ตอนที่ 12
ในความมืดยังพอมีแสงสลัวของดวงจันทร์ที่ สาดเข้ามาจาง ๆ ทะลุเข้ามาทางหน้าต่าง ที่นอนญี่ปุ่นนี่ก็ไม่เลวเลยสำหรับที่จะแสดงความรักต่อกัน
เอกดนัยลูบไล้ฝ่ามือไปตามไหล่ของหลานสาว ก่อนจะเลยขึ้นไปถึงทรวงอกเต่งตึง เขาคิดเสมอว่านันท์นภัสมีหน้าอกที่ใหญ่เกินตัว แต่เมื่อได้สัมผัสจริง ๆ แล้วกับรู้สึกว่ามันใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้ตั้งมากมาย ผู้เป็นอาสัมผัสความงามนี้ด้วยมือก่อนจะค่อย ๆ ใช้ริมฝีปากหยักได้รูป ทำให้หลานสาวคนสวยเคลิบเคลิ้มกระสันด้วยความรัญจวน ชุดนอนสีชมพูอ่อนเริ่มเป็นสิ่งกีดขวางเมื่อหลานสาวโอบวงแขนของเธอขึ้นกอดคอของผู้เป็นอา
“เป็นของอานะ เนเน่จ๋า” เขากระซิบ หล่อนขยับยกตัวให้เขาดึงเสื้อออกไปทางศีรษะ ก่อนจะรีบขยับกายหนาเข้าแนบชิดและก่ายขาขึ้นซ้อนทับขาเรียวของเธอ เด็กสาวเต็มใจไม่ได้ดิ้นหนี แขนที่ตกไปตอนถอดเสื้อกลับมาโอบคอเขาไว้อีกอย่างกระชับชิด
นันท์นภัสหายใจแรงๆ หลายครั้งติด เนื้อตัวสั่นสะท้านด้วยอารมณ์ปรารถนา ผิวเนื้อของหล่อนนุ่มเนียนราวกับผ้าแพรเนื้อดีอยู่ใต้ท่อนขาแข็งแรงของเขา ผู้เป็นอาคิดในใจว่า หลานสาวอาจจะยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครมาก่อน จนไม่รู้จะตอบสนองความรักจากเขาได้อย่างไร จึงจำเป็นต้องถามให้แน่ชัด
“เนเน่ อยากมีอะไรกับอามั้ย”
“ค่ะ”
“แล้วเคยมาบ้างหรือยัง”
“ยังค่ะ อาเอกช่วยสอนให้เนเน่ด้วยนะคะ”
“ได้สิครับ..คนดี”
ทุกครั้งที่เขานอนกับหลานสาวก็มักจะคอยระวังเรื่องนี้อยู่เสมอ ถึงแม้จะนอนด้วยกัน แต่เขาก็สามารถหักห้ามใจมาได้ทุกครั้ง นันท์นภัสตกอกตกใจกับครั้งแรกที่ถูกคุณอาเล้าโลม ก่อนจะค่อย ๆ คุ้น ขึ้นมาบ้าง พอทำท่าจะดีก็เกิดอะไรบางอย่างมาทำให้หล่อนไม่อยากตอบสนองเขาเลย เพราะตั้งแต่ที่ไปดูหนังและถูกเลขาฯ ของเขามาเป็นมารผจญในวันนั้นหล่อนก็เฉยเมยเย็นชาใส่เขามาเกือบอาทิตย์ เพิ่งจะค่อย ๆ กระตือรือร้นและหันเข้าหาเขาก็คืนนี้เอง เพราะเป็นโอกาสเหมาะที่ได้จากบ้านมาอยู่ด้วยกันสองคน แถมได้พักอยู่ในโรงแรมในโรงแรมที่สุดแสนจะโรแมนติก
เขาเล้าโลมหลานสาวอยู่นานเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ไฟตัณหาให้เธอ จนเมื่อถึงคราวที่จะเข้าประชิด เขาก็เริ่มจากช้า ๆ ไปก่อน
เอกดนัยรับรู้ว่าหลานสาวเบียดสะโพกตามประชิดเหมือนไม่อยากให้ห่าง เขาจูบหล่อนอย่างเร่าร้อน แตะลิ้นกับลิ้นให้สัมผัสกัน มือเคล้าคลึงไปตามแผ่นหลังและก้น ก่อนจะเลื่อนมาสัมผัสเบา ๆ ยังด้านหน้า เขาซุกซบหน้าลงไปจุมพิตกับเนินอกอวบเต่งตึง ก่อนจะใช้ฟันงับเบา ๆ
เอกดนัยเริ่มรุกประชิดเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ก็ยังขยับเข้าช้า ๆ อย่างเดิม จนรู้สึกว่าหลานสาวตอบสนองเขาเต็มที่แล้ว
“อาเอกขา... อาเอก...อื้อ” เด็กสาวพึมพำคล้ายจะขอร้อง ก่อนจะเหนี่ยวไหล่ของผู้เป็นอา
ผู้เป็นอากอดจูบลูบไล้หลานสาวไปทั่วเรือนร่างไม่วางมือ กระพือไฟพิศวาสให้โหมแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เอกดนัยจูบไล้มาเรื่อย ๆ จากหน้าอกเต่งตึงลงมาถึงต้นขาขาวอวบ เขาจูบเลยไปจนถึงหัวเข่า น่องและปลายเท้า ก่อนจะย้ายไปที่เท้าอีกข้าง และย้อนกลับมาถึงต้นขาก่อนจะจับแยกเรียวขางามทั้งสองข้างออกจากกัน
“อื้อ อาเอาขา” เอกดนัยลูบไล้อย่างหนักหน่วงลงตรงกลางกายของหล่อน ก่อนจะได้ยินเสียงครางกระเส่าของหลานสาว
“อื้อ!!! อาเอกขา เนเน่ อื้อ อื้อยย!! อาเอก” นันท์นภัสร้องเสียงหลงหายใจแรงเหมือนจะขาดใจ ลมหายใจของเธอขาดเป็นห้วง ๆ ผ้าห่มหลุดลุ่ยออกจากที่นอนไปไกลแล้ว มีแต่ฟูตองรองหลัง
เขาเริ่มเล้าโลมปลุกความกระสันของเด็กสาวที่เพิ่งจะเคยลิ้มลองรสสวาทเป็นครั้งแรก แต่คราวนี้เธอเองก็มีอารมณ์เต็มที่จนระงับไม่อยู่ นันท์นภัสกอดคุณอาของเธอเอาไว้แน่น ไม่ยอมให้เขาผละออก นิ้วเรียวงามจิกลงกลางแผ่นหลังของเอกดนัย
ผู้เป็นอาปรนเปรอรสสวาทให้หลานสาวเหมือนกำลังสอนเธอให้เล่นเครื่องดนตรี เรียกเสียงไพเราะไปตามจังหวะแห่งกามรส จากเรือนร่างงามหาที่ติมิได้ของหลานสาว
นันท์นภัสไม่อาจนอนเฉย ๆ ให้คุณอาของเธอเล้าโลมอยู่ฝ่ายเดียวได้ เพราะความเสียวซ่านที่มอบให้นั้นมันเหมือนดังไฟที่โหมกระหน่ำเผาเธออยู่ตลอดเวลา สะโพกอวบกลมกลึง แอ่นลอยไม่ติดพื้น ใบหน้าสวยดิ้นส่ายไปมา เด็กสาวพึมพำเหมือนสะอื้นอยู่กับไหล่ของผู้เป็นอา
“อาเอกขา เนเน่ไม่ไหวแล้ว ช่วยทำรักให้เนเน่ด้วยเถอะค่ะ อาเอก อื้อ!!!..เนเน่ใจจะขาดอยู่แล้ว” ผู้เป็นอาได้ยินเสียงหวานอ้อนวอน ก็รีบกอดกระชับร่างของหลานสาวขึ้นด้วยความยินดี เพราะหลานสาวได้ตอบสนองต่อการปลุกเร้านั้นแล้ว