EP : 2

2938 คำ
ที่นี่มีคนงานในไร่มาพลอดรักกันแบบนี้บ่อย ๆ รึเปล่าเนี่ยไม่อายเจ้าป่าเจ้าเขาก็ช่วยเกรงใจเจ้าของไร่ไม่ได้รึ...ไง แกร็บ~ ขวับ! “ว้าย!” “เอ่อ...” “เธอเป็นใคร!” “คือ...สวัสดีค่ะพี่แทน” “ใครเป็นพี่เธอ? ลงไปก่อน” เขาถามฉันเสียงไม่สบอารมณ์แต่ยังไม่ได้คำตอบจากฉันก็หันไปบอกผู้หญิงคนนั้นที่ฉันจำได้ว่าคือยัยเจ้มิลินให้ลงไปจากการนั่งคร่อมตักเขา “มาทำอะไรของเธอ คิดว่าจะเดินเล่นตรงไหนก็ได้รึไง” ยัยเจ้มิลินขยับตัวลงพร้อมกับต่อว่าฉันด้วยเสียงที่เหวี่ยงมาก อารมณ์เหมือนเจ้านายด่าลูกน้องไม่มีผิด แต่ก็คงจะอย่างนั้นไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงกล้าสั่งให้ยัยเอยไปพักที่บ้านแล้วตอบคำถามของยัยเอยแบบเมื่อกลางวันก็เพราะว่ายัยเจ้นี่ท่าทางจะเป็นว่าที่แม่เลี้ยงของไร่สิริภัคดิ์นี่ไง “ขอโทษค่ะ” ฉันได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาแล้วขอโทษนี่ล่ะ ถึงจะเป็นเพื่อนของยัยเอยแต่จะไปมีเพาเวอร์สู้แฟนเจ้าของไร่ได้ยังไงจริงไหมคะ เป็นทั้งผู้จัดการเป็นทั้งแฟนเจ้าของไร่ กินรวบหมดเลยโชคดีเป็นบ้า “ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” เสียงเจ้าของที่นี่ถามขึ้นฉันก็ยิ่งก้มหน้า หล่อเกินคำว่าหล่อจริง ๆ นั่นแหละแต่น้ำเสียงไม่น่าสบตาคนหล่ออย่างเขาเลย “เพื่อนคุณขวัญเอยที่จะมาฝึกงานที่นี่ไงคะ เด็กเส้นของท่านประธาน” ฉันแค่เด็กติดสอยห้อยตามเถอะไม่ได้เป็นเด็กเส้นอย่ามาแอบแขวะ! “ไปก่อนไป” “...” “ไปสิ” เสียงแข็งจากยัยเจ้นั่นพูดออกมาเหมือนฉันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องทำให้ฉันได้แต่ก้าวขาแล้วเก็บความโกรธไว้ในใจ นี่สินะชีวิตจริงของการเป็นผู้ใหญ่ ชีวิตของการเป็นผู้น้อย! “ขอผมคุยกับเด็กคนนี้แบบส่วนตัว” ฉันก้าวขาได้ขาเดียวเสียงเขาก็พูดขึ้นทำเอาฉันแทบหลุดขำ นี่เขาบอกให้ยัยเจ้มิลินแฟนเขาไปหรอกเหรอ ฮ่า ๆๆ แอบสะใจมากเหมือนกันนะที่ยัยเจ้นั่นหน้าแตก “คะ?” นี่ยังต้องทำหน้างงอีกเหรอคะเจ้ขา~ “คุณกลับบ้านพักได้แล้ว” “แต่...ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ” ยัยเจ้มิลินอะไรนี่พูดจบก็เขย่งปลายเท้าทำท่าจะหอมแก้มแฟนเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของแต่อีกฝ่ายมองหน้าเธอนิ่ง สายตาเย็นชาพอสมควรทำให้อีกคนชะงัก ยัยเจ้มิลินหน้าเสียแต่สุดท้ายก็ยิ้มให้เขาแล้วไม่วายหันมามองจิกฉันแล้วเดินไปทางที่ฉันเพิ่งเดินมาพอยัยเจ้นั่นเดินห่างไปไกลฉันก็รีบปรับสีหน้าให้ดีขึ้นแล้วยกมือไหว้เจ้าของที่นี่ให้เป็นทางการ “สวัสดีค่ะ หนูชื่อมิ้งค์ค่ะเป็นเพื่อนของยัย... / ห้ามบอกเอยเด็ดขาด” “คะ?” ยังพูดไม่จบเลยมือก็ยกไหว้ค้างอยู่เลยเนี่ยแต่เขาก็พูดแทรกซะก่อน น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำสั่งแกมข่มขู่ทำฉันใจไม่ดีขึ้นมา First Impression ของฉันกับเขาโคตรแย่เลยสินะ -_-! “ห้ามบอกเรื่องที่เธอเห็นให้เอยรู้เด็ดขาดไม่งั้นเธอฝึกงานไม่ผ่านแน่นอน” เขาไม่เป็นมิตรกับฉันเลย เพราะอะไรแค่เพราะฉันบังเอิญมาเห็นเขากำลังจะพลอดรักกับแฟนของเขาเนี่ยนะ? แฟน รึเปล่านะ? ไม่หรอกไม่ใช่แน่นอน อาการแบบนี้แอบแซ่บกันชัวร์ “หนู...มิ้งค์ไม่เอาเรื่องใครไปพูดหรอกค่ะโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว” “ก็ดี อย่าให้รู้ว่าเอยรู้เรื่องนี้ก็แล้วกัน” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นี้แล้วเดินผ่านหน้าฉันไปอีกทางทิ้งไว้แค่ฉันที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก ก็เห็นยัยเอยเชียร์ฉันอยู่นะ คุยเรื่องพี่ชายก็คุยปกติไม่เห็นจะมีท่าทางเหมือนน้องสาวที่หวงไม่อยากให้พี่ชายมีแฟนเลยแล้วจะต้องกลัวยัยเอยรู้เรื่องนี้จนถึงขั้นขู่จะให้ฉันฝึกงานไม่ผ่านเลยเหรอ? ไม่เวิร์คว่ะมิ้งค์ การฝึกงานที่นี่แม่งไม่เวิร์คแน่ ๆ เพราะมาวันแรกแกก็ไม่เข้าตาคนที่มีอำนาจในนี้ซะแล้วทั้งยัยผู้จัดการตัวร้ายกับเจ้าของไร่หน้าหล่อ “เฮ้อ! เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าที่เจ้าทางเจ้าขา หนูแค่ตั้งใจมาฝึกงานแล้วก็มาดูแลเพื่อนของหนูเท่านั้นหนูไม่ได้มีเจตนาจะมารับรู้เรื่องส่วนตัวของใคร ขอให้การฝึกงานของหนูผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยเถอะนะคะ หนูมาไกลหนูไม่มีที่พึ่งทางไหนเลยได้โปรดเมตตาหนูด้วยนะคะ” #MING END #TANKUN TALK “เฮ้อ! เจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าที่เจ้าทางเจ้าขา หนูแค่ตั้งใจมาฝึกงานแล้วก็มาดูแลเพื่อนของหนูเท่านั้นหนูไม่ได้มีเจตนาจะมารับรู้เรื่องส่วนตัวของใคร ขอให้การฝึกงานของหนูผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยเถอะนะคะ หนูมาไกลหนูไม่มีที่พึ่งทางไหนเลยได้โปรดเมตตาหนูด้วยนะคะ” ...ประสาท ผมไม่ได้จะแอบฟังเด็กคนนี้ยกมือไหว้สวดมนต์ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรอกแต่ผมแค่บังเอิญได้ยินเพราะเด็กคนนี้เปล่งเสียงพูดออกมาเองต่างหาก โคตรบ้าเลยว่ะแต่เห็นแบบนี้ก็อดขำไม่ได้ ไม่ได้ตั้งใจอยู่รอหรอกครับแค่เมื่อกี้เดินไปอีกทางแล้วกลัวว่ามิลินจะแอบดักรอขู่อะไรเธอเพราะผมพอจะรู้นิสัยของผู้จัดการของที่นี่ก็เลยเดินย้อนกลับมา ว่าจะเดินนำไปก่อนไปดูให้แน่ใจว่ามิลินไปแล้วแค่นั้นเอง ผมหยุดยืนมองท่าทางของเด็กคนนี้แล้วก็เผลอยิ้มขำแต่แทนที่จะกลับบ้านเธอกลับนั่งลงตรงม้านั่งที่มิลินเพิ่งนั่งคร่อมผมแล้วมองดูวิวจากภูเขาตรงหน้า “คิดถึงแม่มากเลยค่ะ อยากให้มาด้วยจัง” ยัยเด็กนี่ชอบพูดคนเดียวเหรอวะ? มันก็ไม่แปลกที่คนเราจะคุยกับตัวเองแต่ยัยนี่แม่งเล่นพูดออกมาเลยมันก็เลยแปลกกว่าคนปกติทั่วไปที่เขาจะคุยกับตัวเองในใจ “แต่ดีแล้วค่ะที่แม่ไม่ได้มาด้วย เพราะถ้าแม่มาด้วยแล้วมาเห็นภาพบัดสีแบบเมื่อกี้แม่เป็นลมแน่เลย” ??? นี่ผมโดนแอบเหน็บสินะ หึ ๆๆ ท่าทางจะแสบไม่ใช่เล่นแล้วล่ะเพื่อนขวัญเอยคนนี้ ผมปล่อยให้เธอนั่งเล่นต่อแล้วก็เดินอ้อมไปอีกหน่อยจากนั้นก็เดินกลับบ้าน ระหว่างที่เดินกลับก็โทรหามิลินเพื่อเช็คถึงได้แน่ใจว่าเธอถึงบ้านพักของเธอแล้ว “ไงคะพี่แทน” กำลังจะเดินเข้าบ้านก็เห็นคนคนหนึ่ง คนที่อยู่ในใจผมตลอดมาเดินมาทักทายพอดี “ไงเรา เดินทางเหนื่อยไหม” “นั่งเครื่องชั่วโมงเดียวคิดว่าจะเหนื่อยไหมคะ” ขวัญเอยแกล้งถามผมเลยได้แค่ยิ้มก่อนจะมองที่หน้าท้องของเธอที่ตอนนี้เริ่มนูนขึ้นมานิดหน่อย “รู้ว่านั่งเครื่องแป๊บเดียวแต่ห่วงหลานของลุงไง” ผมพูดจริง ๆ ผมเป็นห่วงหลานในท้อง ตอนที่รู้ว่าขวัญเอยท้องผมทั้งช็อคทั้งเสียใจมากแต่พอเวลาผ่านไปสักพักก็เริ่มทำใจได้ ก็จะให้ทำใจยังไงในเมื่ออีกคนไม่คิดที่จะกลับมาผมก็คงทำได้แค่ทำใจต่อให้ไม่อยากทำเลยก็ตามแล้วจากนี้ไปก็คงทำหน้าที่พี่ชายคิดไม่ซื่อคอยดูแลเธอกับหลานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ขอบคุณนะคะแต่ไม่ต้องห่วงเลยหลานคุณลุงแทนแข็งแรงดีค่ะ” “หึ ๆๆ เก่งทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ โทษทีนะที่พี่ไม่ได้ไปรับวันนี้มีประชุมด่วนน่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะแต่จะว่าไปก็เป็นนั่นล่ะค่ะ” ขวัญเอยพูดแล้วแอบทำหน้าเซ็งนิดหน่อย “เป็นอะไร มีอะไรเหรอ” “ก็พี่แทนพลาดการไปรับคนสวยน่ะสิคะ เซ็งมาก ๆ น่าจะได้เจอกันตั้งแต่แรกที่มาถึง” “เราหมายถึงเพื่อนเรา?” ผมถามตรง ๆ ขวัญเอยก็ยิ้มจนตาหยีแล้วพยักหน้า “ใช่ค่ะ เอยเซ็งมากที่พี่แทนไม่ได้ไปรับเพราะอะไรรู้ไหมคะ เพราะว่าเพื่อนเอยสวยมาก~ รับรองว่าถ้าเห็นแล้วพี่แทนต้องอยากจองมาเป็นพี่สะใภ้เอยแน่นอน” “หึ ๆๆ พูดอย่างกับพี่เจอคนสวยแล้วต้องอยากได้มาเป็นเมียทันที” ผมหัวเราะส่ายหน้าเบา ๆ แต่ก็สวยมากอย่างที่ขวัญเอยบอกนั่นแหละผมไม่เถียงหรอก “รู้ค่ะว่าเจอคนสวยมาเยอะแต่เพื่อนเอยมีมากกว่าความสวยนะคะ ทั้งสวยแล้วก็น่ารักที่สำคัญนิสัยดีมาก ๆ เลยนะ” “อื้ม” ผมพยักหน้ารับแล้วก็ยิ้ม สงสัยจะนิสัยดีจริง ๆ ล่ะมั้งเพิ่งพูดคนเดียวแล้วแอบเหน็บผมอยู่เลย “ไม่เชื่อเหรอคะ” “คนเรามีหลายมุมอยู่ที่ว่าอยู่กับใคร อยู่กับเราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีแต่ถ้าอยู่กับคนอื่นอาจจะไม่ดีก็ได้” “อะไรคะทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ไม่ชอบเพื่อนเอยรึเปล่าเนี่ย” “เปล่า พี่แค่พูดไปงั้นไม่ได้ไม่ชอบอะไรสักหน่อยคนยังไม่เจอกันจะไม่ชอบได้ยังไง พี่แค่จะบอกว่าเรื่องนิสัยมันต้องดูเอง จะให้เชื่อคำพูดคนอื่นเลยมันก็ไม่ได้จริงไหมล่ะ” “ก็จริงค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะเพราะเดี๋ยวพี่แทนก็เชื่อคำพูดเอยเพราะเพื่อนเอยเป็นอย่างที่เอยอวยทุกอย่าง นั่นไงมาแล้ว ค่อย ๆ หันไปมองนะคะแล้วอย่าตะลึงในความสวยล่ะ อิอิ” หึ ๆๆ ตลกขวัญเอยว่ะแต่ผมก็ทำตามนะครับ หันไปมองเด็กคนนั้นที่กำลังเดินกลับมาที่บ้านแต่ก็ไม่ได้ตะลึงหรอกจะตะลึงได้ยังไงในเมื่อเพิ่งคุยกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เธอสวยมากอย่างที่ขวัญเอยบอกแต่ชื่ออะไรผมจำไม่ได้แล้วตอนนั้นมัวแต่โมโหที่มีคนไปเห็นแล้วก็กลัวว่าเรื่องจะถึงหูขวัญเอยผมเลยลืมสนใจความสวยกับชื่อของเธอไปเลย “เป็นไงคะ สวยใช่ไหมล้า~” เสียงสดใสจากคนข้างหลังทำให้ผมยิ้ม ดีนะที่ขวัญเอยยืนอยู่ข้างหลังเลยไม่เห็นหน้าผมไม่งั้นเธอคงผิดหวังน่าดูที่ผมไม่ตะลึงอย่างที่เธอคิด “อื้ม” “อะไรอ่ะ ตอบแค่นี้เองเหรอพี่แทน” “ก็สวยไงจะให้พูดอะไรล่ะ” ผมหันกลับมามองขวัญเอยส่วนเด็กคนนั้นเมื่อกี้ก็ทำหน้าลำบากใจนิดหน่อยตอนที่เห็นหน้าผม “ชิส์! มิ้งค์จ๋า~ มานี่เร็วมารู้จักคุณแทนคุณพี่ชายเพื่อนเลย~” ขวัญเอยเรียกเพื่อนของเธอด้วยท่าทางตื่นเต้น นี่คงอยากจับคู่ให้ผมกับเพื่อนรักของตัวเองสินะ หึ ๆๆ ความหวังที่มีแค่ริบหรี่ในใจไอ้แทนดับมอดลงไปแล้วล่ะครับ “สวัสดีค่ะ” ยัยเด็กคนนี้เดินเข้ามาแล้วยกมือไหว้ผมอีกครั้ง ก็ดีที่ทำเหมือนเราเพิ่งเจอกันไม่งั้นขวัญเอยถามต่อแน่ว่าเจอกันเมื่อไหร่แล้วคุยอะไรกันบ้าง บอกตรง ๆ ว่าไม่อยากโกหกคนท้อง “ครับ” ผมยกมือรับไหว้ทำให้คนที่ไหว้ผมเผลอทำหน้ากระอักกระอ่วนใจออกมา อ่าส์! ฉันก็ไม่อยากแกล้งทำเป็นมีมารยาททั้งที่เพิ่งขู่เธอไปเมื่อกี้เหมือนกันนั่นล่ะวะ “พี่แทนคะนี่มิ้งค์คนสวยของเอยเองค่ะ ดูแลดี ๆ นะคะไม่งั้นร้องไห้กลับบ้านตั้งแต่ยังฝึกงานไม่เสร็จแน่เลย” “ครับ ตามสบายนะที่นี่อยู่กันเหมือนพี่น้องอยู่กันแบบครอบครัวไม่ต้องเกร็ง ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองได้เลย” “...ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณแทนคุณ” “แก~ ไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิตเรียกธรรมดาก็ได้คุณเคินอะไร” “ไม่ดีกว่าแกเดี๋ยวไม่ชินขอเรียกแบบนี้ดีกว่า” “แต่... / อย่าบังคับเพื่อนเลยเอยเอาตามที่เพื่อนสะดวกดีกว่า หิวรึยังแม่บ้านน่าจะทำอาหารเสร็จแล้วมั้ง” ผมก็ไม่อยากให้เด็กคนนี้เรียกผมว่าพี่เหมือนกัน ไม่รู้ว่ะ ไม่ใช่ไม่ชอบหน้าแต่ไม่อยากให้เรียกเฉย ๆ หรือถ้าจะเรียกก็คงไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน “โอเคค่ะถ้างั้นไปกินข้าวกันดีกว่าเอยก็เริ่มหิวแล้ว ไปกันแกแม่ครัวที่นี่ทำอาหารเหนืออร่อยมาก~” ขวัญเอยเดินผ่านผมไปเกาะแขนเพื่อนแล้วพาเพื่อนของเธอเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับโม้เรื่องอาหารไปด้วย ผมได้แต่ยืนมองผู้หญิงสองคนที่จะมาอยู่ด้วยอีกหลายเดือน สวยเหมือนกันทั้งคู่แต่นิสัยจะเหมือนกันไหมผมไม่รู้หรอก แต่ต่อให้เหมือนก็ไม่มีทางมีใครมาแทนที่เธอได้เพราะขวัญเอยก็คือขวัญเอย #TANKUN END #MING TALK ...ตามสบายนะที่นี่อยู่กันเหมือนพี่น้องอยู่กันแบบครอบครัวไม่ต้องเกร็ง ครอบครัวแบบไหนเหรอ ครอบครัวเลือดข้นคนจางเหรอ? ใช่แน่นอนเพราะดูจากยัยเจ้มิลินของเขาแล้วก็น่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ...ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านตัวเองได้เลย ใครจะไปทำตัวตามสบายได้ถามจริงในเมื่อเจ้าของบ้านเพิ่งขู่คนที่มาขออาศัยไปหยก ๆ ที่พูดเมื่อกี้แค่เอาใจน้องสาวตัวเองเท่านั้นแหละ ท่าทางอีตาแทนคุณอะไรนี่จะเกรงใจน้องสาวตัวเองมากน่าดู เฮ้อ! ท่าไม่ดีตั้งแต่วันแรกแต่ก็ทนหน่อยนะมิ้งค์เอ้ยมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่างน้อยยัยเอยก็น่าจะคุ้มกะลาหัวแกได้บ้างไม่มากก็น้อยล่ะวะ “แก” ฉันบอกเพื่อนดีไหมนะ “ว่า~” เห็นเพื่อนมีความสุขฉันก็ไม่กล้าพูดอะไรเลยค่ะ ฉันรู้นะว่ายัยเอยชอบไปแอบร้องไห้เวลาอยู่คนเดียวเพราะฉะนั้นเรื่องที่อึดอัดใจเก็บไว้ก่อนก็ได้มั้งมิ้งค์ อย่างน้อยก็ช่วยให้คนท้องมีสุขภาพจิตดีตอนที่อยู่กับแกเถอะนะ “ไม่มีอะไรแค่จะบอกว่าหิว” “อ้อ ถ้างั้นรีบมาเลยจ้ะมิ้งค์เดี๋ยวเพื่อนพาไปกิน” ขวัญเอยลากฉันให้เดินเร็วกว่าเดิมจนต้องห้ามให้เดินช้าลงเผื่อเพื่อนลืมว่าตัวเองท้องอยู่ พอมาถึงโต๊ะอาหารเจ้าของบ้านก็เดินตามมาฉันถูกจัดให้นั่งตรงข้ามยัยเอย แน่นอนว่าเจ้าของบ้านนั่งหัวโต๊ะและใช่ค่ะฉันกับยัยเอยนั่งขนาบเขาซ้ายขวา เกร็งเป็นบ้าเลยอาหารที่จัดไว้บนโต๊ะน่ากินแต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะกล้ากินเยอะรึเปล่า “น่ากินมาก~ อาหารของที่นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เอยเลือกมาฝึกงานที่นี่เลยนะคะ” “หึ ๆๆ ถ้างั้นก็กินเยอะ ๆ ทั้งคุณแม่แล้วก็คุณลูกล่ะ” “ค่า~” ฉันนั่งฟังสองพี่น้องที่ไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดแต่ดูสนิทสนมกันดีแล้วก็เกร็งไปอีกเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองจมหายไปจากโต๊ะอาหารในชั่วขณะหนึ่ง ชิส์! คนก็อุตส่าห์คิดว่ามาแล้วจะต้อนรับกันแบบน้องนุ่งที่ไหนได้ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด ก็อุตส่าห์จะฝากตัวเป็นน้องสาวเพราะเห็นเป็นพี่ชายของเพื่อนรักแต่บอกตรง ๆ นะคะตอนนี้ในสายตาฉันเขาเป็นแค่เจ้าของบริษัทที่ฉันมาฝึกงานแล้วฉันก็ต้องวางตัวให้นอบน้อมที่สุดก็เท่านั้น ถ้าคลานเข่าเป็นทาสในเรือนเบี้ยได้ก็คงทำไปแล้ว -เวลาต่อมา- “มาทำอะไรทำไมไม่เข้านอน” “อุ้ย!” ฉันสะดุ้งแล้วรีบหันไปตามเสียงที่ดังมาจากข้างหลัง “ว่าไงทำไมไม่เข้านอน” เสียงเจ้าของบ้านโคตรดุเลย นี่เพิ่งสี่ทุ่มเองนะจะรีบไล่ไปนอนถึงไหน “พอดีเห็นตรงนี้วิวดีค่ะเลยออกมานั่งเล่น” “นี่ไม่ใช่เวลามานั่งเล่น” ฉันพยายามจะสร้างมิตรภาพเพื่อให้ตัวเองอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่ยากลำบากแต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ชอบเท่าไหร่ -_-! “...ทราบค่ะ” “ขึ้นนอนซะแล้วคราวหลังอย่าทำอะไรตามใจตัวเองอยากออกไปไหนทำอะไรก็ทำแบบนี้อีก มันไม่ใช่บ้านของเธอ” โห~ อาการออกขนาดนี้ทำไมไม่ให้ฉันไปนอนบ้านพักคนงานล่ะยะไปได้นะแบบนั้นน่าจะสบายใจกว่า “ค่ะ!” ฉันรับคำแล้วเดินหนีเขาทันที เผลอแสดงกิริยาไม่เหมาะสมใส่เขาด้วยนะ ฉันกระแทกเสียงใส่แล้วสะบัดหน้าหันหลังให้เขาทันที “เหอะ! กลัวฉันจะไปเห็นว่าแอบพลอดรักกับผู้จัดการอีกรึไงยะ!” หมับ! “ว้าย!” “เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม