“เกิดอะไรขึ้นจันทร์” นาราภัทรตะโกนมาก่อนที่ตัวมาวิ่งมาถึงตัวของเพื่อนรักเสียอีก หญิงสาววิ่งมาหยุดอยู่ด้านหลังของร่างเล็ก แล้วกวาดสายตาไปรอบๆ ที่ปลายตะวันยืนอยู่ แต่เธอก็ไม่พบความผิดปกติอะไรเลย
ปลายตะวันยังกรี๊ดกราดจ้องมองดอกกุหลาบพันธุ์เบบี้ หญิงสาวไม่ได้สนใจสิ่งที่เพื่อนรักถามด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้เธอกำลังตื่นเต้น ดีใจจนพูดไม่ออกกับสิ่งที่อดีตคนรักทำให้ ตั้งแต่โรงเรือนที่หนึ่งจนถึงโรงเรือนที่เจ็ด ตอนนี้เธอกำลังใจอึ้ง ตกใจ ตื่นเต้น จนไม่รู้จะทำยังไงให้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในหัวใจมันจางหาย
“ไอ้จันทร์” นาราภัทรเรียกปลายตะวัน แต่ดูเอาเถอะยัยเพื่อนตัวเล็กของเธอยังยืนเฉย จ้องมองกุหลาบอยู่อย่างนั้นไม่ได้สนใจเธอเลย แบบนี้มันต้อง “ไอ้จันทร์โว้ย” เสียงตะโกนเรียกครั้งนี้ทำให้ปลายตะวันถึงกับสะดุ้ง ละสายตาจากแปลงกุหลาบ แล้วหันมามองเจ้าของเสียงแหลมด้วยรอยยิ้มหวาน
‘โอ๊ย...อยากจะบ้าตาย นี่ฉันทำอะไรไปลงเนี่ย’ ปลายตะวันอับอายจนหน้าแดงกล่ำกับพฤติกรรมของตัวเอง
“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของนาราภัทรทำให้ปลายตะวันถึงกับชะงัก ใบหน้าหวานแดงระเรื่อทีเดียว เมื่อรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป สายตาคู่สวยกวาดสายตาไปมองบรรดาคนงานด้วยรอยยิ้มแหยๆ ทีเดียว แต่เมื่อเห็นอาการของบรรดาคนงาน ปลายตะวันก็ยิ่งรู้สึกอับอายไม่น้อย ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรลงไปบ้างเมื่อกี้
“เป็นบ้าอะไรของแกฮะ ร้องกรี๊ดกราด โวยวายเสียงดังลั่น แกดูสิ คนงานถึงกับอึ้ง ทำอะไรไม่ถูกเลย ว่าไง เป็นบ้าอะไรของแกฮะ” นาราภัทรถามทันทีเมื่อปลายตะวันหันมาสนใจเธอ
“กะ...ก็” ปลายตะวันกำลังใช้สมองของตัวเองอย่างหนัก จะบอกเพื่อนรักว่ายังไงดีกับเรื่องที่เธอร้องกรี๊ดกราด เอะอะโวยวายอยู่ตอนนี้ นึกแล้วก็อดตำหนิตัวเองไม่ได้จริงๆ ที่ดันบ้า ทำเรื่องน่าอาย แถมยังแสดงกริยาไม่งามไปอีก
“ก็อะไรของแกฮะ รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแค่มากแค่ไหน” นาราภัทรโวยวายใส่ปลายตะวันทันที ดูเอาเถอะ เธออุตส่าห์เป็นห่วง แต่ดูเจ้าหล่อนสิ กลับมายืนหน้าเหรอหรา ทำอะไรไม่ถูก แถมยังบอกไม่ได้อีกว่าร้องโวยวายออกมาทำไม สายตาคู่หวานสบตาใบหน้าหวานที่แดงระเรื่อของปลายตะวันอย่างสนใจ “ตกลงแกเป็นอะไรของแกกันแน่ ปลายตะวัน”
“ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา แกไม่เป็นฉันแกไม่รู้หรอก”
“เอาง่ายๆ เลยนะไอ้จันทร์ ที่แกร้องกรี๊ดกราด โวยวายอยู่เนี่ย มันเป็นเพราะอะไร ตอบมาเลยนะแก ไม่ต้องมาโยกโย้”
เจอน้ำเสียงคาดคั้นจากเพื่อนรักแบบนี้ ปลายตะวันก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน จะให้เธอบอกว่ายังไงดีล่ะ ขืนบอกออกไปว่าเธอดีใจกับสิ่งที่อดีตคนรักทำให้ นาราภัทรก็คงจะหาว่าเธอเป็นบ้าแน่ๆ
“เอ่อ...”
“ว่าไงไอ้จันทร์”
“คนมันดีใจนี่หว่า อิอิ...ก็จะไม่ให้ฉันดีใจได้ยังไง แกรู้ไหมว่าโรงเรือนที่เจ็ด โรงเรือนนี่ฉันเดินมาดูแค่เจ็ดโรงเรือนแรกที่อยู่ด้านหน้าเท่านั้นนะอีกหกสิบกว่าโรงเรือนฉันยังไม่ได้เดินดู แต่แค่เจ็ดโรงเรือนนี้ พี่วัฒน์ทำให้ฉันใหม่ทั้งหมดเลย แล้วยังมีอีกนะ...เอ่อ...”
“เอ่อ...อะไรของแก พูดมาให้หมดเดี๋ยวนี้ โทษฐานที่ทำให้ฉันต้องเป็นห่วง” นาราภัทรคาดคั้นเสียงเขียว
“ก็พี่วัฒน์นำกุหลาบพันธุ์ที่ฉันชอบมาปลูกเอาไว้ในโรงเรือนทั้งเจ็ดโรงเรือนนะสิ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก ที่คุณแม่บอกว่าพี่วัฒน์เข้ามาจัดระบบในไร่ของฉันใหม่ ตอนที่เห็นโรงเรือนที่หนึ่ง ฉันก็ยังเฉยๆ แต่พอฉันเดินเข้าไปดูโรงเรือนที่สอง ที่สาม...แล้วก็เดินมาถึงโรงเรือนที่เจ็ด แกรู้ไหมว่าพี่วัฒน์เอากุหลาบพันธุ์ที่ฉันชอบมาปลูกเอาไว้ตั้งหลายพันธุ์ แบบนี้แกจะไม่ให้ฉันตื่นเต้น กรี๊ดกราดได้ยังไง” ปลายตะวันบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความสุข
เจอคำสารภาพแบบนี้ของเพื่อนรัก นาราภัทรถึงกับยืนงง ทำอะไรไม่ถูกเลยเหมือนกัน หญิงสาวจ้องมองเพื่อนรักตัวเล็กอย่างขบขันปนหมั่นไส้ หลายปีที่ผ่านมาปลายตะวันไม่เคยให้โอกาสภานุวัฒน์ได้อธิบายอะไรเลย แล้วดูสิพอวันนี้มาเจอสิ่งที่ชายหนุ่มทำเอาไว้ แม่เพื่อนสาวจอมเอาแต่ใจถึงกับตื่นเต้น กระดี้กระด้า จนน่าหมั่นไส้
“ก็แค่นี้ มาทำเป็นอาย คราวหลังอย่ากรี๊ดกราด โวยวายแบบนี้อีกนะ ทำเอาชาวบ้านตกอกตกใจกันไปหมด”
“แกนี่หยุดไปเลยนะ คนกำลังตื่นเต้น”
ปลายตะวันส่งเสียงเขียวไปให้เพื่อนรักทันที หญิงสาวร่างเล็กสะบัดหน้าให้คนที่ยืนยิ้มกวนๆ มาให้อย่างหงุดหงิด ร่างเล็กรีบเดินออกไปจากแปลงกุหลาบ ใบหน้าหวานดูงอง้ำจนคนที่ยืนมองแทบจะหัวเราะอยู่ร่อมร่อ แต่มันติดอยู่ที่ใบหน้าหวานๆ กำลังงอนเธออย่างหนักนั่นเอง
“นี่ยังน้อยนะครับคุณหนู อีกหกสิบกว่าโรงเรือนที่เหลือ ก็เหมือนกับเจ็ดโรงเรือนที่คุณหนูเดินดูนั่นแหละครับ ผมว่าคุณหนูเดินดูแค่นี่ก็โอเคแล้วครับ เพราะที่เหลือคุณวัฒน์ก็แบ่งตามสายพันธุ์ของกุหลาบเอาไว้แล้วเหมือนกัน หากเรามองจากด้านนอก คุณหนูจะเห็นโรงเรือนที่อยู่ด้านในอีกสี่โรงเรือน คุณวัฒน์แบ่งพันธุ์กุหลาบเอาไว้พันธุ์ล่ะสองแถวนะครับ”
หัวหน้าคนงานเริ่มอธิบายเจ้านายสาวด้วยความเอ็นดู
“ขนาดนั้นเลยหรือค่ะลุงดำ”
ปลายตะวันเอ่ยถามหัวหน้าคนงานอย่างเลื่อนลอย ใบหน้าหวานยิ้มจนแทบจะเห็นฟันหมดทั้งปากทีเดียว ส่วนสายตาก็ดูเพ้อฝันจนน่าหมั่นไส้
นาราภัทรส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ ดูเอาเถอะบทจะงอนก็งอนจนเธอพูดอะไรไม่ออกเลยเหมือนกัน เธอเดินกลับออกไปจากแปลงกุหลาบ...
หญิงสาวเดินผ่านเพื่อนรักโดยไม่พูดอะไรสักคำ เห็นทีแผนที่เธอคิดจะช่วยให้ภานุวัฒน์กับปลายตะวันคืนดีกัน คงไม่ต้องใช้แล้วล่ะมั้ง ก็ในเมื่อยัยเพื่อนตัวเล็กแสดงอาการตื่นเต้น ดีใจจนออกนอกหน้าขนาดนี้ เห็นทีความหวังของภานุวัฒน์อาจเป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว
////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...