บทที่ 6

1245 คำ
“ฟารีสต์...พ่อจะไม่คาดคั้นว่าลูกอยากรับตำแหน่งนี้ต่อจากพ่อหรือเปล่า แต่พ่ออยากบอกให้รู้ว่า ตอนที่พ่อต้องก้าวขึ้นบนบัลลังก์อัสดารานส์ต่อจากคุณปู่ของลูก พ่อก็มีความรู้สึกไม่ต่างจากที่ฟารีสต์กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ แต่เมื่อพ่อถูกเลือก ถูกสวรรค์เบื้องบนลิขิตให้ต้องรับหน้าที่นี้ พ่อก็ไม่อาจปฏิเสธมันได้ และพ่อได้สัญญาต่อหน้าราษฎรทั้งแผ่นดินทะเลทรายว่า จะปกครองประเทศและทำให้ราษฎรทุกคนอยู่ร่มเย็นเป็นสุขภายใต้สองมือของพ่อนี้” ชีคฟาซิซต์ได้จับพระหัตถ์ใหญ่ทั้งสองข้างของโอรสมากุมไว้ ก่อนจะตรัสออกมาด้วยความมั่นใจ เรียกพลัง เรียกกำลังใจให้กับว่าที่ชีคพระองค์ใหม่ ที่จะสืบทอดตำแหน่งไปจากพระองค์ “พ่อเชื่อว่าชีคคนใหม่นั้นก็คือฟารีสต์ จะต้องปกครองประเทศได้ดีเช่นเดียวกับพ่อ อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำไป พ่อกับแม่และติย่า รวมทั้งบรรพบุรุษของตระกูลเรา จะคอยเป็นกำลังใจให้ลูก ราษฎรทั่วทั้งแผ่นผืนทะเลทรายจะรักและเคารพท่านชีคพระองค์ใหม่ที่องอาจ ไม่ต่างจากที่เคยเคารพในตัวพ่อ” ผู้เป็นพระมารดาได้ก้าวเท้ามาสวมกอดโอรสไว้ พร้อมกับตรัสให้กำลังใจโอรสบ้าง “แม่เชื่อว่าฟารีสต์ต้องทำได้อย่างแน่นอน และเชื่อว่าอีกไม่นานลูกจะต้องพบกับดอกไม้งามที่คอยอยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจ เติมพลังให้กับฟารีสต์ในวันที่ลูกอ่อนล้า” ผู้ที่ได้รับคำอวยพร ได้รับกำลังใจจากพระบิดาพระมารดา ได้คลี่ยิ้มกว้างกอดเรือนกายอันแสนอบอุ่นของบุพการีทั้งสองพระองค์ไว้ ก่อนจะตรัสให้คำมั่นสัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ก่อนหน้านี้ลูกอาจจะไม่เข้าใจว่าตัวเอง ได้ถูกเลือกให้เกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็นเจ้าผู้ปกครองแผ่นดิน แต่ตอนนี้ลูกรู้แล้วว่าท่านพ่อและท่านแม่ได้เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อลูก เพื่อราษฎรทั่วแผ่นดินทะเลทราย ลูกขอสัญญาว่าจะปก ครองแผ่นดินอัสดารานส์ ให้เจริญรุดหน้าเฉกเช่นเดียวกันกับที่ท่านปู่ ท่านพ่อได้ปกครองมา” “พ่อกับแม่เชื่อว่าลูกต้องทำได้ดีและดีมากๆ ด้วย” ชีคฟาซิซต์ ผู้เป็นพระบิดาได้ย้ำคำอีกครั้ง ทรงภูมิใจในตัวโอรสมาก ซึ่งนอกจากจะชาญฉลาดอย่างหาตัวจับได้ยากแล้ว ยังเป็นอภิชาตบุตร ไม่เคยทำให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอันสูงศักดิ์ และไม่เคยทำให้พระบิดาพระมารดาต้องเสียเลยแม้แต่ครั้งเดียว “ท่านพ่อท่านแม่ เสร็จจากพิธีราชาภิเษกแล้ว ท่านทั้งสองจะไปฮันนีมูนเลยหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ” มกุฎราชกุมารฟารีสต์ถามบุพการีทั้งสองพระองค์ พร้อมกับก้าวเดินตาม เมื่อท่านทั้งสองได้เดินออกจากห้องทรงงานไปยังด้านหน้าตำหนัก “หากไม่ติดปัญหาของชีคอะเดลา รวมทั้งลูกกับติย่าไม่ว่าอะไร พ่อจะเดินทางไปประเทศไทยก่อน จากนั้นค่อยไปประเทศที่อยู่ใกล้เคียง พ่อตั้งใจไว้ว่าจะพาแม่ของลูกไปฮันนีมูนรอบโลก” ผู้เป็นพระบิดาตรัสตอบแทนพระชายา ทรงยังไม่แน่ใจว่าจะทำตามกำหนดการเดิมหรือเปล่า เมื่อมีเรื่องของชีคอะเดลาเข้ามาแทรก ทำให้แผนการของพระองค์มีสะดุดไปบ้าง “ท่านพ่ออย่าเป็นกังวลเรื่องของชีคอะเดลาเลยพ่ะย่ะค่ะ ลูกคิดว่าลูกจัดการเรื่องนี้ได้ และก็ทรงอย่าเป็นห่วงติย่าเลย ลูกจะดูแลยายตัวแสบให้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” ขณะตรัสบอกบุพการีทั้งสองพระองค์ ราชนิกุลหนุ่มก็ลอบอมยิ้มออกมา เมื่อหางตาได้แลเห็นปลายเท้าเล็กของคนยายตัวแสบที่ได้แอบอยู่หลังประตู “ได้ยินแบบนี้แล้วพ่อก็ค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง” ผู้เป็นพระบิดาตรัสออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง พระองค์และพระชายารู้สึกเบาใจ เมื่อโอรสได้รับคำหนักแน่นว่าจะดูแลนางฟ้าองค์แสนสวยของแผ่นดินทะเลทรายให้ดีที่สุด “เดี๋ยวลูกเดินไปส่งท่านพ่อท่านแม่ที่ตำหนักนะพ่ะย่ะค่ะ” มกุฎราชกุมารฟารีสต์ตรัสบอก พร้อมกับทำท่าจะเดินทางบุพการีทั้งสองไป แต่ก็ถูกพระมารดาตรัสห้ามไว้เสียก่อน “ไม่ต้องหรอกฟารีสต์ เดี๋ยวพ่อกับแม่กลับกันเอง ลูกอยู่รับหน้าคนที่แอบอยู่หลังประตูจะดีกว่า” พระชายาปิณฑิราตรัสยิ้มๆ ก่อนจะเดินออกจากตำหนักของโอรสพร้อมกับพระสวามีที่ได้หัวเราะร่วน เมื่อได้ยินเสียงบ่นงึมงำของคนที่แอบฟังอยู่หลังประตูบานใหญ่ “อุตส่าห์แอบอยู่หลังประตูแล้วนะ ยังมองเห็นติย่าอีก” องค์หญิงจอมแก่นแก้วได้พึมพำเสียงแผ่วเบา พร้อมกับตีหน้ามุ่ยอย่างเซ็งๆ เมื่อถูกทุกคนจับได้ “ออกมาจากหลังประตูได้แล้วยายตัวแสบ” ผู้เป็นเชษฐายืนกอดอก ขณะตรัสเรียกขนิษฐาที่พระองค์รัก พยายามกลั้นหัวเราะไว้สุดกำลัง เมื่อได้เห็นสีหน้าของขนิษฐาที่ตีหน้ามุ่ย ราวกับเซ็งจัดที่ใครๆ ก็จับผิดตัวเองได้ตลอด “ท่านพี่...” “ห้ามถาม! ห้ามซัก! ยังไงพี่ก็ไม่บอกแน่นอน ว่าท่านพ่อกับท่านแม่คุยเรื่องอะไรกับพี่” มกุฎราชกุมารฟารีสต์เบรกห้ามทัพ ก่อนที่ขนิษฐาจะทันได้เอ่ยออกมา ทรงรู้ดีว่าขนิษฐาจอมป่วนได้เฝ้ารอพระองค์นานแล้ว และรู้ด้วยว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไปขี่ม้าเล่นอย่างที่ได้เอ่ยบอกในตอนแรก คราวนี้องค์หญิงฟาติย่าตีหน้าหงิกหน้างอกว่าเดิม เมื่อเชษฐาได้รู้เท่าทันตนเองไปเสียทุกอย่าง ขนาดแค่อ้าปากกำลังจะเอ่ยถามก็ถูกดักคอไว้แทบจะทันที “ท่านพี่ บอกน้องสักนิดไม่ได้หรือเพคะ” องค์หญิงแสนสวยได้อ้อนวอนเชษฐาผู้หล่อเหลา พอเชษฐาเดินไปยังคอกม้าที่อยู่ห่างไปราวๆ 1 กิโลเมตร ก็คอยดักหน้าดักหลัง ยื้อยึดฉุดแขนเชษฐาให้หยุดเดิน แล้วเอ่ยบอกในสิ่งที่ตนเองนั้นอยากรู้ใจจะขาด “ท่านพี่สุดหล่อของน้อง บอกสักนิดนะ รับรองว่าน้องจะทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่วิจารณ์ ไม่โต้แย้ง ไม่ออกความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น” ขณะขอร้องเสียงออดอ้อน องค์หญิงฟาติย่าก็คลี่ยิ้มหวานหยดย้อย ทำตาปริบๆ ให้ดูน่าสงสารและน่าเห็นใจเป็นที่สุด มกุฎราชกุมารฟารีสต์ทรงหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่เคยเชื่อสักทีว่าขนิษฐาจะทำได้ตามที่เอ่ยสัญญาออกมา เพราะฟาติย่าเป็นคนที่ใจร้อน โมโหเดือดได้เร็วกว่าพระองค์หลายสิบเท่านัก และถ้าหากรู้ว่าคนที่ไม่ชอบหน้าอย่างองค์หญิงอลีมา ได้เสนอตัวมาเป็นพี่สะใภ้ของตน คงได้ร้องกรี๊ดลั่นทะเลทรายเป็นแน่ “พี่คิดว่าติย่าอย่ารู้เลยดีกว่า เรื่องที่ท่านพ่อท่านแม่ได้เอ่ยบอกพี่ มันไม่น่าฟัง ไม่สุนทรีย์สักเท่าไรหรอก” ราชนิกุลหนุ่มผู้หล่อเหล่าตรัสค้านยิ้มๆ พอเดินไปถึงคอกม้าขนาดใหญ่ ซึ่งมีพ่อม้าแม่ม้าพันธุ์เลิศ ฝีเท้าจัดจ้าน ที่ได้ทรงเลี้ยงไว้ราวๆ สามสิบตัว ก็ได้ชี้นิ้วไปยังเจ้าเพกาซัส พ่อม้าฝีเท้าจัดพันธุ์มอร์แกน แล้วเอ่ยสั่งให้องครักษ์อัสรัสส์ได้เตรียมม้าให้พระองค์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม