“ถ้าเธอแต่งงานกับฉัน ฉันทำให้แม่เธอสุขสบายได้นะ เธอไม่อยากให้แม่มีชีวิตที่ดีกว่านี้เหรอ” ไอศูรย์ไม่ตอบคำถาม เขาเลือกจะพูดโน้มน้าวก่อนยิงคำถามกลับ “ตกลงจะแต่งหรือไม่แต่ง”
ไวกว่าความคิด ยาหยีเชิดหน้าขึ้นมองเขาอย่างกล้าหาญ ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงพุ่งโหมราวกับเปลวไฟ อาจจะปนฤทธิ์น้ำเมาด้วยนิดหน่อยที่ทำให้เธอกล้าต่อกรกับเขาเช่นนี้ แต่ใครกันจะยอมแต่งงานตามใบสั่งของผู้ชายไร้หัวใจแบบเขา!
“ไม่แต่งค่ะ”
ยาหยีไม่คิดว่าการตอบอย่างฉะฉานของเธอจะทำให้ไอศูรย์คลี่รอยยิ้มอีกครั้ง และรอยยิ้มนั้นก็ทำให้หัวใจเธอเต้นระส่ำเสียจนต้องหลุบตาลงมองผ้าปูโต๊ะ กระทั่งชายหนุ่มวางภาพถ่ายนับสิบใบบนโต๊ะตรงหน้า ยาหยีก็รู้เลยว่าคำว่าหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มมันเป็นอย่างไร!
ทั้งหมดนั้นเป็นภาพถ่ายของเธอขณะทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในเลานจ์แห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุงเทพฯ เธอสวมชุดของร้านซึ่งเป็นกระโปรงสั้น เสื้อแขนตุ๊กตาเว้าคอลึก นี่เป็นความลับสุดยอดของเธอ! ขนาดแม่ยังไม่รู้เลย เพราะเธอโกหกแม่ว่าไปทำงานล้างจานที่ร้านข้าวมันไก่โต้รุ่ง แล้วไอศูรย์รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
อย่าบอกนะว่าเขาตามสืบเรื่องของเธอ และกุมความลับทั้งหมดของเธอไว้ในมือเพื่อแบล็กเมล์ให้เธอยอมเป็นโรงงานผลิตลูกให้เขา!
ไอศูรย์ยิ้มเมื่อยาหยีเงยหน้ามองเขาด้วยใบหน้าซีดเผือด และเขาขู่สำทับด้วยเสียงทรงอำนาจแบบที่ยาหยีมองไม่เห็นหนทางรอดพ้นจากเงื้อมมือของเขาได้เลย
“ถ้าเธอปฏิเสธฉัน แม่ของเธอจะรู้ทันทีว่าลูกสาวโกหกอะไรไว้บ้าง และแน่นอนว่าแม่เธอจะได้เห็นภาพพวกนี้...ทุกใบ”
ยาหยีกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เธอมองเขาผ่านม่านน้ำตาด้วยความผิดหวัง ไม่คิดเลยว่าคุณพ่ออุปถัมภ์ผู้มีพระคุณส่งเสียให้เธอร่ำเรียนมายาวนานจะร้ายกาจเหมือนซาตานในคราบนักบุญแบบนี้
“เชิญค่ะ” ร่างโปร่งระหงลุกขึ้นยืนด้วยดวงตารวดร้าว “หนูจะสารภาพความจริงกับแม่ก่อนที่คุณจะแฉหนู ธุระของคุณมีแค่นี้ใช่ไหมคะ ถ้าจบเรื่องแล้วหนูขอตัว”
“ยัง!”
เขาลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาขวางทางเธอ ก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย ดวงตาคมจ้องมองเธอไม่ลดละ แม้ยาหยีอยากจะเดินหนีออกไปมากแค่ไหน แต่ก็เหมือนถูกดวงตาคู่นั้นสะกดไว้ไม่ให้ขยับ
บ้าชะมัด! เธอยังกลัวเขาอยู่ดี...
“สวัสดีค่ะคุณใหญ่ มีอะไรให้เหมี่ยวรับใช้คะ”
เสียงที่ดังลอดจากลำโพงโทรศัพท์มือถือราคาแพงให้ยาหยีได้ยินแว่วๆ เป็นเสียงของผู้หญิง เสียงแหลม ติดจะแหบ และคุ้นหูจนยาหยีขมวดคิ้วมุ่น
เหมี่ยว...ผู้หญิงที่ชื่อเหมี่ยว...เอ๊ะ! หรือว่า!
“จำเด็กที่ชื่อยาหยี คนที่ฉันสั่งให้ไปชวนมาทำงานที่เลานจ์ได้ไหม”
“ค่ะ จำได้ วันนี้น้องลาหยุดค่ะ แต่ถ้าคุณใหญ่ต้องการเรียกใช้น้อง เหมี่ยวจะ...”
“ไม่ต้อง!”
ไอศูรย์ตวาดเสียงแข็งจนยาหยีสะดุ้งโหยง
เธอมีท่าทีเหมือนอยากจะร้องไห้และอยากจะหนีออกจากที่นี่ในคราเดียวกัน
เพื่อป้องกันไม่ให้สาวน้อยเล่นทีเผลอแล้วหนีไป มือหนาคว้าข้อมือนุ่มหมับ เขามองเธอด้วยดวงตาวาวโรจน์จนยาหยีสั่นเทาไปทั้งร่างด้วยความกลัว เธอไม่เข้าใจว่าเขาโกรธอะไร
ก็โกรธที่เหมี่ยวจะจับเธอใส่พานมาถวายเขาไง!
เขาอุตส่าห์กำชับนักหนาว่าให้ดูแลเด็กของเขาให้ดี ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม เขาไม่อนุญาตให้ยาหยีรับลูกค้าเหมือนเด็กเลานจ์คนอื่นๆ เธอมีหน้าที่เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น ไม่ว่าลูกค้ากระเป๋าหนักแค่ไหนก็ห้ามแตะต้อง! ห้ามลวนลาม! ห้ามมองเกินสิบวินาที! ห้าม! ห้าม! ห้าม! ห้าม! หวังว่าเหมี่ยวและรปภ.ที่เลานจ์จะไม่ละเลยคำสั่งของเขา
แต่พอคิดๆ ดูแล้ว บางทีเหมี่ยวอาจจะคิดมาตลอดว่าเขาหวังเคลมยาหยี วันนี้ถึงโทร.ไปถามหาหลังจากฝากฝังให้ดูแลอยู่นาน
คิดได้เช่นนั้นไอศูรย์ก็พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก
เอาเถิด เด็กสาวใสซื่อแบบยาหยีถ้าถูกใครในเลานจ์ลวนลามก็คงไม่ทนทำงานต่อ ดูสิ ขนาดเขาขอแต่งงานด้วยดีๆ เธอยังเล่นแง่กับเขาเลย
“คะ...คุณใหญ่คะ ฮัลโหล”
เสียงตะกุกตะกักด้วยความกลัวตกงานของเหมี่ยวทำให้ไอศูรย์ใจเย็นลงหน่อยหนึ่ง เขามองสาวน้อยตาแดงๆ ที่พยายามบิดมือออกจากมือเขาอย่างเงียบๆ แม้ร่างบอบบางจะสั่นเทาด้วยความกลัว แต่เธอก็ยังดื้อตาใสอยู่ดี นั่นทำให้เขาต้องพยายามอย่างมากที่จะไม่ยิ้ม...
“ฉันจะบอกว่า...”
เมื่อเสียงทุ้มทรงอำนาจพูดกับปลายสายต่อ ยาหยีก็เงยหน้าขึ้นมองเขา หัวใจเธอเย็นเยียบด้วยความกลัว
โอ...เธอมั่นใจแล้วว่าไอศูรย์ต้องเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของเลานจ์หรูแห่งนั้น ก็ผู้หญิงที่คุยกับเขาอยู่ตอนนี้คือเหมี่ยว ผู้จัดการเลานจ์ที่เธอทำงานอยู่ แถมเขายังพูดว่าเป็นคนสั่งให้เหมี่ยวไปชวนเธอมาทำงาน!
มิน่าล่ะ ตอนเธอกำลังหาเงินตัวเป็นเกลียวโดยไปสมัครทำงานที่ร้านอาหารกลางคืน แต่ก็ทนทำที่ไหนไม่ได้นานเพราะเจอแต่ลูกค้าหัวงู จู่ๆ เหมี่ยวก็เดินมาเจอเธอที่ข้างถนนตอนยืนรอรถกลับบ้าน แล้วชวนเธอไปทำงานด้วย เหมี่ยวบอกว่าขาดคน และยืนยันดิบดีว่าแค่งานเสิร์ฟ ไม่ต้องนั่งดริ๊งก์ เหมี่ยวจะดูแลเธอเอง
ใครจะคิดว่าเป็นฝีมือเขา! เขาทำไปทำไมกันนะ...นี่แปลว่าเขารู้ความเคลื่อนไหวของเธอทุกอย่างเลยละสิ
ยาหยีกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัวไปล่วงหน้า
ถ้าทำให้เขาไม่พอใจแล้วถูกไล่ออกละก็ เธอแย่แน่ๆ แม่ของเธอยังต้องทำกายภาพบำบัด ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่ายจิปาถะที่เพิ่มมากขึ้นหลังพาแม่ย้ายออกมาจากสลัม เรียกได้ว่างานที่เลานจ์นั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ ถ้าเสียงานนี้ไปเธออาจต้องพาแม่กับแมวย้ายกลับไปอยู่ชุมชนแออัดเหมือนเดิม เธออยู่ที่ไหนก็ได้ ลำบากมาตลอด แค่นี้ทนได้อยู่แล้ว แต่แม่...แม่เพิ่งจะได้สบายขึ้น
ยาหยีมองหน้าไอศูรย์ทั้งน้ำตาด้วยความกลัวและสงสารมารดา เธอไม่ได้ต้องการเรียกร้องความเห็นใจ จึงเม้มปากไว้พยายามกลั้นสะอื้นจนตัวสั่น
และแล้วสายฟ้าก็ผ่าลงกลางใจเมื่อเขาพูดกับเหมี่ยวต่อ
“ฉันไล่ยาหยีออก ต่อจากนี้ไปอย่าให้ใครเปิดประตูรับยาหยีอีก!”
ชายหนุ่มกดตัดสาย เขาเสียบมันลงกระเป๋ากางเกงแล้วก้าวเข้าไปใกล้ มือที่จับข้อมือดึงตัวเธอเข้ามาชิด ก่อนจะยกมืออีกข้างที่ยังว่างขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากพวงแก้มเนียนละเอียด เขาเหยียดยิ้มราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ มือยังคงประคองแก้มใสไม่ให้เธอก้มหน้าหลบตาเขาอีกต่อไป
“ทีนี้ตอบฉันมาสิ จะแต่งหรือไม่แต่ง”