกับท่านพ่อ”
“อืมๆ งั้นถ้าอาของเจ้าเข้ามาคุยแล้วพ่อก็จะบอกตามที่เจ้าพูดให้พ่อฟังนี่แหละ หวังว่าเขาจะเห็นด้วย”
“มันก็คงจะดีกว่าการต้องไปอยู่ใกล้ๆ กับเหลาสุราของเถ้าแก่ปานะขอรับท่านพ่อ เถ้าแก่ปาพยายามดึงทุกทางให้ลูกค้าเข้าร้านตัวเองแบบไม่เกรงใจใครเลย”
“มันก็เป็นวิธีค้าขายอย่างไรเล่า แล้วแต่ว่าใครจะเลือกทำแบบไหน”
“แต่ทำกันเกินไปมากเลยนะขอรับท่านพ่อ”
“ก็เขามีเงินอย่างไรเล่า คนมีเงินคิดจะทำการใดก็ทำได้ทั้งนั้น”
ถึงแม้ว่าที่เถ้าแก่ซุยพูดมาจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ใครมีเงินมากกว่าก็จะมีโอกาสมากกว่า แต่ซุยหลินมองว่าถ้าหากมีเงินแล้วไม่เห็นหัวใครแบบนี้ก็เกรงว่าจะไม่มีใครชอบขี้หน้าเอาได้ หลายๆ คนอาจจะทำอะไรในวันนี้ไม่ได้ก็จริงแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ล้มขึ้นมาก็เกรงว่าจะไม่มีใครเหลียวแลแล้ว คงมีแต่คนคอยตามเหยียบซ้ำ
“งั้นข้าไปตลาดก่อนนะท่านพ่อ อยากกินหมาฮัว” ซุยหลินว่าก่อนจะเดินออกไป
“เอาเจ้าสองเจียงไปด้วยเล่า อย่าเดินคนเดียว”
“ขอร้าบบบบบบ”
ซุยหลินตะโกนตอบรับเถ้าแก่ซุยก่อนจะตะโกนลั่นจวนอีกครั้งเพื่อเรียกเจียงสุ่ยและเจียงเฉิง เถ้าแก่ซุยได้แต่ถอนหายใจพร้อมส่ายหน้าแล้วบ่นกับตัวเองว่าซุยหลินไม่มีทางถูกใจเอกบุรุษคนไหนแน่นอน คงจะอยู่ที่จวนกับเถ้าแก่ซุยไปจนแก่ตาย
“ข้าคงไม่มีโอกาสจะได้อุ้มหลานแล้ว”
ชายชราพึมพำกับตัวเองเนื่องจากอยากอุ้มหลานเต็มแก่ แต่ว่าบุตรชายนั้นหาได้สนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ตอนนี้ลมหายใจเข้าออกของซุยหลินก็คงมีแต่เรื่องเหลาสุราเพียงเท่านั้น
Talk.
พ่ออยากอุ้มหลานแล้วนะน้องหลิน หนูเลิกคิดเรื่องเหล้าแล้วหาลูกเขยให้หม่ามี๊หน่อยค่ะลูก