เม็ดทรายนิ่งอึ้งไปหลายนาทีกับคำกล่าวนั้นของเจ้านาย เธอยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วเบาๆ
“ท่าน..มีอะไรจะคุยกับทรายงั้นเหรอคะ พอดีว่านี่มันดึกมากแล้ว และทรายคิดว่าตัวเองสมควรจะกลับบ้านค่ะ”
ขุนเขารินเหล้าใส่แก้วอีกครั้ง เขายังคงวางแก้วเอาไว้เบื้องหน้าของเม็ดทรายเหมือนเดิม พร้อมกับส่งยิ้มที่ฉีกกว้างจนสามารถมองเห็นฟัน
“ผมแค่อยากมีเพื่อนคุยอีกทั้ง..คุณเห็นบางอย่างที่มันไม่สมควรเห็นไปแล้ว ผมคิดว่าตัวเองไม่ปลอดภัย เพราะว่าคุณอาจจะเอาเรื่องของผมไปป่าวประกาศให้ทุกคนล่วงรู้”
จะบ้าตาย นี่เขาคิดว่าหากเธอเอาเรื่องที่เขากำลังช่วยตัวเองไปบอกกับคนอื่น จะมีใครเชื่อเธองั้นเหรอ..ภาพลักษณ์ของท่านประธานคือความสมบูรณ์แบบ เขาคือเจ้านายที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมและสิ่งที่เขาเกลียดชังที่สุดมันคือความผิดพลาด เธอเองก็ไม่อยากจะมาเห็นความผิดพลาดที่ว่านั่นของเขาเหมือนกัน
เม็ดทรายถอนหายใจด้วยความจนปัญญา
“ท่านต้องการให้ทรายทำอะไรคะ ท่านถึงจะเชื่อใจว่าทรายจะไม่เอาเรื่องของท่านไปบอกกับคนอื่น”
ริมฝีปากของขุนเขาแสยะยิ้มออกมา จริงอยู่ที่เรื่องทั้งหมดมันเกิดมาจากตัวเขา แต่ทว่าในวันนี้เขาไม่อยากเป็นคนยอมเลย เขาอยากจะ..ทำอะไรสักอย่างที่สามารถผูกมัดเม็ดทรายเอาไว้ด้วยข้อตกลงของเรา
“ถามตรงๆ แบบนี้ผมเองก็จะตอบตรงๆ เหมือนกัน เม็ดทรายคุณเห็นอะไรล่ะ คุณเห็นว่าผมกำลังเล่นสนุกอยู่กับตัวเองไม่ใช่เหรอเพราะอย่างนั้น..คุณก็ทำเรื่องแบบเดียวกันกับที่ผมทำกับคุณสิครับ ไม่เห็นจะยากอะไรเลย”
นี่เขา..เสียสติไปแล้วรึไง? อยู่ๆ จะให้เธอทำ..เรื่องแบบนั้นต่อหน้าเขาเนี่ยนะ
“ทรายทำแบบนั้นไม่ได้หรอกคะ”
“ทำไม? ทีตอนที่ผมทำคุณยังจ้องตาไม่กะพริบเลย ทีแบบนี้จะมาเอาเปรียบกันงั้นเหรอ”
เธอไม่ได้อยากจะเอาเปรียบเขา แน่นอนหากเป็นเรื่องอื่นเม็ดทรายยินดีทำตามคำสั่งของท่านประธานด้วยความเต็มใจ แต่เรื่องนี้เธอทำไม่ได้
เพราะว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลยยังไงล่ะ ไม่ว่าจะพยายามสัมผัสตัวเองสักเท่าไหร่มันไม่ได้มีความรู้สึก เหมือนในหนังอย่างว่าที่เธอพยายามดูเลย
เม็ดทรายยกแก้วเหล้าที่เขาเทเอาไว้จนเกือบเต็มแก้วขึ้นมาดื่มครั้งเดียวจนหมด เธอมองใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของท่านประธานด้วยขอบตาที่ร้าวผ่าว
“ที่ทรายทำแบบนั้นไม่ได้เพราะว่า..มันไม่มีความรู้สึก..”
เธอกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา และด้วยท่าทางอึดอัดของเม็ดทราย ขุนเขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาเธอ เขานั่งลงข้างๆ เธอพร้อมกับจับที่ปลายคางมนเพื่อให้เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา
“ว่าไงนะ ไม่มีความรู้สึกเรื่องอะไรกัน พูดให้ชัดๆ หน่อยสิ”
เม็ดทรายรู้สึกลำบากใจในคำถามของเขา เพราะเธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาแบบไหนดี และในระหว่างที่เธอกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นเขาก็ส่งแก้วเหล้าของเขามาให้เธอ
“ดื่มนี่..น่าจะช่วยให้พูดเรื่องที่อยู่ในใจออกมาง่ายหน่อยไหม?”
เม็ดทรายจ้องมองแก้วเหล้าในมือของเขาอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็จับแก้วเหล้าในมือของเขากรอกใส่ปากตัวเอง
รสชาติขมปร่าของเหล้าที่ไหลลงไปตามคอมันทิ้งรสร้อนเอาไว้อย่างชัดเจน
ขุนเขาส่งแก้วน้ำเปล่าให้เธอ แต่ทว่าเม็ดทรายไม่ได้รับไปดื่ม เขาก้มมองหน้าของเธอซึ่งกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างด้วยแววตาที่ฉายแววเจ้าเล่ห์
“ว่าไงเม็ดทราย อยากจะเล่าเรื่องของตัวเองบ้างรึยัง”
สิ้นคำถามของเขาจู่ๆ เม็ดทรายก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ขุนเขาตกใจมากพอสมควรที่เห็นเธอร้องไห้ออกมาเช่นนั้น เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไร จึงอุ้มเธอขึ้นมาวางเอาไว้บนตักแล้วกอดปลอบเธอเบาๆ
“ไม่เป็นไร หากว่าคุณยังไม่อยากจะเล่า..”
“ทรายจะเล่าค่ะ ทรายอึดอัดใจกับเรื่องนี้มานานมากพอสมควรแล้ว ทรายเคยมีแฟนค่ะ ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย เราคบกันหกเดือนหลังจากนั้นเขาก็..ขอไปค้างที่ห้องของทราย ท่านประธานรู้ใช่ไหมคะว่าเรื่องราวหลังจากนั้นมันจะต้องเป็นแบบไหน เพียงแต่หลังจากวันนั้นเขาบอกเลิกกับทรายเพราะว่า..ทรายไม่รู้สึกอะไรเลยในตอนที่เรากำลังทำเรื่องแบบนั้นกัน”
ดวงตาของขุนเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเม็ดทรายจะมีเรื่องที่ทำให้เธอต้องทุกข์ใจมากมายขนาดนี้ นี่คงจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่มีแฟนสินะ
“อ่า..หมอนั่นมันอาจจะลีลาห่วยแตก อย่าด่วนตัดสินสิ”
เขาใช่ปลายนิ้วเช็ดลงไปบนใบหน้าของเธอด้วยความแผ่วเบา
“ตอนแรกทรายก็คิดแบบนั้น จนทรายมีแฟนใหม่อีกคน และสาเหตุที่เขาเลิกกับทรายก็เหมือนเดิมเลยค่ะ เพราะว่าทรายตายด้าน”
ให้ตายเถอะ เธอกำลังพูดเรื่องความลับของตัวเองออกไปแบบหยุดไม่ได้เลย มันอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังมึนเมาจนคงสติเอาไว้ไม่อยู่ แต่ทว่าลึกๆ ในใจของเม็ดทรายเธอรู้ว่าตัวเองยังไม่ได้เมาขนาดที่จะไม่รู้สึกตัว แต่ที่เธอพูดออกมาแบบนั้นเพราะว่า..ในชีวิตนี้พึ่งจะมีคนถามแบบนี้กับเธอเป็นครั้งแรก เธอไม่กล้าพูดคุยเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าอายเกินกว่าที่จะพูดออกมาตรงๆ ได้
เม็ดทรายก้มหน้าลงซบบนไหล่กว้างของเขา ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ในเมื่อเธอเมาแล้วก็ขอซบไหล่ของท่านประธานหน่อยเถอะ เพราะหากว่าเธอสติครบถ้วนเธอคงจะไม่มีวันกล้าทำแบบนี้แน่ๆ
“ทุกคนต่างก็มีเรื่องทุกข์ใจที่บอกใครไม่ได้สินะ ผมเองก็มีเรื่องที่บอกใครไม่ได้อยู่เหมือนกัน”
เมื่อเขากล่าวจบเขาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม และเมื่อเขาวางแก้วที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะ เม็ดทรายก็สัมผัสได้ถึงส่วนนั้นของเขาที่มันตื่นตัวขั้นมาได้อย่างชัดเจนเพราะว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนตักของเขา
“ผมเป็นพวกที่เมาแล้วจะตื่นตัวง่ายมากๆ ในหนึ่งวันจะต้องเล่นกับตัวเองอย่างน้อยสองครั้ง และอย่างที่คุณรู้ เพราะอยู่ในตำแหน่งประธานผมต้องออกงานเลี้ยงแทบทุกสัปดาห์ ในช่วงเวลาที่พูดคุยเรื่องงานก็จะต้องดื่มกับเป็นเรื่องธรรมดา แฟนคนแรกเลิกกับผม พร้อมกับตราหน้าว่าผมเป็นพวกหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากเกินไป ส่วนผู้หญิงคนล่าสุดที่ผมคบเป็นแฟน เธอเลิกกับผมแล้วไปแต่งงานกับเพื่อนสนิทพร้อมทั้ง..ป่าวประกาศเรื่องเจ้านี่ของผมที่มันแทบจะตื่นตัวทุกเวลา พวกนั้นพูดคุยกันราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก จนผมต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยในการปิดข่าวเรื่องนี้เพื่อภาพลักษณ์ของบริษัท..”
เม็ดทรายตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะเมื่อเธอได้ยินคำกล่าวที่เขาพูดออกมา ทำไมเรื่องของเขามันถึงได้ดูร้ายแรงมากกว่าเธอหลายเท่าทีเดียว
“ว่าแต่..คุณไม่ได้ยินเสียงกระซิบของโชคชะตางั้นเหรอครับ การที่เรามาพบเจอกันและพูดคุยเรื่องความลับของกันและกันแบบนี้ มันเหมือนกับว่าเราจะสามารถช่วยเหลือกันได้เลย”