“...กินเล่น ๆ รึเปล่าคะ พี่แทนคุยกับพริ้งตรง ๆ ได้นะพริ้งรับฟังได้ทุกอย่าง” พริ้งพลอยพูดขึ้นแล้วก็มองผมด้วยสายตา...ยั่ว
“พี่เคยกินเล่น ๆ มาเยอะครับพริ้งพลอยเรื่องนี้พี่ไม่ปฏิเสธแต่ไม่ใช่กับมิ้งค์แน่นอน อย่าถามคำนี้อีกนะ ผู้หญิงที่เราถามถึงเขาทำตัวมีค่ามากจนพี่ไม่แม้แต่อยากให้ใครดูถูกเขาด้วยคำพูดหรือความคิดแย่ ๆ”
“...”
“ยังไงพริ้งก็ลองตัดสินใจดูนะว่าจะอยู่บ้านพักหรือว่าโรงแรม ตัดสินใจแล้วก็บอกแม่บ้านได้เลยนะครับแม่บ้านจะเป็นคนจัดการให้เอง พี่ขอตัวทำงานก่อนตอนเย็นมีนัดกับแฟน” ผมโกรธแต่พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ ถ้าไม่ติดว่าพ่อผมกับพ่อเธอทำธุรกิจร่วมกันมานานคงได้ด่าตั้งนานแล้ว
พริ้งพลอยเป็นผู้หญิงที่นอกจากความสวยแล้วก็ไม่มีอะไรให้น่าดึงดูดใจเลยว่ะ ทั้งมารยาทแล้วก็ความคิด แย่ไปหมด
“...พริ้งขอตัวนะคะ” เธอเองก็ไม่พอใจผมรู้ นิสัยที่แสดงออกมาหลายครั้งที่เจอกันทำให้ผมรู้ว่าเธอถูกเลี้ยงมาด้วยการตามใจพอโดนขัดก็มีทางชอบหรอกแต่จะให้ผมปล่อยให้เธอว่ามิ้งค์ต่อไปงั้นเหรอ ไม่มีทาง
ผมไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ทำให้ผมปกป้องเด็กคนนั้นที่รู้จักกันได้แค่ไม่กี่วัน อาจจะเป็นความถูกต้องหรือ...ความถูกใจที่อยู่ลึกในใจของผมก็ได้
อ่าส์! ผมไม่ได้คิดจะเปลี่ยนใจจากขวัญเอยหรอกนะครับแต่เด็กคนนั้นทั้งสวยทั้งมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดให้ต้องสนใจ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนก็ไม่แปลกที่จะมองเธอบ้างตามประสาผู้ชาย แต่จะกินเพื่อนขวัญเอยไหมก็คงไม่ ที่ผ่านมาผมกินเล่นมาบ้างแต่กับเพื่อนของผู้หญิงที่ผมรักคงไม่ดีกว่าไม่อยากให้มีปัญหาตามมาทีหลัง และที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ผมไม่คิดจะยุ่งกับเด็กคนนั้นก็คือความรู้สึกของขวัญเอย
ผมไม่อยากให้เธอรู้สึกแย่กับผมเพราะเรื่องผู้หญิงคนอื่น ถึงกลับมารักเหมือนเดิมไม่ได้ก็ขอเป็นพี่แทนที่เธอยังรักและเคารพตลอดไปก็ยังดี
ส่วนมิ้งค์ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรปนมาด้วยก็ตามแต่ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ผมต้องปกป้องเธอจากผู้หญิงคนอื่นก็คงเป็นเพราะผมดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องผู้หญิงทั้งที่เธอไม่ได้เต็มใจ แล้วแบบนี้จะให้ผมปล่อยให้เธอโดนผู้หญิงคนอื่นรังแกก็คงเป็นไปไม่ได้ถูกต้องไหมครับ
#TANKUN END
#MING TALK
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
…090-999-09XX
เบอร์ใครนะโคตรสวยเลย เบอร์สวยจนไม่กล้าจะกดรับเพราะกลัวคนโทรจะแค่โทรผิด มันเสียเวลาค่ะ แหะ ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องกดรับใช่ไหมล่ะคะ
ติ๊ด!
“ฮัลโหล”
(อยู่ไหน?)
“อยู่...ใครคะ?” กำลังจะตอบว่าอยู่ที่ไหนแต่ลืมไปว่ายังไม่รู้เลยว่าใครโทรมา -_-!
(แฟนเธอ)
“โทษนะคะไม่มีแฟนค่ะ โทรผิดรึเปล่าคะ” ผู้ชายคนนี้โทรผิดมั้งคะ แต่ทำไมเสียงนี้เหมือนเคยได้ยินที่ไหนสักที่เลยนะ คุ้น ๆ แต่คิดไม่ออกเหมือนติดอยู่ที่ปาก
(อยู่ที่ไหน เลิกงานแล้วมาหาฉันที่ห้องทันที)
“คะ? คุณแทนคุณเหรอ?”
(อืม จะใครล่ะ) เขาทำเสียงเหมือนรำคาญที่ฉันไม่รู้สักทีว่าคุยอยู่กับใคร ก็ใครจะรู้ล่ะ แต่เดี๋ยวนะก่อนหน้านี้เขาบอกฉันว่ายังไงนะ
...แฟนเธอ
แฟนเธอเลยเหรอ?
อี๋~ ขนลุก!
“มีอะไรคะ” ขนลุกรับไม่ได้แค่ไหนก็ต้องถามใช่ไหมล่ะคะว่าจะให้ไปหาทำไม
(จะพาไปดินเนอร์)
“ฮะ?”
(ตามนั้นแหละจะทำเสียงงงอะไรนักหนา)
“จะไม่งงได้ไงล่ะคุณก็คุณบอกว่าดินเนอร์”
(แล้วไง คำว่าดินเนอร์มันต้องอธิบายอะไรอีก)
“ต้องอธิบายสิคะก็ฉันกับคุณไม่จำเป็นต้องไปดินเนอร์กันสักนิด”
(จำเป็นเพราะฉันบอกพริ้งพลอยไปแล้วว่าเย็นนี้จะพาเธอไปดินเนอร์เพราะฉะนั้นเธอต้องไปกับฉัน) อ่อ เข้าใจแล้ว ไอ้ฉันก็อุตส่าห์ตกใจกลัวคิดว่าเขาจะพิศวาสอะไรฉันขึ้นมาแล้วเล่นนอกบทซะอีก โล่งอกไปที โล่งอกจริง ๆ นะ โคตรโล่งเลยที่คนหล่อมาก รวยมาก โปรไฟล์ดีมากอย่างเขาไม่ได้พิศวาสฉัน!
“แล้วเอยล่ะคะ บอกยัยเอยรึยัง”
(ไม่ต้องชวนเอยหรอก ไปแค่สองคนนี่ล่ะ)
“ได้ไง ฉันไม่ไปกับคุณสองคนหรอกนะคะ”
(ฉันก็ไม่ได้อยากไปกับเธอหรอกน่าแต่มันจำเป็น)
“เหอะ!” รู้สึกเสียหน้ายังไงก็ไม่รู้นะยัยมิ้งค์
(ตกลงตามนี้นะ ก็อยากชวนเอยเหมือนกันแต่รู้ว่าถ้าไปก็คงไปนั่งปั้นหน้ามีความสุข ไม่อยากให้เอยฝืนใจ ไม่สังเกตเหรว่าเวลาเพื่อนเธอฝืนยิ้มเขาดูเหนื่อย ๆ สู้ปล่อยให้อยู่กับตัวเองดีกว่า ร้องไห้ยังได้ระบายความเจ็บปวดแต่ไปปั้นหน้าว่ามีความสุขทั้งที่กำลังทุกข์มันยิ่งอึดอัด) อีตานี่ไม่สนเลยจริง ๆ ว่าเด็กฝึกงานอย่างฉันจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ คิดแต่เรื่องตัวเองเห็นแก่ตัวที่สุดเลย! แต่ก็ยังดีนะคะที่ห่วงน้องสาวตัวเองมาก ๆ เพราะฉะนั้นฉันยอมมองผ่านก็ได้เพราะฉันก็ห่วงเพื่อนรักของตัวเองเหมือนกัน
“ไม่ไปได้ไหมล่ะคะ”
(ไม่ได้) โอเครู้เรื่อง ก็ลองถามไปงั้นแหละ รู้อยู่หรอกว่าคำตอบจะเป็นยังไง
“ไปนานไหมคะ”
(ไม่นาน)
“โอเคค่ะ เลี้ยงข้าวด้วยแล้วกัน”
(อืม เดี๋ยวพาไปกินอะไรอร่อย ๆ แล้วจะพากลับไม่นานหรอก)
“ค่ะ”
ติ๊ด!
“เอาแต่สั่ง ชิส์!” ขอบ่นใส่หน้าจอโทรศัพท์หน่อยเถอะ
นี่มิ้งค์ต้องไปข้างนอกกับอีตานั่นสองต่อสองเหรอ อีตาพี่ชายเพื่อนรักที่เป็นเจ้าของไร่ที่หล่อ ๆ คนนั้นนั่นน่ะนะ?
แค่คิดก็อึดอัดล่วงหน้าแล้วล่ะ หล่อแค่ไหนแต่ถ้าไม่ชอบก็คือไม่ชอบอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ทั้งเขาที่ไม่ชอบฉันแล้วก็ฉันที่ไม่ประทับใจเขา เฮ้อ!
ความหน้าตาดีมาก ๆ ของฉันกับเขาไม่ได้เป็นเคมีที่ดึงดูดเราสองคนเข้าหากันเลยนะคะ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นอย่างเรื่องนี้เกิดขึ้นฉันว่าเราก็คงจะคุยกันอาทิตย์ละคำเท่านั้นล่ะซึ่งแน่นอนว่ามิ้งค์อยากได้แบบนั้นมากกว่าล้านเปอร์เซ็นส์
-เวลาต่อมา-
“มาทำอะไรที่นี่” เสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจดังออกมาระหว่างที่ฉันกำลังยกมือขึ้นจะเคาะประตูและมันก็ทำให้มือฉันชะงักค้างกลางอากาศ
“มาพบคุณแทนคุณค่ะ”
“เพราะ?” ไม่พอใจสินะที่เห็นเด็กสาวสวย ๆ ใส ๆ อย่างมิ้งค์จะเข้าไปหาเจ้านายของตัวเอง เจ้านายที่มากกว่าเจ้านาย แต่จะกลัวทำไมยัยพริ้งพลอยที่สวยเหมือนกันเด็กเหมือนกันแถมรวยด้วยเขายังไม่เอาแล้วเขาจะมาสนใจอะไรฉันที่มีความสวยเท่าผืนฟ้าแต่ความรวยเท่าที่นาผืนน้อย -_-
“เพราะคุณแทนคุณเรียกค่ะ ขอตัวนะคะคุณผู้จัดการ” ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำกับยัยเจ้มิลินให้มากมาย น่าเบื่อ พูดจบก็ผลักประตูเข้าไปเลยไม่คงไม่เคาะมันแล้ว
“อย่าคิดว่าเป็นเพื่อนคุณเอยแล้วฉันจะไม่กล้า” ยัยเจ้นี่ทำงานเป็นถึงผู้จัดการได้ยังไงนะในเมื่อการจัดการเรื่องผู้ชายของตัวเองยังทำไม่ได้เลย จากที่ไม่คิดจะสนใจฉันที่ผลักประตูจนมันอ้าไปครึ่งบานแล้วก็หันกลับไปมองยัยคนสวยแล้วเลือกทิ้งระเบิดสักลูกเอาไว้ให้ยัยนี่แสบที่ใจเล่น ๆ
“บางทีที่คิดว่าคุณจะไม่กล้าอาจจะเป็นเพราะ...ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนของเอยก็ได้นะคะ” ฉันตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานแล้วเดินเข้าไปทันที รู้ดีว่ายัยผู้จัดการคนนี้ไม่มีปัญญาทำอะไรได้หรอก อย่างน้อย ๆ ก็ตรงนี้เวลานี้นั่นล่ะ
“คุยกับใคร?” เขาน่าจะมองฉันตั้งแต่ถือวิสาสะแถมยังเสียมารยาทเปิดประตูห้องทำงานโดยที่ไม่เคาะแล้วล่ะค่ะพอฉันเดินเข้าห้องเลยถามทันที
“ผู้หญิงของคุณค่ะ” ฉันตอบพร้อมกับกรอกตามองบนด้วยความลืมตัว
“คนไหนล่ะ” อีตานี่ไม่ตื่นเต้นกับคำตอบแล้วยังจะถามกวนประสาทกลับมาอีก!
“มีเยอะเหรอคะถึงต้องถาม”
“ก็...เยอะมั้ง”
“ชิส์!” จะเยอะไม่เยอะก็เรื่องของเขาเถอะไม่เกี่ยวกับฉัน ที่จิ๊ปากก็แค่หมั่นไส้ที่เขากวนประสาทฉันเฉย ๆ
“ตกลงว่าใคร”
“จะใครล่ะคะถ้าไม่ใช่เจ้ เอ๊ย! คุณมิลิน”
“เขาว่าอะไร?” หน้าเขาดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีแต่ไม่เยอะนะแค่นิดหน่อยให้พอสัมผัสได้แบบนิด ๆ หน่อย ๆ เล็กน้อยจนบางเบาเท่ารอยเท้ามดตะนอยก็เท่านั้น
“ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ แค่ถามเฉย ๆ ว่ามาทำอะไร” ไม่อยากฟ้องค่ะ เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมากอีกอย่างฉันทิ้งระเบิดให้แสบในใจไปแล้ว เอาไว้รังแกฉันแบบเล่นใหญ่เมื่อไหร่เมื่อนั้นก็ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะคนอย่างมิ้งค์ฟ้องชัวร์ไม่ปล่อยให้หมองมัวใจตัวเองแน่นอน
“แน่นะ?”
“ค่ะ”
“อืม แต่ถ้ามีคำพูดไหนที่มากกว่าถามดี ๆ ก็บอกแล้วกัน”
“ค่ะ ว่าแต่จะไปตอนไหนคะ ออกไปพร้อมกันตอนนี้เลยเหรอเดี๋ยวคนอื่นเห็นนะ”
“กลัวคนเห็นว่าออกไปข้างนอกกับฉัน?”
“ค่ะ”
“อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงพนักงานก็จะกลับกันแทบทั้งหมด เธอคิดว่าจะมีใครอยากนั่งทำงานต่อมากรึไงไม่ต้องกลัวให้มากไม่มีใครเห็นหรอก” ก็แค่ถามแล้วจะทำท่าทางไม่พอใจใส่ทำไมเนี่ย?
“ถ้างั้นทำไมไม่ให้กลับไปรอที่บ้านล่ะคะอีกตั้งครึ่งชั่วโมงจะให้มารอที่นี่ทำไม” ถ้าจะอีกตั้งครึ่งชั่วโมงก็น่าจะเจอกันที่บ้านนะเพราะให้มาอยู่ในห้องทำงานของเขาแบบนี้ฉันอึดอัด ตอนเดินมาก็กลัวคนที่นี่เข้าใจผิดแทบแย่
“ถ้าจะให้รอที่บ้านแล้วจะสั่งให้มาหาทำไม นั่งรอไปอย่าพูดมากฉันจะรีบทำงาน”
“อะไรเนี่ย? แล้วฉันผิดอะไรคุณถึงต้องมาอารมณ์เสียใส่ก็แค่ไม่อยากให้มีใครมาเห็นว่าฉันนั่งอยู่ในห้องทำงานกับคุณสองต่อสองก็แค่นั้นเองนะ”
“มีคนเห็นแล้วมันยังไง”
“ก็ไม่ยังไงมันก็จะถูกมองไม่ดีไงคะ”
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องปิด บอกทุกคนไปเลยว่าเธอเป็นแฟนฉันจะได้ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ให้มันน่ารำคาญ”
“แฟนปลอม ๆ ค่ะ อย่าลืมคำว่าปลอมด้วย แล้วที่สำคัญไม่ต้องทำขนาดนั้นค่ะไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้”
“ถ้าไม่เอาแบบนั้นก็ไม่ต้องหลบให้มันมากมายฉันรำคาญ ถ้ากลัวจะหลบสายตาคนไม่ได้ก็เปิดไปให้มันจบแค่นั้น ไม่ต้องพูดมากนั่งเงียบ ๆ ไปฉันจะทำงาน”
“...” ท่าทางอีตานี่จะบ้า ไปหงุดหงิดอะไรมาแล้วเอามาลงที่ฉันเนี่ย!
ไม่อยากไปไหนกับเขาเลย ตอนแรกก็คิดนะว่ามันคงอึดอัดแต่พออยู่ในสถานการณ์จริงอึดอัดยิ่งกว่าคำว่าอึดอัดด้วยซ้ำ!
-เวลาต่อมา-
ฉันออกมาข้างนอกกับเขาแล้วค่ะ เขาเดินไปที่รถด้วยท่าทางสบาย ๆ ส่วนฉันไม่สบายเลยใจโคตรระทึกอย่างกับกำลังเล่นเกม Home Sweet Home!
“คุณ คุณว่าเมื่อกี้จะมีใครเห็นเรามาด้วยกันไหมคะ” ฉันถามทันทีที่รถขับออกจากไร่
“มี” เขาตอบแต่สายตามองตรงไปข้างหน้าพร้อมกับขับรถไม่หันมามองฉันแม้แต่นิดเดียว
“ฮะ? เห็นเหรอ ไม่จริงหรอกไม่น่าจะเห็นนะเพราะฉันดูต้นทางดีแล้ว”
“แล้วจะถามฉันทำไม”
“ก็ถามให้คุณช่วยเสริมความมั่นใจไง ตกลงคุณว่าไง คุณว่าจะมีใครเห็นไหม”
“มี”
“ไม่เอาสิคุณ”
“อะไรของเธอ ฉันก็ตอบในมุมของฉันแล้วไง ถ้าเธอไม่อยากได้คำตอบนี้ก็อย่าถามสิวะ”
“...”
“อะไร? ไม่พอใจอะไรอีก” พอฉันเงียบเอาแต่มองเขาเขาก็คงรู้ตัวเลยหันมามองแล้วถามออกมา
“คุณน่ะ...” หมั่นไส้อีตานี่ อยากว่าแต่ไม่รู้ว่าไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา
”อะไร?”
“คุณลากฉันมายุ่งกับเรื่องอะไรของคุณก็ไม่รู้ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเลยสักนิดแล้วยังไม่ให้กำลังใจ ไม่ให้กำลังใจแล้วยังจะมาพูดจาไม่ดีใส่ฉันอีก” เขาดุแล้วก็เอาแต่วะ วะ วะ! ใส่ฉันหลายครั้งแล้วนะทั้งที่รู้จักกันได้ไม่กี่วัน
“...อ่าส์! แล้วจะให้ทำยังไงก็มีคนเห็นจริง ๆ” เนี่ยอารมณ์เสียใส่ฉันอีกแล้ว แล้วคอยดูนะอีกสักพักเขาจะดุแล้วก็ด่าฉันแน่นอน
“ไม่จริงอ่ะ ไม่มีใครเห็น” ฉันพูดออกไปเบา ๆ ด้วยความรู้สึกโคตรเซ็ง ทำไมไม่ได้อย่างใจอะไรสักอย่างเลย ถ้าเลือกทางเดินในตอนนี้ไม่ได้ก็ขอให้มันได้อย่างใจสักอย่างไม่ได้เลยเหรอ
“เออ ๆ ไม่มีใครเห็น”
“ไม่จริงอ่ะ คุณโกหก”
“ฮะ?” เขาหันมามองฉันด้วยสีหน้าอึ้งส่วนฉันก็เอาแต่หน้าบึ้งใส่เขาต่อ ไม่กลัวเขาดุด่าแล้วตอนนี้ฉันเซ็งเรื่องที่มันไม่ได้อย่างใจเป็นอันดับที่หนึ่งแล้วมันก็สำคัญมากด้วย
“คุณโกหก ก็คุณบอกอยู่ว่ามีคนเห็นแล้วจะมาพลิกลิ้นบอกว่าไม่มีคนเห็นได้ยังไง”
“อ่าส์! มิ้งค์! เธอรู้ไหมว่าฉันไม่เคยยอมให้ใครเอาแต่ใจกับฉันนอกจากขวัญเอย แต่ตอนนี้เธอกำลังดื้อกับฉันมากกว่าที่ขวัญเอยเคยดื้อใส่อีกนะ เธอแม่งเป็นอะไรนักหนาวะทำไมต้องดื้อกับฉันทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน แล้วฉันแม่งเป็นห่าอะไรทำไมต้องมายอมเธอด้วยวะ!”