เกิดใหม่ครั้งที่ 2

3321 คำ
​ เกิดใหม่เป็นเถ้าแก่เหลาสุรา เกิดใหม่ครั้งที่ 2 ซุยหลินนั่งมองตัวเองในกระจกเงาใบใหญ่ที่แม้ว่าจะมองได้ไม่ชัดอย่างในโลกเก่าก็ตาม ร่างที่เขาได้เข้ามาเกิดใหม่อีกครั้งที่เขานั่งมองอยู่นี้งดงามมาก ปากนิดจมูกหน่อย ผมยาวสลวยสีชมพูอ่อนๆ เรียกได้ว่าถ้าไปอยู่ในโลกเก่าของเขาก็น่าจะเป็นตัวท็อปของบาร์ได้เลย ร่างบางถอนหายใจให้กับตัวเองน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาเป่าเทียนที่จุดเพื่อให้แสงสว่างดับลง แล้วเดินไปทิ้งตัวบนเตียงนอนตัวใหญ่ที่มีเพียงผ้าผืนบางๆ รองอยู่เท่านั้น “อย่าให้รวยจากการเปิดร้านเหล้าได้นะ จะซื้อฟูกให้นุ่มเหมือนนอนบนขี้เลย” ซุยหลินบ่นกับตัวเองก่อนจะขยับตัวพลิกซ้ายพลิกขวาอย่างคนนอนไม่หลับเนื่องจากความแข็งของเตียง แต่ก็หงุดหงิดได้ไม่นานเมื่อความง่วงเข้าครอบงำร่างบางก็เคี้ยวปากแจ่บๆ ก่อนจะหลับไปในที่สุด เวลาเช้าที่ตะวันยังไม่ทันจะได้โผล่พ้นดินด้วยซ้ำ เถ้าแก่ซุยก็เดินเข้ามาหาซุยหลินเพื่อปลุกให้ดื่มยาที่ชายชราอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อต้มมันมาให้คนป่วยได้ดื่ม ถึงแม้ว่าซุยหลินจะรู้สึกเหม็นเขียวกับถ้วยยาที่ถืออยู่ตรงหน้ามากแค่ไหนก็ต้องจำใจยกมันเข้าปาก “ทำดีๆ สิอาหลินลูกพ่อ จะได้หายไวๆ” เถ้าแก่ซุยพูดเมื่อเห็นว่าซุยหลินเอาแต่แลบลิ้นออกมาหลังจากดื่มยา “ไม่ใช่ว่าข้าจะตายเพราะยานี่หรือท่านพ่อ” “เจ้านี่มันอะไรกัน” เถ้าแก่ซุยมองบุตรชายตาขวางก่อนจะดึงเอาถ้วยยาคืนแล้วเดินออกไป “ไปล้างหน้าล้างตา วันนี้พ่อจะพาเจ้าเข้าไปที่เหลาสุรา” เมื่อได้ยินคำว่าเหลาสุราซุยหลินก็รีบดีดตัวขึ้นจากเตียงนอนทันที ร่างบางวิ่งออกไปที่อ่างน้ำใบเล็ก ที่อยู่ในห้องน้ำภายในห้องนอนก่อนจะเริ่มล้างหน้าล้างตาแปรงฟัน เตรียมตัวให้ทันเถ้าแก่ซุยที่ตอนนี้อยู่ในชุดที่พร้อมออกไปข้างนอกแล้ว ร่างบางไม่มีเวลาได้สนใจกับยาสีฟันและแปรงสีฟันของยุคนี้ด้วยซ้ำ ต้องรีบเร่งทำเวลาเพื่อที่เถ้าแก่ซุยจะได้ไม่เปลี่ยนใจ เมื่อเดินมาถึงที่หน้าเหลาสุราซุยหลินก็เข้าใจได้ทันทีว่าเพราะอะไรที่ทำให้ลูกค้าไม่เข้า แม้ว่าจะยังไม่ได้เห็นว่าเหลาสุราของคู่แข่งนั้นดีเพียงใด แต่จากการมองเข้าไปในเหลาสุราของบิดาตนเองนั้นก็ได้พยักหน้าก่อนจะบ่นเบาๆ ว่าเข้าใจแล้ว ภายในเหลาสุราค่อนข้างจะทึบ ไม่มีลมพัดเข้าออกอากาศก็เลยค่อนข้างร้อน ถึงแม้ว่ารสชาติสุราของเถ้าแก่ซุยจะดีเลิศขนาดไหน แต่ถ้าสภาพร้านไม่น่าเข้าลูกค้าก็คงเลือกไปร้านที่รสชาติสุราด้อยกว่าแต่บรรยากาศดีกว่ามาก สองพ่อลูกตระกูลซุยเดินเข้าไปภายในร้านก่อนที่ชายชราจะเดินไปทิ้งตัวนั่งลง ปล่อยให้ซุยหลินเดินมองไปรอบๆ ร่างบางใช้มือดึงเคราที่ไม่มีของตนเองก่อนจะคิดเรื่องปรับปรุงเหลาสุรานี้ไปพลางๆ “ข้าว่ามันต้องปรับเปลี่ยนหลายอย่างเลยนะท่านพ่อ” “หรือ แล้วอย่างไรบ้างล่ะ” “อืม.. ข้างในน่าจะต้องเจาะด้านข้างทำประตูหรือหน้าต่างเพิ่ม เพื่อที่เราจะต้องจุดโคมไฟเพื่อให้ความสว่างน้อยที่สุด อากาศมันจะได้ไม่ร้อนจนเกินไป ต่อให้ฝีมือหมักสุราของท่านพ่อจะดีเลิศมากมายเพียงใดแต่บรรยากาศภายในร้านร้อนอบอ้าวไม่น่านั่งดื่ม ลูกค้าก็คงไม่สนใจ” เถ้าแก่ซุยพยักหน้าตาม “ช่วงแรกที่ท่านพ่อยังขายได้ก็อาจจะเพราะว่ามันยังไม่มีคู่แข่ง คราวนี้มีเหลาสุราให้ลูกค้าได้เลือกถึงสองที่ ต่อให้เราจะมีสุราที่รสชาติดีเลิศขนาดไหนแต่ถ้าบรรยากาศยังเป็นแบบนี้ก็ไม่มีใครอยากเข้าหรอกขอรับ” “เช่นนั้นอาหลินว่าพ่อควรแก้ไขอย่างไรบ้าง เจ้าก็เขียนลงกระดาษมาให้พ่อได้เลย พ่อจะใช้เงินที่มีอยู่ก้อนสุดท้ายนี้รักษาเหลาสุราของเราไว้ให้ได้” “ได้เลยขอรับ ข้าจัดการเอง ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง” ซุยหลินยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้าไปหากระดาษและพู่กันมาเขียนรายการที่ต้องแก้ไขปรับปรุงภายในร้านให้เถ้าแก่ซุย คราวแรกก็กังวลว่าจะเขียนภาษาของโลกนี้ได้ไหม แต่พอจรดหัวพู่กันลงเท่านั้นเขาก็สามารถเขียนได้อย่างคล่องปรื๋อ ต้องเอ่ยชมเถ้าแก่ซุยที่มีเงินถุงเงินถังขนาดส่งเสียให้บุตรชายที่เป็นเกอได้ร่ำเรียนจนรู้หนังสือขนาดนี้ ซุยหลินเดินวนไปมาระหว่างภายในร้านและโต๊ะที่วางกระดาษและพู่กัน เนื่องจากต้องเดินเข้าไปตรวจสอบดูใกล้ๆ ว่าพื้นที่ตรงนี้ต้องแก้ไขอย่างไรดี ร่างบางเดินไปเดินมาบ่นพึมพำและพยักหน้ากับตัวเอง เถ้าแก่ซุยที่นั่งมองอยู่ได้แต่มองหน้าบุตรชายเพียงคนเดียวอย่างปลาบปลื้ม ถึงแม้ว่าจะเป็นเกอแต่ก็ยอมยื่นมือเข้ามาช่วยรับแรงกดดันจากเหลาสุราที่กำลังจะต้องปิดตัว “นี่ขอรับ ข้าเขียนรายการที่เราต้องแก้ไขแล้ว พร้อมทั้งวาดตัวอย่างว่ามันควรเป็นอย่างไร” ซุยหลินยื่นเอากระดาษทั้งหลายแผ่นให้เถ้าแก่ซุย “มันมากมายขนาดนี้เชียวหรือ” เมื่อเห็นจำนวนกระดาษที่อยู่ในมือเถ้าแก่ซุยก็ตาโต “ขอรับ จริงๆ แล้วข้าอยากจะรื้อมันทั้งหมดเพื่อปรับปรุงใหม่ แต่ก็เกรงใจท่านพ่อที่อุตส่าห์สร้างมันขึ้นมา ก็เลยเอาแค่ในส่วนที่ต้องปรับปรุงก็พอขอรับ” “ได้ๆ เดี๋ยวพ่อจะไปคุยกับช่างไม้ก่อนว่ามันพอจะทำอะไรได้บ้างหรือเปล่า เจ้าจะกลับที่จวนเลยไหม นี่ก็น่าจะยามห้ายแล้ว” “ลูกขอไปเดินดูที่ร้านของคู่แข่งก่อนดีกว่าขอรับ” “จะไปทำไมหรือ พ่อไม่อยากให้เจ้าไปเลย” “เราจะทำการรบเราก็ต้องรู้จักกับข้าศึกของเราสิขอรับท่านพ่อ ท่านไม่ต้องห่วง เมื่อข้าดูเสร็จแล้วข้าจะรีบกลับจวนทันที” ซุยหลินกอดแขนเถ้าแก่ซุยพร้อมออดอ้อน “ก็ตามแต่เจ้าแล้วกัน เช่นนั้นพ่อจะไปที่โรงไม้เพื่อติดต่อเรืองแก้ไขร้าน” “ขอรับ” “เมื่อดูจนพอใจก็รีบกลับจวนทันที” เถ้าแก่ซุยเอ่ยย้ำ “ขอรับท่านพ่อ” ซุยหลินยิ้มเอาใจบิดาพลางทำท่าทางน่ารักจนเถ้าแก่ซุยได้แต่ส่ายหัว เมื่อทั้งคู่ตัดสินใจจะแยกย้ายกันไปทำคนละหน้าที่ซุยหลินจึงปิดประตูเหลาสุราให้เรียบร้อยแล้วก ก่อนจะเดินทางไปเหลาสุราที่เพิ่งเปิดใหม่ทันที “กวนตีนมากเลยนะนี่ มาเปิดร้านใหม่เหยียบจมูกร้านเก่าแบบนี้” ซุยหลินบ่นกับตัวเองเมื่อเดินมาไม่นานก็มาถึงเหลาสุราเปิดใหม่ที่ว่า แต่ก็ต้องเอ่ยชมว่าเหลาสุราใหม่นี้ตกแต่งอย่างสวยงาม เปิดโล่งรับลม ทำการค้าขายในยามกลางวันลูกค้าก็ไม่ต้องทนนั่งร้อนเพราะมีลมที่พัดระบายอากาศตลอดเวลา ยืนมองอยู่ที่ด้านหน้าไม่นานเสี่ยวเอ้อก็เดินเข้ามาหา “ไม่ทราบว่าท่าน...” “อ่า.. ข้าคือซุยหลินน่ะ ท่านน่าจะรู้จักข้า” “อ๋อ.. บุตรเกอของเถ้าแก่ซุยนี่เองหรือขอรับ” เสี่ยวเอ้อของคู่แข่งฉีกยิ้มกว้างให้ซุยหลิน ที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่จริงใจสุดๆ “อืม.. ใช่ พอดีว่าข้ามาเดินเล่น ไม่ทันคิดว่าจะเดินมาถึงหน้าเหลาสุราของเจ้าได้” “แล้วไม่ทราบว่าเกออย่างท่านมีธุระอะไรกับเหลาสุราของข้าหรือขอรับ” เมื่อโดนหาเรื่องซุยหลินก็คิ้วกระตุก “ข้าหาได้มีไม่ ก็แค่เดินมาเรื่อยๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้มีธุระอะไรกับเหลาสุราของท่านหรอก” “เช่นนั้นก็ดีขอรับ เพราะข้าจะได้ไม่ต้องใส่ใจท่าน” เมื่อเสี่ยวเอ้อพูดจบก็เดินหันหลังกลับเข้าไปในเหลาสุราทันที ซุยหลินที่รู้สึกเหมือนโดนไล่ก็ได้แต่กัดปากอย่างเจ็บใจ ร่างบางสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับจวน เสี่ยวเอ้อสามคนที่ยืนอยู่หน้าร้านได้แต่หัวเราะคิกคักใส่กัน “มึงเจอกูแน่ ไอ้หลินมือทองไม่เคยยอมแพ้อยู่แล้ว” ซุยหลินบ่นกับตัวเองก่อนจะเดินกำหมัดกลับจวนไป ระหว่างทางก็มีชาวบ้านมองมาที่เขาพลางหันไปซุบซิบกันเองอย่างออกรส ราวกับว่าเรื่องราวของตระกูลซุยนั้นสนุกหนักหนา ซุยหลินได้แต่ส่ายหน้าให้กับความขี้เสือกของคนยุคนี้ และหมายมั่นในใจว่าจะทำให้เหลาสุราของบิดากลับมารุ่งเรือง และมีเครื่องดื่มแปลกใหม่แบบที่คนยุคนี้คาดไม่ถึงแน่นอน เมื่อกลับมาถึงจวนซุยหลินก็เดินเข้าไปในห้องเก็บของที่อยู่ในความทรงจำของเจ้าของร่าง มองหาแก้วหรือชามใบใหญ่ที่เขาสามารถเอาไปใช้ในการผสมเหล้าได้ แต่หาอยู่นานก็ไม่เห็นวี่แววว่ามันจะมีใบไหนที่ถูกใจ ร่างบางถอนหายใจอย่างคนหมดแรงก่อจะนั่งลงไปกับพื้น “เจ้าทำอะไรน่ะ” “อ้าวท่านพ่อ กลับมาแล้วหรือขอรับ” “กลับมาแล้ว ว่าแต่เจ้าเถอะทำอะไรอยู่” “อ๋อ ข้าหาแก้วน่ะท่านพ่อ อยากได้ใบที่เป็นทรงยาวๆ” ซุยหลินทำมือให้ดูว่าอยากได้แก้วยาวขนาดไหน “แก้วหรือ? แล้วเจ้าจะเอาไปทำอะไรล่ะ” “ชงเหล้าน่ะท่านพ่อ” “ชงเหล้างั้นหรือ?” เถ้าแก่ซุยทำหน้างง “ขอรับ แต่จริงๆ ข้าอยากได้เป็นพวกเหล็กหรือสเตนเลสมากกว่าน่ะขอรับ” “สเตนเลสหรือ?” เถ้าแก่ซุยทำหน้างงอีกครั้ง “อ่า.. ข้าจะบอกอย่างไรดี เอาเป็นว่าข้าอยากได้แก้วทรงสูงๆ ที่ทำจากเหล็กน่ะท่านพ่อ ในจวนของเรามีบ้างไหม” “จะมีได้อย่างไรข้าไม่เคยพบเห็นแก้วอย่างที่เจ้าว่ามาก่อน แต่ว่ามีโรงเหล็กอยู่ท้ายหมู้บ้าน อย่างไรเจ้าก็ลองร่างแบบแก้วที่เจ้าอยากได้มาก็แล้วกัน พ่อจะไปคุยกับช่างตีเหล็กให้” “ข้าไปด้วยนะขอรับ ข้าอยากคุยกับช่างด้วยตัวเอง” “ตามใจเจ้าสิ” เถ้าแก่ซุยว่าแบบนั้นก่อนจะเดินออกไป ซุยหลินเลยหันกลับมาสนใจกับของในห้องเก็บของนี่ต่อ ด้วยที่เมื่อก่อนจวนซุยมีฐานะร่ำรวยเป็นอย่างมาก ที่ถึงแม้ว่าจะขายถ้วยชามใบสวยๆ งามๆ ออกไปบ้างแล้วแต่ของที่ยังมีอยู่ก็เรียกได้ว่าดีงามไม่น้อย “ถ้วยอันนี้สวย เดี๋ยวเอาไว้ใส่กับแกล้มได้” ซุยหลินแยกเอาถ้วยชามที่สวยงามเข้าตาแยกออกมาไว้อีกทาง เนื่องจากจะเอาไปใช้งานที่เหลาสุรา “แต่ว่านี่มันถ้วยชามชั้นดีเลยนะ เอาไปใช้ป๊าจะเอาตะบวยมาตีหัวกูไหม” ซุยหลินทำท่านึกคิด “แต่อยากได้แก้วแบบใสๆ ที่เคยใช้อ่ะ สมัยนี้เขาเป่าแก้วกันหรือยังวะ ต้องไปถามป๊าซะหน่อยแล้ว” ซุยหลินวางถ้วยชามที่ถืออยู่ลงบนพื้นก่อนจะวิ่งออกไปหาเถ้าแก่ซุยที่นั่งจิบชาอยู่ เสียงวิ่งตึกตักของลูกชายทำเอาเถ้าแก่ซุยที่กำลังยกถ้วยชาเข้าปากพ่นพรวดออกมา “อาหลิน เจ้าวิ่งอะไรเสียงดังขนาดนี้ สงวนกิริยาหน่อย!” เมื่อโดนเถ้าแก่ซุยดุ ซุยหลินก็หยุดวิ่งก่อนจะเดินทำปากยื่นเข้าไปกอดแข้งกอดขาบิดาเพื่อออดอ้อน “ท่านพ่อขอรับ” “เจ้าต้องการอะไรก็ว่ามาไม่ต้องชักแม่น้ำหลายสาย” “คือว่า ท่านพ่อเคยเห็นแก้วที่โปร่งใส มองทะลุได้หรือไม่ขอรับ” “แก้วอะไรของเจ้า หากมันมองทะลุปรุโปร่งมันจะเป็นแก้วได้อย่างไร” “อ่า.. แสดงว่ายังไม่ถึงยุคของแก้ว” ซุยหลอนพูดกับตัวเองเสียงเบาแต่เถ้าแก่ซุยขมวดคิ้วงง “แหะๆ คือว่าข้าอยากได้แก้ว อ่า..ถ้วยใส่เหล้าน่ะขอรับ ที่มันไม่ซ้ำกับคนอื่นเผื่อว่าจะดึงดูดลูกค้าได้” “พ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบนโลกนี้มันมีแก้วแบบที่เจ้าว่าหรือไม่ แต่เท่าที่เห็นใช้กันก็จะมีจอกเหล้าที่ทำมาจากดินเผา แล้วก็จอกเหล้าที่ทำจากต้นไผ่” “ต้นไผ่หรือขอรับ” ซุยหลินหูผึ่ง “ใช่ จอกเหล้าที่ทำจากต้นไผ่” เถ้าแก่ซุยพยักหน้า ซุยหลินใช้ความคิดกับตัวเองก่อนที่จะตาโตขึ้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นคนทำแก้วน้ำจากต้นไผ่ผ่านตามาบ้างเหมือนกัน ทั้งยังสามารถดัดแปลงเป็นแก้วทรงต่างๆ ได้อีกมากมาย “ท่านพ่อ ข้าอยากได้ต้นไผ่” ซุนหลินเขย่าขาบิดา “เจ้าจะเอาไปทำไมหรือ” “ข้าจะทำจอกหรือแก้วเหล้าขอรับ ไม่ซ้ำกับของใครแน่นอนข้าคอนเฟิร์ม” “คอนเฟิร์มหรือ?” “ข้ามั่นใจว่าแก้วที่ข้าจะทำไม่เคยมีร้านไหนทำมาก่อนขอรับ ทีนี้เหลาสุราของเราก็จะมีจุดดึงดูดลูกค้าให้กลับมาแล้ว เพราะว่ารสชาติของเหล้าไม่ต้องห่วง ฝีมือท่านพ่อไม่เคยตกอยู่แล้ว” “เจ้ามั่นใจหรือ” ซุยหลินพยักหน้าจนผมปลิว “ขอรับ ข้ามั่นใจ” “งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี่พ่อจะไปจ้างคนมาช่วยตัดต้นไผ่ให้เจ้าก็แล้วกัน ที่หลังจวนของเราก็มีกอไผ่อยู่หลายกอ แต่เจ้าคงไม่ได้ใช้มากมายหรอกใช่หรือไม่” “ข้าเองก็ยังไม่มั่นใจขอรับ แต่ว่าข้าจะทำออกมาให้ดีที่สุด” เถ้าแก่ซุยพยักหน้า “เช่นนั้นพรุ่งนี้เราค่อยว่ากัน” “ขอบคุณขอรับท่านพ่อ” ซุยหลินโผเข้ากอดเถ้าแก่ซุย เมื่อตกลงกันได้แล้วซุยหลินก็เดินเข้าครัวเพื่อไปทำอาหารเย็น ถึงแม้ว่าชีวิตที่แล้วจะทำกับข้าวรสชาติหมาไม่แดกก็ตาม แต่ซุยหลินมั่นใจว่าเจ้าของร่างเก่าเก่งงานบ้านงานเรือนมากแน่นอน เพราะเมื่อเขาเริ่มที่จะหยิบจับอะไรร่างกายมันก็ทำไปเองอย่างที่ไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำว่าจะทำ อาจจะเป็นเพราะความเคยชินของเจ้าของร่างเก่าก็เป็นได้ “แล้วพรุ่งนี้ยังจะให้พ่อพาไปที่โรงเหล็กอยู่หรือไม่” “ไม่แล้วขอรับ เดี๋ยวข้าลองดัดแปลงต้นไผ่ดูก่อน ว่าพอจะทำได้หรือไม่” “แล้วมันจะดีใช่หรือไม่ ไอ้เจ้าแก้วเหล้าที่ว่า” เถ้าแก่ซุยทำหน้าอย่างไม่ค่อยจะวางใจ “ท่านพ่อวางใจข้าได้เลยขอรับ ถ้าข้าทำไม่ได้ ข้าไม่คิดที่จะทำแน่นอน” “อืมๆ ข้าก็จะรอดู” ซุยหลินยิ้มกว้าง “ท่านพ่อรอนั่งนับเงินได้เลยขอรับ เหลาสุราของเราจะต้องกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งแน่นอน” เถ้าแก่ซุยยิ้มอ่อนๆ พลางส่ายหัวให้กับคำพูดของซุยหลินราวกับว่าตนเองไม่ได้สนใจอะไร แต่ภายในใจชายชรานั้นมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อยที่เหลาสุราจะไม่ต้องปิดตัวลงไป หลังจากมื้ออาหารจบไปทั้งสองพ่อลูกก็แยกกันเข้าห้องนอนของตนเอง ซุยหลินที่เพิ่งขึ้นจากอ่างอาบน้ำเดินเช็ดตัวไปที่เตียงนอนก่อนจะใช้ความคิดกับตัวเอง “แต่ว่าเราจะทำน้ำแข็งได้ไหมวะ แล้วค็อกเทลล่ะ ถ้าขายแต่เหล้าเฉยๆ แบบที่เคยขายมันก็ไม่น่าสนใจกันพอดี” ซุยหลินทิ้งตัวลงบนเตียง “หรือว่าลองหมักแบบเหล้าไทยดีไหม เสือกระทืบโรงงี้ เอาให้รู้สึกฮี๊กรับๆ กันทั้งคืนไปเลย” “แต่ว่าเอาไว้คิดต่อพรุ่งนี้ได้ไหม ง่วงมาก วันนี้น่าจะใช้สมองมากไปหน่อย” ซุยหลินที่รู้สึกฝืนหนังตาไม่ไหวตัดสินใจโน้มตัวลงนอนทั้งๆ ที่ศีรษะยังเปียกชื้นอยู่ ร่างบางเคี้ยวปากแจ่บๆ ก่อนจะเข้าสู่ห้วงแห่งฝันไปดั่งเช่นทุกคืน เวลาเช้าตรู่เวลาเดิมเถ้าแก่ซุยก็เดินถือถ้วยยาที่มีกลิ่นเหม็นเขียวมาให้ซุยหลินได้ดื่มอย่างเช่นทุกวัน ถึงแม้ว่าจะดื่มมาหลายครั้งแล้ว แต่กลิ่นเหม็นเขียวนั่นก็ไม่เคยชินกับลิ้นของซุยหลินได้เลย “วันนี้ยามซื่อจะมีคนงานมาช่วยเรื่องตัดต้นไผ่ให้ พ่อไปคุยมาแล้วก่อนเอายาเข้ามาให้เจ้า” “โห.. เขาเปิดร้านกันแต่เช้าเลยหรือขอรับ” “มันเป็นเวลาปกติของคนทำมาหากินนี่แหละ เจ้าเองก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา เดี๋ยวพ่อจะให้เจ้าไปคุมคนงานด้วยกัน จะได้รู้ว่าต้องตัดต้นไผ่มาให้เจ้าอย่างไร” “ได้เลยขอรับ” เมื่อเถ้าแก่ซุยเดินออกไปซุยหลินก็ลุกไปล้างหน้าแปรงฟันตัวเองให้เรียบร้อย วันนี้ร่างบางได้มีโอกาสสำรวจเจ้าแปรงสีฟันยุคโบราณแล้ว มันมีหน้าตาที่ไม่ต่างจากแปรงสีฟันในยุคที่จากมาเท่าไหร่ เพียงแต่มีขนาดที่ค่อนข้างจะใหญ่โตคับปากไปบ้างเล็กน้อย จัดการล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วซุยหลินก็เดินไปเข้าครัวเพื่อทำอาหารเช้า ไม่นานมื้อเช้าที่เป็นข้าวต้มธัญพืชก็เสร็จเรียบร้อย คราวแรกที่เถ้าแก่ซุยเห็นก็ทำหน้าแปลกๆ กับอาหารเช้าในมือเล็กน้อย แต่เมื่อได้ลองชิมก็อดที่จะเอ่ยชมในฝีมือของลูกชายไม่ได้ และยามซื่อช่างไม้ที่นัดไว้ก็เดินทางมาถึงที่จวน เถ้าแก่ซุยเดินออกไปเปิดประตูก่อนจะเดินนำช่างทั้งสามคนเข้ามา “ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องตัดมันอย่างไร พวกเจ้าก็คุยกับลูกข้าเองแล้วกัน” เหล่าช่างต่างหันมามองที่ซุยหลินเป็นตาเดียว “แหะๆ ก็... ตัดออกมาเหมือนกับจอกเหล้าทั่วไปเลยขอรับ เดี๋ยวที่เหลือข้าจะค่อยๆ สอนพวกท่านเอง” “ข้าคิดเงินตามจำนวนของจอกเหล้านะ” หนึ่งในช่างไม้คนหนึ่งพูด “อ่า.. หรือขอรับ” ซุยหลินหันไปมองบิดาที่ยิ้มแห้งๆ คาดว่าราคาที่ได้ยินน่าจะขูดเลือดขูดเนื้อพอสมควร “ลดราคาให้ข้าและท่านพ่อหน่อยไม่ได้หรือขอรับ” ซุยหลินใช้สายตาออดอ้อนมองช่างไม้ทั้งสองคน ทำเอาพวกเขาได้แต่หลบตาพลางกระแอมไอกลบเกลื่อนอาการเขิน จากที่ว่าจะมาขูดรีดตระกูลซุยก็กลายเป็นว่าคิดค่าแรงเหมาเป็นรายวันแทน ซุยหลินจึงยิ้มกว้างทันทีเมื่อต่อรองสำเร็จ Talk. ตอนที่สองมาเสิร์ฟค้าบบบบบบบบบ เชิงอรรถ ^ เสี่ยวเอ้อจะอารมณ์ประมาณเป็นคนดูแลร้าน หรือเด็กเสิร์ฟ ^ ยามซื่อ 09.00-10.59 ^ แปรงอันนี้เราอ้างอิงแปรงในยุคหนานซ่งนะคะ มันจะใกล้เคียงกับของปัจจุบันที่สุด ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม