EP : 10

2520 คำ
“...กินเล่น ๆ รึเปล่าคะ พี่แทนคุยกับพริ้งตรง ๆ ได้นะพริ้งรับฟังได้ทุกอย่าง” พริ้งพลอยพูดขึ้นแล้วก็มองผมด้วยสายตา...ยั่ว “พี่เคยกินเล่น ๆ มาเยอะครับพริ้งพลอยเรื่องนี้พี่ไม่ปฏิเสธแต่ไม่ใช่กับมิ้งค์แน่นอน อย่าถามคำนี้อีกนะ ผู้หญิงที่เราถามถึงเขาทำตัวมีค่ามากจนพี่ไม่แม้แต่อยากให้ใครดูถูกเขาด้วยคำพูดหรือความคิดแย่ ๆ” “...” “ยังไงพริ้งก็ลองตัดสินใจดูนะว่าจะอยู่บ้านพักหรือว่าโรงแรม ตัดสินใจแล้วก็บอกแม่บ้านได้เลยนะครับแม่บ้านจะเป็นคนจัดการให้เอง พี่ขอตัวทำงานก่อนตอนเย็นมีนัดกับแฟน” ผมโกรธแต่พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ ถ้าไม่ติดว่าพ่อผมกับพ่อเธอทำธุรกิจร่วมกันมานานคงได้ด่าตั้งนานแล้ว พริ้งพลอยเป็นผู้หญิงที่นอกจากความสวยแล้วก็ไม่มีอะไรให้น่าดึงดูดใจเลยว่ะ ทั้งมารยาทแล้วก็ความคิด แย่ไปหมด “...พริ้งขอตัวนะคะ” เธอเองก็ไม่พอใจผมรู้ นิสัยที่แสดงออกมาหลายครั้งที่เจอกันทำให้ผมรู้ว่าเธอถูกเลี้ยงมาด้วยการตามใจพอโดนขัดก็มีทางชอบหรอกแต่จะให้ผมปล่อยให้เธอว่ามิ้งค์ต่อไปงั้นเหรอ ไม่มีทาง ผมไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ทำให้ผมปกป้องเด็กคนนั้นที่รู้จักกันได้แค่ไม่กี่วัน อาจจะเป็นความถูกต้องหรือ...ความถูกใจที่อยู่ลึกในใจของผมก็ได้ อ่าส์! ผมไม่ได้คิดจะเปลี่ยนใจจากขวัญเอยหรอกนะครับแต่เด็กคนนั้นทั้งสวยทั้งมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดให้ต้องสนใจ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนก็ไม่แปลกที่จะมองเธอบ้างตามประสาผู้ชาย แต่จะกินเพื่อนขวัญเอยไหมก็คงไม่ ที่ผ่านมาผมกินเล่นมาบ้างแต่กับเพื่อนของผู้หญิงที่ผมรักคงไม่ดีกว่าไม่อยากให้มีปัญหาตามมาทีหลัง และที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ผมไม่คิดจะยุ่งกับเด็กคนนั้นก็คือความรู้สึกของขวัญเอย ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกแย่กับผมเพราะเรื่องผู้หญิงคนอื่น ถึงกลับมารักเหมือนเดิมไม่ได้ก็ขอเป็นพี่แทนที่เธอยังรักและเคารพตลอดไปก็ยังดี ส่วนมิ้งค์ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรปนมาด้วยก็ตามแต่ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ผมต้องปกป้องเธอจากผู้หญิงคนอื่นก็คงเป็นเพราะผมดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องผู้หญิงทั้งที่เธอไม่ได้เต็มใจ แล้วแบบนี้จะให้ผมปล่อยให้เธอโดนผู้หญิงคนอื่นรังแกก็คงเป็นไปไม่ได้ถูกต้องไหมครับ #TANKUN END #MING TALK ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด …090-999-09XX เบอร์ใครนะโคตรสวยเลย เบอร์สวยจนไม่กล้าจะกดรับเพราะกลัวคนโทรจะแค่โทรผิด มันเสียเวลาค่ะ แหะ ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องกดรับใช่ไหมล่ะคะ ติ๊ด! “ฮัลโหล” (อยู่ไหน?) “อยู่...ใครคะ?” กำลังจะตอบว่าอยู่ที่ไหนแต่ลืมไปว่ายังไม่รู้เลยว่าใครโทรมา -_-! (แฟนเธอ) “โทษนะคะไม่มีแฟนค่ะ โทรผิดรึเปล่าคะ” ผู้ชายคนนี้โทรผิดมั้งคะ แต่ทำไมเสียงนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหนสักที่เลยนะ คุ้น ๆ แต่คิดไม่ออกเหมือนติดอยู่ที่ปาก (อยู่ที่ไหน เลิกงานแล้วมาหาฉันที่ห้องทันที) “คะ? คุณแทนคุณเหรอ?” (อืม จะใครล่ะ) เขาทำเสียงเหมือนรำคาญที่ฉันไม่รู้สักทีว่าคุยอยู่กับใคร ก็ใครจะรู้ล่ะ แต่เดี๋ยวนะก่อนหน้านี้เขาบอกฉันว่ายังไงนะ ...แฟนเธอ แฟนเธอเลยเหรอ? อี๋~ ขนลุก! “มีอะไรคะ” ขนลุกรับไม่ได้แค่ไหนก็ต้องถามใช่ไหมล่ะคะว่าจะให้ไปหาทำไม (จะพาไปดินเนอร์) “ฮะ?” (ตามนั้นแหละจะทำเสียงงงอะไรนักหนา) “จะไม่งงได้ไงล่ะคุณก็คุณบอกว่าดินเนอร์” (แล้วไง คำว่าดินเนอร์มันต้องอธิบายอะไรอีก) “ต้องอธิบายสิคะก็ฉันกับคุณไม่จำเป็นต้องไปดินเนอร์กันสักนิด” (จำเป็นเพราะฉันบอกพริ้งพลอยไปแล้วว่าเย็นนี้จะพาเธอไปดินเนอร์เพราะฉะนั้นเธอต้องไปกับฉัน) อ่อ เข้าใจแล้ว ไอ้ฉันก็อุตส่าห์ตกใจกลัวคิดว่าเขาจะพิศวาสอะไรฉันขึ้นมาแล้วเล่นนอกบทซะอีก โล่งอกไปที โล่งอกจริง ๆ นะ โคตรโล่งเลยที่คนหล่อมาก รวยมาก โปรไฟล์ดีมากอย่างเขาไม่ได้พิศวาสฉัน! “แล้วเอยล่ะคะ บอกยัยเอยรึยัง” (ไม่ต้องชวนเอยหรอก ไปแค่สองคนนี่ล่ะ) “ได้ไง ฉันไม่ไปกับคุณสองคนหรอกนะคะ” (ฉันก็ไม่ได้อยากไปกับเธอหรอกน่าแต่มันจำเป็น) “เหอะ!” รู้สึกเสียหน้ายังไงก็ไม่รู้นะยัยมิ้งค์ (ตกลงตามนี้นะ ก็อยากชวนเอยเหมือนกันแต่รู้ว่าถ้าไปก็คงไปนั่งปั้นหน้ามีความสุข ไม่อยากให้เอยฝืนใจ ไม่สังเกตเหรว่าเวลาเพื่อนเธอฝืนยิ้มเขาดูเหนื่อย ๆ สู้ปล่อยให้อยู่กับตัวเองดีกว่า ร้องไห้ยังได้ระบายความเจ็บปวดแต่ไปปั้นหน้าว่ามีความสุขทั้งที่กำลังทุกข์มันยิ่งอึดอัด) อีตานี่ไม่สนเลยจริง ๆ ว่าเด็กฝึกงานอย่างฉันจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ คิดแต่เรื่องตัวเองเห็นแก่ตัวที่สุดเลย! แต่ก็ยังดีนะคะที่ห่วงน้องสาวตัวเองมาก ๆ เพราะฉะนั้นฉันยอมมองผ่านก็ได้เพราะฉันก็ห่วงเพื่อนรักของตัวเองเหมือนกัน “ไม่ไปได้ไหมล่ะคะ” (ไม่ได้) โอเครู้เรื่อง ก็ลองถามไปงั้นแหละ รู้อยู่หรอกว่าคำตอบจะเป็นยังไง “ไปนานไหมคะ” (ไม่นาน) “โอเคค่ะ เลี้ยงข้าวด้วยแล้วกัน” (อืม เดี๋ยวพาไปกินอะไรอร่อย ๆ แล้วจะพากลับไม่นานหรอก) “ค่ะ” ติ๊ด! “เอาแต่สั่ง ชิส์!” ขอบ่นใส่หน้าจอโทรศัพท์หน่อยเถอะ นี่มิ้งค์ต้องไปข้างนอกกับอีตานั่นสองต่อสองเหรอ อีตาพี่ชายเพื่อนรักที่เป็นเจ้าของไร่ที่หล่อ ๆ คนนั้นนั่นน่ะนะ? แค่คิดก็อึดอัดล่วงหน้าแล้วล่ะ หล่อแค่ไหนแต่ถ้าไม่ชอบก็คือไม่ชอบอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ทั้งเขาที่ไม่ชอบฉันแล้วก็ฉันที่ไม่ประทับใจเขา เฮ้อ! ความหน้าตาดีมาก ๆ ของฉันกับเขาไม่ได้เป็นเคมีที่ดึงดูดเราสองคนเข้าหากันเลยนะคะ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นอย่างเรื่องนี้เกิดขึ้นฉันว่าเราก็คงจะคุยกันอาทิตย์ละคำเท่านั้นล่ะซึ่งแน่นอนว่ามิ้งค์อยากได้แบบนั้นมากกว่าล้านเปอร์เซ็นส์ -เวลาต่อมา- “มาทำอะไรที่นี่” เสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจดังออกมาระหว่างที่ฉันกำลังยกมือขึ้นจะเคาะประตูและมันก็ทำให้มือฉันชะงักค้างกลางอากาศ “มาพบคุณแทนคุณค่ะ” “เพราะ?” ไม่พอใจสินะที่เห็นเด็กสาวสวย ๆ ใส ๆ อย่างมิ้งค์จะเข้าไปหาเจ้านายของตัวเอง เจ้านายที่มากกว่าเจ้านาย แต่จะกลัวทำไมยัยพริ้งพลอยที่สวยเหมือนกันเด็กเหมือนกันแถมรวยด้วยเขายังไม่เอาแล้วเขาจะมาสนใจอะไรฉันที่มีความสวยเท่าผืนฟ้าแต่ความรวยเท่าที่นาผืนน้อย -_- “เพราะคุณแทนคุณเรียกค่ะ ขอตัวนะคะคุณผู้จัดการ” ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับยัยเจ้มิลินให้มากมาย น่าเบื่อ พูดจบก็ผลักประตูเข้าไปเลยไม่คงไม่เคาะมันแล้ว “อย่าคิดว่าเป็นเพื่อนคุณเอยแล้วฉันจะไม่กล้า”​ ยัยเจ้นี่ทำงานเป็นถึงผู้จัดการได้ยังไงนะในเมื่อการจัดการเรื่องผู้ชายของตัวเองยังทำไม่ได้เลย จากที่ไม่คิดจะสนใจฉันที่ผลักประตูจนมันอ้าไปครึ่งบานแล้วก็หันกลับไปมองยัยคนสวยแล้วเลือกทิ้งระเบิดสักลูกเอาไว้ให้ยัยนี่แสบที่ใจเล่น ๆ “บางทีที่คิดว่าคุณจะไม่กล้าอาจจะเป็นเพราะ...ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนของเอยก็ได้นะคะ” ฉันตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานแล้วเดินเข้าไปทันที รู้ดีว่ายัยผู้จัดการคนนี้ไม่มีปัญญาทำอะไรได้หรอก อย่างน้อย ๆ ก็ตรงนี้เวลานี้นั่นล่ะ “คุยกับใคร?” เขาน่าจะมองฉันตั้งแต่ถือวิสาสะแถมยังเสียมารยาทเปิดประตูห้องทำงานโดยที่ไม่เคาะแล้วล่ะค่ะพอฉันเดินเข้าห้องเลยถามทันที “ผู้หญิงของคุณค่ะ” ฉันตอบพร้อมกับกรอกตามองบนด้วยความลืมตัว “คนไหนล่ะ” อีตานี่ไม่ตื่นเต้นกับคำตอบแล้วยังจะถามกวนประสาทกลับมาอีก! “มีเยอะเหรอคะถึงต้องถาม” “ก็...เยอะมั้ง” “ชิส์!” จะเยอะไม่เยอะก็เรื่องของเขาเถอะไม่เกี่ยวกับฉัน ที่จิ๊ปากก็แค่หมั่นไส้ที่เขากวนประสาทฉันเฉย ๆ “ตกลงว่าใคร” “จะใครล่ะคะถ้าไม่ใช่เจ้ เอ๊ย! คุณมิลิน” “เขาว่าอะไร?” หน้าเขาดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีแต่ไม่เยอะนะแค่นิดหน่อยให้พอสัมผัสได้แบบนิด ๆ หน่อย ๆ เล็กน้อยจนบางเบาเท่ารอยเท้ามดตะนอยก็เท่านั้น “ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ แค่ถามเฉย ๆ ว่ามาทำอะไร” ไม่อยากฟ้องค่ะ เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมากอีกอย่างฉันทิ้งระเบิดให้แสบในใจไปแล้ว เอาไว้รังแกฉันแบบเล่นใหญ่เมื่อไหร่เมื่อนั้นก็ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะคนอย่างมิ้งค์ฟ้องชัวร์ไม่ปล่อยให้หมองมัวใจตัวเองแน่นอน “แน่นะ?” “ค่ะ” “อืม แต่ถ้ามีคำพูดไหนที่มากกว่าถามดี ๆ ก็บอกแล้วกัน” “ค่ะ ว่าแต่จะไปตอนไหนคะ ออกไปพร้อมกันตอนนี้เลยเหรอเดี๋ยวคนอื่นเห็นนะ” “กลัวคนเห็นว่าออกไปข้างนอกกับฉัน?” “ค่ะ” “อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงพนักงานก็จะกลับกันแทบทั้งหมด เธอคิดว่าจะมีใครอยากนั่งทำงานต่อมากรึไงไม่ต้องกลัวให้มากไม่มีใครเห็นหรอก” ก็แค่ถามแล้วจะทำท่าทางไม่พอใจใส่ทำไมเนี่ย? “ถ้างั้นทำไมไม่ให้กลับไปรอที่บ้านล่ะคะอีกตั้งครึ่งชั่วโมงจะให้มารอที่นี่ทำไม” ถ้าจะอีกตั้งครึ่งชั่วโมงก็น่าจะเจอกันที่บ้านนะเพราะให้มาอยู่ในห้องทำงานของเขาแบบนี้ฉันอึดอัด ตอนเดินมาก็กลัวคนที่นี่เข้าใจผิดแทบแย่ “ถ้าจะให้รอที่บ้านแล้วจะสั่งให้มาหาทำไม นั่งรอไปอย่าพูดมากฉันจะรีบทำงาน” “อะไรเนี่ย? แล้วฉันผิดอะไรคุณถึงต้องมาอารมณ์เสียใส่ก็แค่ไม่อยากให้มีใครมาเห็นว่าฉันนั่งอยู่ในห้องทำงานกับคุณสองต่อสองก็แค่นั้นเองนะ” “มีคนเห็นแล้วมันยังไง” “ก็ไม่ยังไงมันก็จะถูกมองไม่ดีไงคะ” “ถ้างั้นก็ไม่ต้องปิด บอกทุกคนไปเลยว่าเธอเป็นแฟนฉันจะได้ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ให้มันน่ารำคาญ” “แฟนปลอม ๆ ค่ะ อย่าลืมคำว่าปลอมด้วย แล้วที่สำคัญไม่ต้องทำขนาดนั้นค่ะไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้” “ถ้าไม่เอาแบบนั้นก็ไม่ต้องหลบให้มันมากมายฉันรำคาญ ถ้ากลัวจะหลบสายตาคนไม่ได้ก็เปิดไปให้มันจบแค่นั้น ไม่ต้องพูดมากนั่งเงียบ ๆ ไปฉันจะทำงาน” “...” ท่าทางอีตานี่จะบ้า ไปหงุดหงิดอะไรมาแล้วเอามาลงที่ฉันเนี่ย! ไม่อยากไปไหนกับเขาเลย ตอนแรกก็คิดนะว่ามันคงอึดอัดแต่พออยู่ในสถานการณ์จริงอึดอัดยิ่งกว่าคำว่าอึดอัดด้วยซ้ำ! -เวลาต่อมา- ฉันออกมาข้างนอกกับเขาแล้วค่ะ เขาเดินไปที่รถด้วยท่าทางสบาย ๆ ส่วนฉันไม่สบายเลยใจโคตรระทึกอย่างกับกำลังเล่นเกม Home Sweet Home! “คุณ คุณว่าเมื่อกี้จะมีใครเห็นเรามาด้วยกันไหมคะ” ฉันถามทันทีที่รถขับออกจากไร่ “มี” เขาตอบแต่สายตามองตรงไปข้างหน้าพร้อมกับขับรถไม่หันมามองฉันแม้แต่นิดเดียว “ฮะ? เห็นเหรอ ไม่จริงหรอกไม่น่าจะเห็นนะเพราะฉันดูต้นทางดีแล้ว” “แล้วจะถามฉันทำไม” “ก็ถามให้คุณช่วยเสริมความมั่นใจไง ตกลงคุณว่าไง คุณว่าจะมีใครเห็นไหม” “มี” “ไม่เอาสิคุณ” “อะไรของเธอ ฉันก็ตอบในมุมของฉันแล้วไง ถ้าเธอไม่อยากได้คำตอบนี้ก็อย่าถามสิวะ” “...” “อะไร? ไม่พอใจอะไรอีก” พอฉันเงียบเอาแต่มองเขาเขาก็คงรู้ตัวเลยหันมามองแล้วถามออกมา “คุณน่ะ...” หมั่นไส้อีตานี่ อยากว่าแต่ไม่รู้ว่าไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา ”อะไร?” “คุณลากฉันมายุ่งกับเรื่องอะไรของคุณก็ไม่รู้ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเลยสักนิดแล้วยังไม่ให้กำลังใจ ไม่ให้กำลังใจแล้วยังจะมาพูดจาไม่ดีใส่ฉันอีก” เขาดุแล้วก็เอาแต่วะ วะ วะ! ใส่ฉันหลายครั้งแล้วนะทั้งที่รู้จักกันได้ไม่กี่วัน “...อ่าส์! แล้วจะให้ทำยังไงก็มีคนเห็นจริง ๆ” เนี่ยอารมณ์เสียใส่ฉันอีกแล้ว แล้วคอยดูนะอีกสักพักเขาจะดุแล้วก็ด่าฉันแน่นอน “ไม่จริงอ่ะ ไม่มีใครเห็น” ฉันพูดออกไปเบา ๆ ด้วยความรู้สึกโคตรเซ็ง ทำไมไม่ได้อย่างใจอะไรสักอย่างเลย ถ้าเลือกทางเดินในตอนนี้ไม่ได้ก็ขอให้มันได้อย่างใจสักอย่างไม่ได้เลยเหรอ “เออ ๆ ไม่มีใครเห็น” “ไม่จริงอ่ะ คุณโกหก” “ฮะ?” เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้าอึ้งส่วนฉันก็เอาแต่หน้าบึ้งใส่เขาต่อ ไม่กลัวเขาดุด่าแล้วตอนนี้ฉันเซ็งเรื่องที่มันไม่ได้อย่างใจเป็นอันดับที่หนึ่งแล้วมันก็สำคัญมากด้วย “คุณโกหก ก็คุณบอกอยู่ว่ามีคนเห็นแล้วจะมาพลิกลิ้นบอกว่าไม่มีคนเห็นได้ยังไง” “อ่าส์! มิ้งค์! เธอรู้ไหมว่าฉันไม่เคยยอมให้ใครเอาแต่ใจกับฉันนอกจากขวัญเอย แต่ตอนนี้เธอกำลังดื้อกับฉันมากกว่าที่ขวัญเอยเคยดื้อใส่อีกนะ เธอแม่งเป็นอะไรนักหนาวะทำไมต้องดื้อกับฉันทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน แล้วฉันแม่งเป็นห่าอะไรทำไมต้องมายอมเธอด้วยวะ!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม